เทรด Forex ตามแนวคิด Dow Theory ฉบับเข้าใจง่าย

ในโลกของการลงทุน มักจะมีแนวคิดหรือทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับระบบการเงินการลงทุนผุดขึ้นมามากมาย แต่มีอยู่แนวคิดนึงครับที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน คนก็ยังพูดถึงและนำมาปรับใช้ในระบบการเงิน+การลงทุนอยู่…ใช่แล้ว ผมกำลังพูดถึงแนวคิด “Dow Theory” ครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • Dow Theory คือรากฐานการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ที่คิดค้นโดย Charles H. Dow
  • หลักการ Dow Theory มี 6 ข้อคือ 1 ราคาที่ปรากฏบนกราฟได้สะท้อนทุกอย่าง ทั้งข้อมูล ข่าวสารและความเชื่อมั่นของนักลงทุนหมดแล้ว ข้อ 2 ตลาดมี 3 แนวโน้ม = แนวโน้มหลัก, แนวโน้มรองและแนวโน้มย่อย
  • ข้อ 3 แนวโน้หลักก็แบ่งออกได้อีก 3 ระยะ = ระยะสะสม, ระยะเข้าร่วมและระยะกระจายตัว ข้อ 4 ดัชนีต้องยืนยันกันเอง ใน Forex อาจจะใช้ Confluence
  • ข้อ 5 ปริมาณยืนยันแนวโน้ม = Volume เทรดต้องสัมพันธ์กับการทำจุดสูงสุด/ต่ำสุด ใหม่ ข้อ 6 Trend is your friend til it’ bend เทรดตามเทรนด์ไปจนกว่าสัญญาณกลับตัวจะออกมา

Dow Theory คืออะไร?

  • Dow Theory เป็นทฤษฎีที่คิดค้นโดย Charles H. Dow (ผู้ร่วมก่อตั้ง Wall Street Journal และคิดค้น ดัชนี Dow Jones นั่นแหละ)
  • หลักการคร่าวๆ ของ Dow Theory จะใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคา โดยเชื่อว่าราคาสะท้อนข้อมูลทุกอย่างในตลาดและตลาดมีการเคลื่อนไหวเป็นแนวโน้ม 3 ประเภท (ยังไม่ใช่ trend นะ) คือ
    • แนวโน้มหลัก (Primary Trend)
    • แนวโน้มรอง (Secondary Trend)
    • แนวโน้มย่อย (Minor Trend)
  • เอาจริงๆ Dow Theory มันเป็นแนวคิดกว้างๆ สำหรับการลงทุนในทุกรูปแบบแต่มันก็สะท้อนพฤติกรรมราคาของ Forex ได้เหมือนกัน ซึ่งจะพูดถึงหลักการอย่างละเอียดในหัวข้อต่อไปครับ
ประวัติ Charles H. Dow ผู้คิดค้น Dow Theory
Charles H. Dow ผู้บุกเบิกหนังสือพิมพ์การลงทุนแห่ง Wall Street Journal สู่การกำเนิด Dow Theory แนวคิดอันเป็นรากฐานการวิเคราะห์ตลาดในยุคแรกๆ จนถึงปัจจุบัน

6 หลักการ Dow Theory ฉบับย่อเข้าใจง่าย

เรามาเจาะลึกหลักการ Dow Theory ทั้ง 6 ข้อแบบเข้าใจง่ายๆ เดิมทีใช้กับตลาดหุ้นแต่จะสามารถปรับใช้กับการเทรด Forex ยังไงได้บ้าง

1. ราคาสะท้อนทุกสิ่ง (Price Discounts Everything)

