กลยุทธ์เทรด Pullback
กลยุทธ์เทรด Pullback หนึ่งในวิธีการเทรดที่นิยมกันมากสุด คือการเทรดด้วยกลยุทธ์ที่เรียกว่า pullback เป็นการเข้าตลาดหลังจากตลาดสร้างเทรนแล้วจากนั้นราคาก็วิ่งสวนเทรน ซึ่งเป็นปกติที่ต้องเกิดขึ้นเพราะตลาดไม่ได้วิ่งเป็นส้นตรงแต่วิ่งขึ้นลงเป็นคลื่นค่อยๆขยับไป หลังจากที่ตลาดขึ้นเพราะ impulsive move แล้วมีการ corrective move ตรงนี้ล่ะกลยุทธ์การเทรด pullback
ตัวโครงสร้างกลยุทธนี้ดึงดูดเทรดเดอร์ด้วยมากเพราะการวิ่งแรกๆ หรือ impulsive move หรือเป็นผลจากการเข้าเทรดของขาใหญ่เป็นหลัก บอกว่าขาใหญ่เข้าเทรดตรงไหน รอจังหวะที่ขาใหญ่ต้องการเข้าเทรดเพิ่มถ้าออเดอร์ฝ่ายตรงข้ามไม่พอ ด้วยการปิดทำกำไรจากการดันราคาขึ้นอย่างแรง แล้วหาจุดอ้างอิงในการเข้า จะเป็นจุดที่เทรดเดอร์ต่างๆที่พลาดโอกาสครั้งที่ขึ้นแรกๆ ได้เข้าร่วมเทรน
การเทรดแนว pullback ต่างกันออกไปแล้วแต่รูปแบบการเทรดของแต่ละกลุ่มเทรดเดอร์ อาจเป็นการใช้อินดิเคเตอร์ เช่น moving averages, fibonacci retracements, support/resistance, trendlines, round numbers, Bollinger Bands หรือแนวชาร์ตเปล่า supply/demand levels หรือแนวออเดอร์ล้วนๆ ด้วยการอ่าน order flow
หากดูจากภาพตัวอย่างด้านบนท่านจะพบกว่าpullback ก็คือการเทรดตอนราคาลงมาย่อตัวเพื่อเทสเทรน ตอนที่ราคาขึ้นไป การเทรดนี้ประยุกต์ได้เกี่ยวกับรูปแบบการเทรด เช่น position trading, swing trading, day trading และ scalp trading เลยเป็นรูปแบบที่เทรดเดอร์ส่วนมากรู้จักกันดี – ต้องไม่ลึมว่าคำว่าเทรดเดอร์ส่วนมากรู้จักกันดี ตรงนี้เลยทำให้กลายเป็นจุดที่หาโอกาสเข้าเทรด เป็นจุดที่จะมี liquidity เยอะ เป็นจุดที่ขาใหญ่สามารถหาออเดอร์ฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาได้ง่าย
ตัวแปรหลักสำคัญของกลยุทธ์แบบนี้อยู่ที่หา Impulsive move หรือจุดที่ราคาเกิดการวิ่งแรงๆ ที่ว่าขาใหญ่เข้าเทรดจริง หรือ imbalance ระหว่างออเดอร์ที่ตามด้วยราคาที่แตะร่องรอยการเทรดข้างเดียว 2 ตัวอย่างด้านบนเป็นการยกตัวอย่าง อินดิเคเตอร์ 2 ตัวประกอบคือ Bollinger Bands และ Fibo Retracements
ก่อนอื่นไม่ว่าจะเทรดด้วยกลยุทธ์ไหนก็ตาม ท่านจำเป็นต้องเข้าใจตลาดทำงานอย่างไร เทรดเดอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาใหญ่เทรดอย่างไร เพราะขาใหญ่เทรดด้วยจำนวนวอลลูมเยอะมากพอที่จะขับเคลื่อนตลาด เพราะการกระทำใดๆ ในการเทรดของขาใหญ่ เช่น การเข้าเทรด การปิดทำกำไร หรือการออกจากตลาด ล้วนต้องการออเดอร์ฝั่งตรงข้ามกับที่พวกเขาจะทำ
