การใช้ Trendlines วิเคราะห์แนวโน้ม ดูจุดเข้า-ออกและจุดเปลี่ยนเทรนด์

ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าการเทรด Forex (หรือเทรดอะไรก็ตาม) จำเป็นอย่างยิ่งที่เทรดเดอร์ต้องดูเทรนด์ให้ออก+ตี Trendlines และใช้ประโยชน์จากเส้นนี้ให้ได้ครับ ในบทความนี้เองเราจะสอนการตีเส้น Trendlines การหาจุดเข้าออกและกลับตัวแบบครบสูตร ง่ายๆ ครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • เส้น Trendlines ถูกลากเพื่อเชื่อมจุดราคาสูงสุดหรือต่ำสุด เพื่อระบุทิศทางหลักของแนวโน้ม (ขึ้น, ลง, ออกข้าง) และยังทำหน้าที่เป็นแนวรับแนวต้านแบบไดนามิค
  • การตีเส้น trendline ที่ถูกต้อง
    • สำหรับขาขึ้น ให้ลากเชื่อมจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้นอย่างน้อย 2 จุด
    • สำหรับขาลง ลากเชื่อมจุดสูงสุดที่ลดต่ำลงอย่างน้อย 2 จุด
    • สำหรับ Sideways ตีกรอบราคาสูงสุดและต่ำสุดที่เคลื่อนที่ขนานกัน
  • การใช้ Trendlines หาจุดเข้า-ออกออเดอร์
    • ในเทรนด์ขาขึ้น รอราคาย่อลงมาสัมผัส Trendline เพื่อเข้า Buy (พร้อมสัญญาณแท่งเทียนกลับตัว)
    • ในเทรนด์ขาลง รอราคารีบาวด์ขึ้นมาสัมผัส Trendline เพื่อเข้า Sell (พร้อมสัญญาณแท่งเทียนกลับตัว)
    • จุดออกคือเมื่อราคาทะลุ Trendline แต่ควรรอยืนยันการ Breakout ที่แท้จริง
  • การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มสามารถใช้ Trendline วิเคราะห์ได้ด้วยการ Breakout จากเส้น Trendline + ดูว่าราคาทำระดับสูงขึ้น/ต่ำลง/ออกข้าง เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้ม

Trendlines คืออะไร?

  • Trendlines คือเส้นที่ที่ลากเชื่อมตำแหน่งของกราฟแท่งเทียนเพื่อระบุ แนวโน้มหลัก ของราคาว่ากำลังเคลื่อนที่อยู่ในแนวโน้มใด
    • แนวโน้มขาขึ้น (Up Trend)
    • แนวโน้มขาลง (Down Trend)
    • แนวโน้มออกข้าง (Sideway)
  • Trendlines ก็แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามแนวโน้มของตลาด Forex เหมือนกันครับ เดี๋ยวจะสอนการตีเส้นพื้นฐานในหัวข้อต่อไปครับ
  • เป้าหมายของเส้น Trendlines ก็เพื่อ…
    1. ระบุและยืนยันทิศทางของแนวโน้ม
    2. เป็นแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก (นอกเหนือจาก แนวรับ/แนวต้าน แบบระดับราคาและแบบเส้น MA)
    3. เป็นตัวบอกสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
ประเภทของเส้น Trendlines สำหรับเทรดขาขึ้น ขาลง และ Sideway
Trendline ที่แท้จริงจะใช้สำหรับเทรนด์ขาขึ้นและขาลงเท่านั้น เพื่อระบุแนวรับ/แนวต้านแบบไดนามิกและทิศทางของราคา จากรูปภาพจึงคำว่า “กรอบ Sideway” แทนคำว่า Trendliine สำหรับแนวโน้มนี้โดยเฉพาะครับ

วิธีการลากเส้น Trendline ที่ถูกต้อง

จริงอยู่ที่เทรดเดอร์สามารถมองกราฟเปล่าก็รู้แล้วว่าตอนนี้ราคากำลังอยู่ในเทรนด์ใด แต่หากจะตีเส้น Trendlines ขึ้นมา มันมีหลักการง่ายๆ แบบพื้นฐานในการตีเส้นอยู่ครับ