  • ตามแนวคิด Dow เชื่อว่าราคาที่ปรากฏบนกราฟได้สะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่ตลาดรับรู้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเหตุการณ์ในอนาคต Dow เน้นย้ำความสำคัญในการวิเคราะห์กราฟราคามากกว่ารับข้อมูลข่าวสาร
  • ในบริบทการเทรด Forex คุ้นๆ ไหมครับว่าเหมือนอะไร…ใช่แล้ว มันคือการวิเคราะห์ที่เน้นเชิงเทคนิค (Technical Analysis) นั่นเอง
  • ข่าวสารต่างๆ = ปัจจัยพื้นฐาน Dow มองว่ามันอยู่ในกราฟแท่งเทียนไปแล้ว เน้นวิเคราะห์พวก Price Action, Price Level หรือ Supply/Demand Zone ดีกว่า
หลักการ Dow Theory ข้อที่ 1 ราคาสะท้อนทุกสิ่ง
จากตัวอย่างในรูปจะเห็นว่าระดับราคา (ขีดทั้ง 3 เส้น) ต่างทำหน้าที่เป็นแนวรับ-แนวต้าน ในแต่ละ Level ของซึ่งมันบอกได้ว่าระดับนี้เคยมีข่าวหรือข้อมูลที่ทำให้เทรดเดอร์เท ซื้อ/ขาย จนราคากลับตัว ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจนกลายเป็นระดับจิตวิทยาอย่างหนึ่ง

2. ตลาดมี 3 แนวโน้ม (Three Trends)

  • หลักการ Dow แบ่งการเคลื่อนไหวของราคาออกเป็น 3 ประเภท บอกก่อนว่าไม่ได้พูดถึง Trend นะ มันคือ
    1. แนวโน้มหลัก (Primary Trend): คือแนวโน้มระยะยาว ทิศทางโดยรวมของตลาด (Bear/Bull)
    2. แนวโน้มรอง (Secondary Trend): ตรงข้ามกับแนวโน้มหลัก เป็นการพักตัวหรือการปรับฐาน ซึ่งมันจะเกิดขึ้นสั้นกว่าแต่ก็นานพอสมควร เช่น วัน-สัปดาห์
    3. แนวโน้มย่อย (Minor Trend): อันนี้ระยะสั้นที่สุด เป็นเหมือน “สัญญาณรบกวน” ที่ไม่สำคัญต่อภาพรวม เป็นเพียงความผันผวนสั้นๆ
  • ในบริบทการเทรด Forex ข้อนี้เนี่ยมันก็สะท้อนออกมาเป็นสไตล์การเทรดของแต่คนนั่นแหละครับ
    • คนที่เลือกเทรดตามแนวโน้มหลัก = Carry Trade, Trend Following
    • เทรดตามแนวโน้มรอง = Trend Following, Swing Trade, Day Trade
    • เทรดตามแนวโน้มย่อย = Scalping, Day Trade
หลักการ Dow Theory ข้อที่ 2 ตลาดมี 3 แนวโน้ม
กราฟ AUDUSD ในรูปแนวโน้มหลักคือแนวโน้มขาลง กินเวลากว่า 14 ปี (2011-2025) ภายในแนวโน้มหลักมีแนวโน้มย่อยเป็นขาขึ้นใหญ่ 2 ครั้ง 3ปี และ 1 ปี แต่ละวันก็มีแนวโน้มย่อยๆ ที่เปลี่ยนไปมา (ขึ้น, ลง, sideway)

3. แนวโน้มแบ่งออกเป็น 3 ระยะ (Three Phases)