Pullbackจะเห็นว่าตีเส้นFiboจากจุดlowที่3เพราะ2แรกแม้ว่าถ้ามองส่วนBollinger Bandจะพอเห็นว่าราคาอยู่ส่วนของlower bandsแต่ก่อนการเทรดเราต้องการเห็นimpulsive moveที่บอกว่าขาใหญ่เข้าเทรดจริงๆการลากจากจุดที่3ขึ้นมาเพราะได้เงื่อนไขimpulsive moveเมื่อเราลากFibo retracement levelsท่านจะเห็นว่าlevelsที่38.2 50.0หรือ61.8
เป็นlevelsที่ตรงกับว่ามีร่องรอยการเปิด sell positons บอกว่าเป็นพวก trapped traders อยู่ตรงนี้เมื่อเกิด impulsive move หรือถ้ามองด้าน Bollinger Bands ท่านจะเห็นว่าราคาเด้งจาก lower band ตรงlowที่3และสามารถขึ้นมายืนบนกรอบ upper bandไ ด้แถมเกือบจะปิดเหนือเส้นบนของส่วน upper band ด้วยถ้าราคาย่อตัวลงมาและมีการเด้งอีกจะเป็นโอกาสเปิดเทรด (ตรงส่วนนี้ต้องดูbollinger bands ใน timeframe ย่อยลงไปประกอบ–เคยนำเสนอไปในบทความการเทรดด้วยBollinger Bandsไปแล้ว)
อย่างกรณีPullback 1ได้อธิบายการมองinpulsive moveและpullbackด้วยการมองชาร์ตเปล่าที่ราคาขึ้นทำให้เปิดtrapped tradersและการใช้อินดีเคเตอร์ประกอบBollinger BandsและFiboการมองหาโอกาสเทรดแบบนี้จำเป็นต้องเข้าใจตลาดทำงานออเดอร์ทำงานและพฤติกรรมเทรดเดอร์ประกอบด้วย
ตัวอย่างpullback 2เหมือนกันกับอย่างแรกแค่คนละทางอย่างกรณีการใช้Fibo Retracementสิ่งที่จำเป็นคือการหาจุดอ้างอิงHighและLowในการลากพวกนี้จะเกิดได้ด้วยการเข้าใจตลาดทำงานเช่นดูชาร์ตให้ออกว่าเป็นการเข้าเทรดของขาใหญ่หรือเปล่าจุดที่อ้างมาประกอบการลากFiboหรือแค่เป็นผลจากการปิดทำกำไรหลังจากราคาเกิดimpulsive move
หรือบอกการเข้าเทรดอย่างจริงดูจุดretracementต่างๆที่มีจุดอ้างอิงประกอบจะดีเช่นswap levelหรือจุดที่มีtrapped tradersเข้าใจเรื่องlevels above/behind levles(เช่น supply above supplyหรือdemand below demandที่อยู่ติดๆกันมีผลต่อออเดอร์ที่เข้ามาอย่างไร)
ตัวอย่างการใช้เทรนไลน์ประกอบ
จากตัวอย่างต่างๆที่ยกมาการหาImpulsive moveด้วยการใช้อินดิเคเตอร์หรือใช้ชาร์ตเปล่าด้วยการดูแท่งทียนบาร์ยาวๆไปทางเดียวกันและราคาปิดมีบาร์สนับสนุนทางเดียวแบบเดียวกันแต่ส่วนบอดี้อาจต่างกันไปนิดหน่อยแต่เมื่อรวมกันแล้วต้องสื่อความหมายที่ต้องการคือบอกการเข้าเทรดเพื่อกันราคาไปทางใดทางหนึ่งจริงจำเป็นต้องเข้าใจmarket structureและprice movement
เข้าใจหลักออเดอร์ทำงานตระหนักถึงพฤติกรรมจากเทรดเดอร์อื่นๆที่จะเข้าตลาดหรือออกจากตลาดบอกว่าเป็นimpulsive moveหรือเปล่าตลาดเป็นไดนามิคขึ้นหรือลงราคาวิ่งเป็นคลื่นเป็นกลไกการเทรดและการทำกำไร ตลาดฟอเรกเทรดได้ทั้งขึ้นและลงต้องไม่ลืมว่าการทำกำไรหรือการเข้าเทรดขาใหญ่ต้องการออเดอร์ฝั่งตรงข้ามจากเทรดเดอร์เยอะๆ หรือ the herd
ทีมงาน : thaiforexbroker.com