1. เทรนด์ขาขึ้น (Uptrend)

  • ก่อนอื่นเทรดเดอร์ต้องมองหาจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้น (Higher Low) ก่อนครับ เพราะจุดนี้คือตัวบ่งชี้สำคัญว่ามันคือแนวโน้มขาขึ้น
  • เมื่อเราสามารถระบุ Higher Lows ได้อย่างน้อย 2 จุด ให้ลากเส้นตรงเชื่อมต่อจุดต่ำสุดแรกกับจุดต่ำสุดที่ 2 เส้นนี้แหละที่เราเรียกเส้น Trendline ขาขึ้นและจะใช้เป็นเส้น Trend หลัก
  • ตราบใดที่ราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือ Trendline ขาขึ้นและมีการสร้าง Higher Lows และ Higher Highs อย่างต่อเนื่อง ก็แสดงว่าเทรนด์ขาขึ้นนั้นยังคงแข็งแกร่งครับ
  • ข้อสังเกตุคือหากเส้น Trendline ที่ชันจนเกินไปมันอาจจะเกิดการ Breakout ของราคาได้ง่าย หรือถ้าความชันน้อยเกินไปอาจอาจจะไม่ใช่ขาขึ้นที่แข็งแกร่งจริงๆ เพราะโมเมนตันน้อยก็เป็นได้ครับ
การตีเส้น Trendline ขาขึ้นจากจุด Higher Low
การตีเส้น Trendline ขาขึ้นให้เริ่มจากการระบุจุด Higher Low (สังเกตจากฐานราคายกสูงขึ้น) อย่างน้อย 2 จุด และลากเส้นเชื่อม 2จุดนั้น โดยเส้นนี้จะเป็นเส้นหลักในการนับ Trend ขาขึ้น

2. เทรนด์ขาลง (Downtrend)

  • การตีเส้น Trendline ขาลงก็เหมือนกับขาขึ้นเลยครับ อันดับแรกต้องหาจุดสูงสุดที่ลดต่ำลง (Lower High) ให้ได้อย่างน้อย 2 จุดก่อนครับ
  • เมื่อระบุ Lower Highs ได้อย่างน้อย 2 จุดแล้ว ก็ให้ลากเส้นตรงเชื่อมต่อจุดสูงสุดแรกกับจุดสูงสุดที่ 2 โดยใช้เส้นนี้เป็นแนวเส้นหลัก นี่แหละคือเส้น Trendline ขาลงครับ
  • การวัดความแข็งแรงของ Trend ก็คล้ายกับขาขึ้นเลย ตราบใดที่ราคายังวิ่งใต้เส้นหรือบางครั้งราคารีบาวด์ขึ้นมาสัมผัส Trendline แล้วปรับตัวลงอีกครั้ง แสดงว่า Trendline นั้นมีความน่าเชื่อถือและได้รับการยืนยันว่าแข็งแกร่ง
การตีเส้น Trendline ขาลงจากจุด Lower High
หลักการตีเส้น Trendline ขาลงก็เหมือนกันกับขาขึ้น เทรดเดอร์ต้องระบุจุด Lower High อย่างน้อย 2 จุดให้ได้ (สังเกตจากยอดกราฟที่ต่ำลง) และใช้ 2 จุดนั้นลากเส้นเชื่อมโดยให้เป็นแนวเส้นหลักตลอด Trend

การใช้ Trendlines วิเคราะห์จุดเข้า-ออกและจุดเปลี่ยนเทรนด์

ต่อไปเราจะมาดูการใช้ Trendline ในการวิเคราะห์และระบุจุดเข้า-ออก ออเดอร์กันครับ แต่ขอไม่นับ Sideway นะครับเพราะเทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะรอให้ราคาเบรคออกจากกรอบ Sideways ได้อย่างชัดเจนก่อนเพื่อยืนยันทิศทางของเทรนด์ใหม่

