Momentum trading กลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัมสำหรับมือใหม่

Highlight บทคัดย่อ

  • กลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัมเป็นการเทรดสไตล์ Trend Following ที่อาศัยอินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัมเป็นการยืนยันจุดเข้าเทรด
  • กลยุทธ์นี้สามารถเทรดได้ทั้งรูปแบบ Pullback หรือ Throwback และ เทรดตามแรงซื้อหรือแรงขายจากโมเมนตัมระยะสั้นในแนวโน้มระยะยาว
  • ข้อควรระวังในการใช้กลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัม คือสภาวะตลาด Side Way ที่จะทำให้มีโอกาสขาดทุนได้สูง และต้องระวังการเทรดสวนเทรนด์จากแนวโน้มภาพใหญ่

กลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัม

ภาพอธิบายเกี่ยวกับกลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัมโดยย่อ
  • กลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัมเป็นสไตล์การเทรดแบบ Trend Following โดยอาศัยหลักการที่เข้าใจง่ายๆคือ
    • การเทรด Buy ในราคาที่แพง เพื่อทำกำไรในราคาที่แพงกว่า
    • การเทรด Sell ในราคาที่ถูก เพื่อทำกำไรในราคาที่ถูกกว่า
  • การเทรดตามโมเมนตัมนั้นเป็นเหมือนการเข้าไปทำกำไรจากแรงซื้อแรงขายในระยะสั้นขณะที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงระยะยาว
  • รูปแบบการเทรดนี้นิยมใช้เครื่องมืออินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัมในการยืนยันจุดเข้าเทรด ซึ่งสามารถใช้เทรดได้ทุกไทม์เฟรม โดยจากมีลักษณะการเทรดแบบ Pullback หรือ Follow buy และ Follow sell

แยกแนวโน้มระยะสั้นและแนวโน้มระยะยาว

ภาพข้อดีของการแยกแนวโน้มระยะสั้นและแนวโน้มระยะยาว

แนวโน้มของตลาดคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การเทรดโมเมนตัมประสบความสำเร็จดังนั้นเราต้องแยกแนวโน้มให้ออกครับเพื่อป้องกันการเทรดสวนเทรนด์

หลักการแยกแยะแนวโน้ม

  1. ให้ตั้งไทม์เฟรมหลักและไทม์เฟรมที่เข้าเทรดขึ้นมา โดยให้ไทม์เฟรมหลักใหญ่กว่า 4-6 เท่า เช่น เทรดในไทม์เฟรม 15 M ให้ใช้ไทม์เฟรมหลัก 1H ในการดูแนวโน้มระยะยาว
  2. ใช้เส้น EMA 200 ในการแยกแยะแนวโน้มทั้ง 2 ไทม์เฟรม

หลักการวิเคราะห์

  • หากเส้น EMA 200  ในไทม์เฟรม 1H  และ 15 M สะท้อนพฤติกรรมราคาในรูปแบบเดียวกัน (กราฟทั้ง 2 ไทม์เฟรมขึ้นหรือลงเหมือนกัน) แสดงว่าแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาวเหมือนกัน ทำให้โอกาสการเทรดด้วยโมเมนตัมมีโอกาสชนะสูง (จากภาพการเทรดเฉพาะหน้า Buy ตามแนวโน้มใหญ่จะมีโอกาสสูงมาก)

  • หากเส้น EMA 200  ในไทม์เฟรม 1H  และ 15 M สะท้อนพฤติกรรมราคาในรูปแบบแตกต่างกัน แสดงว่าแนวโน้มระยะสั้นระยะยาวไม่เหมือนกัน การเทรดด้วยโมเมนตัมมีโอกาสเทรดสวนเทรนด์และมีโอกาสชนะต่ำ (จากภาพกราฟอยู่ในช่วงที่ไม่ควรเทรดเพราะตลาดมีแนวโน้มไม่แน่นอน)

อินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัม

  • อินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัมเป็นเครื่องมือแสดงแรงซื้อและแรงขายของสินทรัพย์ในตลาด รวมทั้งคาดการณ์จุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว เป็นตัวช่วยคอนเฟิร์มการเข้าเทรดให้กับกลยุทธ์เทรดหลาย ๆ กลยุทธ์ที่นักเทรดได้สร้างขึ้นมา

ลักษณะของอินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัม

ภาพแสดงลักษณะเด่นของอินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัมที่หลายๆตัวมีคล้ายกัน โดยในตัวอย่างคือ RSI

ถึงแม้ว่าอินดิเคเตอร์แต่ละตัวจะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปแต่ส่วนมากแล้วจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันดังนี้ครับ

  • โซน Overbought และ Oversold : โซนที่อยู่นอกบริเวณเส้นปะ เมื่อค่าของอินดิเคเตอร์เข้าสู่โซนดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าราคากำลังอยู่ในช่วงที่มีแรงซื้อหรือว่าแรงขายมากเกินไปและมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะพักตัวเพื่อไปต่อในทิศทางเดิมหรือกลับตัวในอนาคต
  • เส้น Middle Line  หรือ Zero Line : เป็นเส้นปะที่อยู่บริเวณกึ่งกลางของอินดิเคเตอร์ใช้เพื่อแบ่งแยกแรงซื้อและแรงขายครับ
    • หากค่าของอินดิเคเตอร์อยู่เหนือเส้น Middle Line แสดงว่าตลาดเริ่มมีโมเมนตัมที่เป็นแรงซื้อเข้ามามากขึ้น
    • หากค่าของอินดิเคเตอร์อยู่ใต้เส้น Middle Line แสดงว่าตลาดเริ่มมีโมเมนตัมที่เป็นแรงขายเข้ามามากขึ้น

ตัวอย่างอินดิเคเตอร์

  1. MACD
  2. Stochastic Oscillator (Stochastic / Stochastic RSI)
  3. RSI
  4. CCI
  5. William %R

ตัวอย่างกลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัมสำหรับมือใหม่

การเทรดด้วย MACD

เครื่องมือที่ใช้

  • EMA 200
  • MACD

วิธีการเทรด Buy 

ภาพแสดงวิธีการเทรดในแนวโน้มขาขึ้นโดยใช้โมเมนตัมจาก MACD
  1. กราฟอยู่เหนือ EMA 200
  2. MACD ตัดขึ้นใต้เส้น Zero Line
  3. เปิด Buy
  4. ตั้ง Stop Loss ที่ Swing Low
  5. ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:1.5

วิธีการเทรด Sell 

ภาพแสดงวิธีการเทรดในแนวโน้มขาลงโดยใช้โมเมนตัมจาก MACD
  1. กราฟอยู่ใต้ EMA 200
  2. MACD ตัดลงเหนือเส้น Zero Line
  3. เปิด Sell
  4. ตั้ง Stop Loss ที่ Swing High
  5. ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:1.5

การเทรดด้วย Stochastic

เครื่องมือที่ใช้

  • EMA 200
  • Stochastic

วิธีการเทรด Buy 

ภาพแสดงวิธีการเทรดในแนวโน้มขาขึ้นโดยใช้โมเมนตัมจาก Stochastic
  1. กราฟอยู่เหนือ EMA 200
  2. Stochastic ตัดขึ้นจาก Oversold
  3. เปิด Buy
  4. ตั้ง Stop Loss ที่ Swing Low
  5. ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:1.5

วิธีการเทรด Sell 

ภาพแสดงวิธีการเทรดในแนวโน้มขาลงโดยใช้โมเมนตัมจาก Stochastic
  1. กราฟอยู่ใต้ EMA 200
  2. Stochastic ตัดลงจาก Overbought
  3. เปิด Sell
  4. ตั้ง Stop Loss ที่ Swing High
  5. ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:1.5