  • ต่อมา Dow พูดถึงแนวโน้มหลัก (เฉพาะ Trend ขึ้น/ลง) จะมี 3 ระยะ คือ
    1. ระยะสะสม (Accumulation Phase): มันคือระยะแรกๆ ที่นักลงทุน (ที่มีวิสัยทัศน์หรือมีข้อมูลลึกก่อนใคร) เข้าซื้อสะสมสินทรัพย์ในราคาต่ำสุด โดยคนส่วนใหญ่ยังมองไม่ออกด้วยซ้ำ! จึงเป็นช่วงที่ตลาดไม่ผันผวนมากนัก
    2. ระยะเข้าร่วมของรายย่อย (Public Participation Phase): เมื่อราคาเริ่มขยับขึ้นอย่างชัดเจนจากระยะสะสม คนทั่วไปเริ่มรับรู้และเข้ามาซื้อตาม ช่วงนี้แหละราคาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นวลี “to the MOON!” มาหลายรอบแล้วเพราะทำกำไรได้มากที่สุดคือช่วงนี้
    3. ระยะกระจายตัว (Distribution Phase): ระยะนี้นักลงทุนกลุ่มแรกจะเริ่มขายทำกำไรที่ซื้อตั้งแต่ระยะสะสม ในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่าราคาจะขึ้นต่อไป ช่วงนี้ราคาจะผันผวนสูงและเริ่มส่งสัญญาณกลับตัว! หลายคนก็ติดดอยตรงนี้แหละ
  • พอผ่านทั้ง 3 ระยะ มันก็จะกลับมาวนลูปที่ระยะสะสมใหม่อีกครั้ง ซึ่งในบริบทของ Forex หลักการนี้ช่วยให้เข้าใจ “วงจร” ของตลาดได้ดีขึ้น แม้ว่าในตลาด Forex มันจะซับซ้อนกว่านี้ (เพราะทำกำไรได้ดีทั้ง 2 ทาง) แต่ก็ทำให้ตระหนักถึงการเข้ามาของ “รายใหญ่” ได้
หลักการ Dow Theory ข้อที่ 3 แนวโน้มมี 3 ระยะ
กราฟหุ้น CNX ช่วงแรก ระยะสะสมและระยะเข้าร่วมอาจจะสั้น จะมาชัดเจนตอนระยะกระจายตัว(เทขายหุ้น) และเริ่มกลับมาวนลูปใหม่ที่ระยะสะสมอีกครั้ง (ไม่ค่อยผันผวน) จากนั้นเฟสต่อไปคือระยะเข้าร่วมราคาพุ่งยาวๆ และถ้าตาม Dow Theory น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?

4. ดัชนีต่าง ๆ ต้องยืนยันซึ่งกันและกัน

  • เดิมที Dow ใช้ดัชนี 2 ตัวคือดัชนีอุตสาหกรรมและดัชนีขนส่ง เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งแนวโน้มของตลาดหุ้นถ้าดัชนีทั้ง 2 เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าเคลื่อนที่คนละทางก็อาจจะสรุปได้ว่าแนวโน้มยังแข็งแกร่งไม่จริง
  • ในเรื่องนี้ตลาด Forex ไม่มีดัชนีคู่เหมือนตลาดหุ้น แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกันคือ Confluence การยืนยันสัญญาณจากปัจจัยต่างๆ เช่น Price Action + Indicators + Supply/Demand ก็สามารถยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มได้
  • อีกแบบนึงคือการเทียบกัน 2 คู่เงินที่มี 1 สกุลเงินเหมือนกัน เช่น GBPJPY กับ AUDJPY หากเงินเยน (JPY) อ่อนค่า กราฟทั้งคู่ก็ควรจะพุ่งขึ้นเหมือนกัน
หลักการ Dow Theory ข้อที่ 4 ดัชนีต้องยืนยันกัน
เนื่องจาก Forex ไม่มีดัชนีที่เอาไว้ยืนยันเหมือนหุ้น เราสามารถประยุกต์แนวคิดนี้ด้วยการใช้ Confluence = ยืนยันสัญญาณจากหลายๆ เครื่องมือหรืออาจจะดูคู่เงิน 2 คู่ที่มีสกุลเงินเดียวกันเป็นตัวอ้างอิงก็ได้