จุดเข้า Buy ในเทรนด์ขาขึ้น

จุดเข้า Buy ในเทรนด์ขาขึ้นบริเวณเส้น Trendline
จากตัวอย่างรูปภาพเทรดเดอร์สามรถเข้า Buy ตรงบริเวณเส้น Trendline ก็ได้ (จะยิ่งดีถ้ามี Price Actionเกิดข้นก่อน) หรือจะวาง Buy Stop บริเวณเส้นตามรูปภาพก็ได้ เพื่อรอให้ราคายืนยันทิศทาง
  • ก่อนอื่นต้องรอให้ราคาย่อตัวลงมาสัมผัส Trendline ขาขึ้นที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 2 จุดครับ เพื่อวาดเส้น Trendline ที่ถูกต้อง
  • บริเวณ Trendline จะเป็นจุดเข้า Buy ที่น่าสนใจ โดยมี Trendline เป็นแนวรับไดนามิค และจะดีมากหากบริเวณ Trendline เกิดสัญญาณแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้นด้วย
    • สัญญาณที่ว่าก็อย่างเช่น Bullish Engulfing, Pinbar แบบ Hammer ทิ้งไส้ลงล่าง สัญญาณพวกนี้จะยิ่งเสริมความน่าเชื่อถือของเส้น Trendline
  • ขอแนะนำการวางคำสั่ง Buy Stop ณ ระดับ High ล่าสุดก่อนราคาจะลงไปแตะเส้น Trendline จะทำให้การเข้าออเดอร์มีความเสี่ยงน้อยกว่าแต่ได้ราคาไม่ดีเท่าเข้า Buy ที่เส้น Trendline
  • ส่วนจุดออกออเดอร์ ที่ดีที่สุดสำหรับ Buy ก็คือจังหวะที่ราคาทะลุเส้น Trendline แต่!! ระวังการ False Breakout ควรปิดออเดอร์ระดับเดียวกับที่ราคา Breakout มาจะดีกว่า เพื่อรอยืนยันว่า Breakout นี้คือของจริง

จุดเข้า Sell ในเทรนด์ขาลง

จุดเข้า Sell ในเทรนด์ขาลงบริเวณเส้น Trendline
จากรูปตัวอย่างเทรดเดอร์สามารถเข้า Sell ได้ตามเส้น Trendline หรือเข้า Sell Stop ตามเส้นประ แต่ระวัง! ถ้าเจอกับสัญญาณ Breakout เส้น Trendline แนะนำให้ปิดออเดอร์เพราะมันบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแนวโน้มแล้ว
  • ก่อนอื่นต้องตรวจสอบเทรนด์ขาลงที่แท้จริงเพื่อวาดเส้น Trendline ขาลงคือราคาต้องรีบาวด์ขึ้นไปสัมผัส Trendline ขาลง อย่างน้อย 2 จุด
  • และเราจะใส่เส้น Trendline ขาลงนี้ เป็นแนวต้านไดนามิค เพื่อใช้วางจุดเข้า Sell เมื่อราคารีบาวน์มาแตะเส้น Trendline แต่จะปลอดภัยกว่าหากวาง Sell Stop ไว้ที่ระดับ Low ล่าสุด ก่อนขึ้นไปแตะ Trendline
  • กรณีเดียวกับขาขึ้นเลยครับ จะดีมากถ้าบริเวณเส้น Trendline มีสัญญาณแท่งเทียนขาลง เช่น Bearish Engulfing, Pinbar แบบ Shooting Star ทิ้งไส้ขึ้นด้านบน
  • จุดออกออเดอร์ก็คล้ายกับขาขึ้น คือจังหวะที่ราคา Breakout เส้น Trendline ขาลงออกมานั่นแหละ แต่จะชัวร์กว่านี้ คือรอจนกว่าราคาจะผ่านแนวเดิมที่ทะลุเพื่อยืนยันว่าราคาได้ Breakout ของจริงหรือเป็นแค่ False Breakout

สัญญาณการเปลี่ยนเทรนด์!