การเทรดด้วย CCI

เครื่องมือที่ใช้

  • EMA 200
  • CCI

วิธีการเทรด Buy 

ภาพแสดงวิธีการเทรดในแนวโน้มขาขึ้นโดยใช้โมเมนตัมจาก CCI
  1. กราฟอยู่เหนือ EMA 200
  2. CCI เข้าสู่โซน Overbought
  3. เปิด Buy
  4. ตั้ง Stop Loss ที่ Swing Low
  5. ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:1.5

วิธีการเทรด Sell 

ภาพแสดงวิธีการเทรดในแนวโน้มขาลงโดยใช้โมเมนตัมจาก CCI
  1. กราฟอยู่ใต้ EMA 200
  2. CCI เข้าสู่โซน Oversold
  3. เปิด Sell
  4. ตั้ง Stop Loss ที่ Swing High
  5. ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:1.5

ทั้ง 3 กลยุทธ์การเทรดเป็นเพียงแค่ตัวอย่างที่สามารถนำไปปรับใช้กับอินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัมตัวอื่นๆได้ครับ


คำแนะนำในการใช้กลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัม

  1. การเทรดด้วยโมเมนตัมจะต้องเทรดในทิศทางเดียวกับเทรนด์เท่านั้น การหาโอกาสเทรดสวนเทรนด์มีโอกาสที่จะทำให้ขาดทุนได้สูงมาก
  2. ถึงแม้ว่าอินดิเคเตอร์แสดงโมเมนตัมหลายตัวจะสามารถใช้ค่ามาตรฐานในการสร้างกลยุทธ์การเทรดได้ แต่ก็สามารถปรับค่าให้เข้ากับพฤติกรรมราคาได้เช่นเดียวกัน
  3. หลีกเลี่ยงการเทรดในตลาด Side Way  เพราะมีโอกาสโดน Stop Loss ได้บ่อย
  4. หากนำกลยุทธ์ไปปรับใช้ร่วมกับ Key Level จะทำให้กลยุทธ์มีความแม่นยำมากขึ้น
  5. นำกลยุทธ์ไปทดสอบก่อนใช้งานจริง
  6. ควรวิเคราะห์แนวโน้มภาพใหญ่ก่อนและหาจุดเข้าเทรดจากโมเมนตัมภาพเล็กในการเทรดจะช่วยให้ได้กำไรเพิ่มได้โดยเฉพาะถ้ามีเทคนิคในการถือทำกำไรให้นานมากขึ้น

คลิปวีดิโอเกี่ยวกับกลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัม

 

เพื่อให้เพื่อนๆสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงผมได้นำคลิปวีดิโอเกี่ยวกับกลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัมมาให้เพื่อนๆได้ดูกันครับ

  • Focus นาทีที่ 0.40 การเทรดเทรดโมเมนตัมคืออะไร
  • Focus นาทีที่ 1.40 การหาโมเมนตัมที่แท้จริงของตลาด
  • Focus นาทีที่ 2.30 การหาจุดเข้าเทรดในโมเมนตัม
  • Focus นาทีที่ 4.30 ตลาดที่เหมาะกับกลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัม

สรุป

กลยุทธ์เทรดตามโมเมนตัมเป็นกลยุทธ์เทรดสไตล์ Trend Following ซึ่งกับเราจะทำกำไรจากโมเมนตัมในระยะสั้นๆ จากแนวโน้มระยะยาวของตลาดโดยใช้อินดิเคเตอร์ตัวอย่างเช่น MACD, RSI หรือ CCI เข้ามาคอนเฟิร์มในการเทรด

การเทรดโมเมนตัมต้องเทรดตามเทรนด์เท่านั้นถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด และควรหลีกเลี่ยงตลาด Side Way  ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้กลยุทธ์นี้พบกับการขาดทุนได้มากกว่าสภาวะตลาดอื่น ๆ

ทีมงาน: thaiforexbroker.com

สารบัญบทความ