5. ปริมาณ (Volume) ต้องยืนยันแนวโน้ม

  • แนวคิด Dow เชื่อว่าปริมาณการซื้อขาย (Volume) ควรจะเพิ่มขึ้นในทิศทางของแนวโน้มหลักและลดลงเมื่อราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับแนวโน้มหลัก
  • ซึ่งในการเทรด Forex เราไม่มี Real Volume เหมือนตลาดหุ้นแต่เราใช้ Tick Volume เป็นตัวแทนได้ เพราะ Tick Volume คือจำนวนครั้งที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหนึ่ง ก็พออนุมานได้ว่าหากการเปลี่ยนแปลงเยอะ = ปริมาณการเทรดเยอะด้วย
  • ดังนั้นในตลาด Forex หากราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (ในแนวโน้มขาขึ้น) และ Tick Volume เพิ่มขึ้นด้วยก็จะเป็นสัญญาณยืนยันว่าแนวโน้มนั้นแข็งแกร่งจริง
หลักการ Dow Theory ข้อที่ 5 ปริมาณยืนยันแนวโน้ม
ฟีเจอร์ Tick Volume แม้จะไม่ได้วัดปริมาณการซื้อขายอย่างแท้จริงแต่กวัดจากปริมาณการเปลี่ยนแปลงราคาซึ่งมันก็สามารถตีความและวิเคราะห์ทางอ้อมได้ว่า ปริมาณการเปลี่ยนแปลงราคาที่เพิ่มขึ้น = มีการซื้อขายบ่อยขึ้น ปริมาณการเทรดก็มากขึ้นด้วย

6. The Trends is friend til the end when it’s bend

  • The Trend is friend til the end when it’s bend มันแปลว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นจะดำเนินต่อไปในทิศทางเดิมจนกว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนบ่งบอกถึงการสิ้นสุดหรือกลับตัว
  • วลีนี้โคตรจะคลาสสิคและเป็นพื้นฐานในการเทรดมาทุกยุคสมัย อย่าไปคาดเดาแบบไม่มีหลักการว่าตลาดจะกลับตัว/เปลี่ยนทางเมื่อไหร่ กราฟราคามันจะสะท้อนออกมาเองและคนที่รู้ก็จะเข้าสู่ลูปข้อที่ 1
  • ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายในบริบทของ Forex นะครับเพราะมันสามารถเข้าใจได้ในตัวประโยคของมันเลย เทรนด์จะเป็นเพื่อนของเรา เทรดตามเทรนด์จนกว่าจะมีสัญญาการกลับตัว
หลักการ Dow Theory ข้อที่ 6 เทรนด์จะดำเนินต่อไป
แนวคิด Dow Theory ข้อสุดท้ายคือยึดมั่นที่จะเทรดตามเทรนด์ ไม่ สวนเทรนด์ จนกว่าราราคาจะส่งสัญญาณออกมาเองว่าเทรนด์นี้กำลังจะจบแล้ว ซึ่งมันจะวนกลับไปยังข้อที่ 1 คือราคาได้บอกทุกอย่างไปแล้ว

วิดีโอเกี่ยวกับ Dow Theory

 

มีวิดีโอตัวหนึ่งเมื่อนานมาแล้วที่สอน เทรด Forex โดยใช้แนวคิดของ Dow Theory มาอธิบายให้ฟัง ซึ่งจวบจนปัจจุบันแนวคิดนี้ก็ยังไม่เคยล้าหลัง สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอด ถ้าได้ดูคลิปนี้จะเห็นภาพชัดขึ้นครับ

  • Focus นาทีที่ 00:30 แนวคิดพื้นฐานของทฤษฎี Dow
  • Focus นาทีที่ 01:10 การเทรดตามเทรนด์ ขาลง
  • Focus นาทีที่ 02:17 การเทรดตามเทรนด์ ขาขึ้น

สรุป

คงจะเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมแนวคิด Dow Theory ถึงถูกจัดเป็นตำนานแนวคิดที่สามารถประยุกต์กับทุกยุคทุกสมัยของตลาดการเงิน การลงทุน เชื่อว่า การที่มันมีความเบสิคพื้นฐานแบบนี้แหละที่จะตอบโจทย์การเทรดของหลายๆ คนได้ และไม่ว่ารูปแบบการลงทุนใหม่จะเปลี่ยนไปแค่ไหนแต่เชื่อแนวคิดนี้มันจะยังอยู่ต่อไปครับ

สุดท้ายนี้วลีในตำนานอีกอย่างที่เหมาะกับบทความนี้เหลือเกิน “You can kill the man but not the Idea” ตัวตนของเราอาจจะจากไปแต่แนวคิดจะยังคงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ Dow Theory นั่นแหละครับ

ทีมงาน : thaiforexbroker.com

สารบัญบทความ