สัญญาณการเปลี่ยนเทรนด์จาก Lower High เป็น Higher Low
เส้น Trendline สามารถใช้วิเคราะห์การเปลี่ยนเทรนด์ของรคาได้ โดยเราสามารถสังเกตจากการ Breakout ของราคาทะลุเส้น Trendline พร้อมกับการปรับฐานของราคา อย่างในรู)ภาพเกิดการ Breakout พร้อมกับเปลี่ยนจาก Lower High เป็น Higher Low คือราคาปรับจากต่ำลงกลายเป็นสูงชันขึ้น
  • สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์ต้องรู้ให้ไวคือการเปลี่ยนแนวโน้มของราคาเพื่อจะได้หาจังหวะเข้าเทรดในช่วงเริ่มเทรนด์ (ดีกว่าไปเข้าช่วงกลางหรือปลายเทรนด์เยอะเลย)
  • จากในรูปจะเห็นว่าช่วงเริ่มแรกราคาทำแนวโน้มเป็นขาลงซึ่งมี Trendline ชัดเจน แต่เมื่อเกิดจังหวะ Breakout จาก Trendline ขาลง เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ได้ 2 ทางคือ
    1. เกิดการเปลี่ยนแนวโน้ม
    2. อาจจะเป็น False Breakout
  • จะยืนยันว่าเป็นแบบไหนก็ต้องรอให้ราคาเฉลยอีกทีครับ เช่นในรูปภาพ ราคาทำ High สูงขึ้นเรื่อยๆ เกิด Higher Low 2 จุด ก็หมายความว่าเทรนด์ได้เปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้นเรียบร้อยครับ
  • ออเดอร์ Sell ก็ควรปิดให้หมด ได้เวลาเล่นหน้า Buy แล้วครับ!

วิดีโอเกี่ยวกับ Trendline

 

มีวิดีโอตัวหนึ่งครับเกี่ยกวับกลยุทธ์การเทรดโดยใช้เพียงเส้น Trendline เท่านั้น ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว การเข้า-ออกออเดอร์จะเหมือนกับที่บทความได้บอกไปหรือไม่ลองติดตามดูครับ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย

  • Focus นาทีที่ 00:28 คำจำกัดความของเส้นแนวโน้ม
  • Focus นาทีที่ 01:16 วิธีการลากเส้นแนวโน้มอย่างถูกต้อง
  • Focus นาทีที่ 01:50 ทำไมต้องใช้เส้นแนวโน้ม
  • Focus นาทีที่ 03:30 ตัวอย่างการเทรดเมื่อทะลุเส้นแนวโน้ม
  • Focus นาทีที่ 04:13 ตัวอย่างการทะลุหลอก False Breakout
  • Focus นาทีที่ 05:20 การเปลี่ยนแนวโน้มแบบต่อเนื่อง

สรุป

เคยได้ยินคำว่า “Trend is a friend til the end” ไหมครับ นั่นเป็นคำที่บ่งบอกว่าเทรนด์มันสำคัญแค่ไหนสำหรับเทรดเดอร์ ซึ่ง เส้น Trendline ก็จะเป็นสิ่งสำคัญไปโดยปริยายเพราะมันใช้ระบุแนวโน้มเพื่อให้เราทำกำไรได้ ซึ่งเนื้อหาในบทความมันพื้นฐานเบื้องต้นสำหรับการเทรดในตลาด Forex ยังมีขุมทรัพย์ความรู้อีกเยอะมากให้เทรดเดอร์ได้ตามหา

การฝึกฝนและทำความเข้าใจลักษณะการเคลื่อนที่ของราคาควบคู่กับการใช้ Trendlines จะทำให้การตัดสินใจเทรดของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งพื้นฐานการเทรดเราแน่นต่ไปเราก็ต่อยอดเทคนิคอื่นๆ ได้สบายมากครับ

ทีมงาน : thaiforexbroker.com 

สารบัญบทความ