การลงทุนกับอะไรสักอย่างหนึ่งเราจำเป็นมากๆ ที่จะต้องศึกษาและเข้าใจสิ่งที่เรากำลังทุนนั้นให้ดี รู้ลึก รู้จริง เสียก่อนครับ…และวันนี้ทีมงาน Thai Forex Broker ได้รวบรวมคำถามยอดฮิตจากทั่วทุกมุมโลกที่พบบ่อยในการเทรด Forex มานำเสนอให้คนที่สนใจเริ่มต้นเทรด Forex กันครับ
Highlight บทคัดย่อ
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Forex มี 2 แบบ ใหญ่ๆ ทั้งแบบคำถามทั่วไป Forex และคำถามเฉพาะทางด้านคำศัพท์ Forex
- คำถามทั่วไปเกี่ยวกับ Forex ที่น่าสนใจ เช่น
-
- เทรด Forex แล้วได้เงินจริงไหม?
- ตลาด Forex เปิดกี่โมง?
- Forex ใช่การพนันหรือไม่?
- Forex ต่างจากหุ้นหรือคริปโตยังไง?
- กราฟ Forex เคลื่อนที่ได้ยังไง?
- ส่วนคำถามที่เกี่ยวกับคำศัพท์เฉพาะในการเทรด Forex ก็เช่น
-
- คำสั่ง Buy/Sell คืออะไร?
- โบรกเกอร์ Forex คือใคร?
- ต้นทุน Forex มีอะไรบ้าง?
- Indicators คืออะไร?
- Leverage คืออะไร?
คำถามทั่วไปเกี่ยวกับ Forex
คำถามหมวดแรกที่เราจะไปหาคำตอบพร้อมกัน เป็นหมวดเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับ Forex ครับ เพื่อให้เราได้รู้จักและเข้าใจการเทรด Forex แบบเชิงลึกมากขึ้น
1. เล่น Forex แล้วได้เงินจริงหรือเปล่า? แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่?
- ตอบด้วยความจริงคือ ใช่ครับ! เทรด Forex ได้เงินจริงครับ ถ้า…เราเทรดถูกทางตามที่ราคาเคลื่อนที่ไปนะครับ เอาจริงๆ ทุกการลงทุนหากราคาเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ย่อมทำกำไรอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าราคาจะไปทางไหนเราก็เลยจำเป็นต้องมี การวิเคราะห์ และคาดการณ์ทิศทางอยู่เสมอ
- ส่วนการเทรด Forex ต้องใช้เงินเท่าไหร่…คำตอบคือไม่มีการกำหนดจำนวนเงินตายตัว ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ Forex กำหนดขั้นต่ำ แต่โดยภาพรวมแล้วเทรด Forex สามารถเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อยๆ เช่น 100$ ได้ครับ
2. ตลาด Forex เปิดทำการตอนไหน?
- ถ้านับว่าเราคือเทรดเดอร์ Forex ในประเทศไทย ตลาด Forex จะเปิดทำการ 5 วันต่อสัปดาห์ (จันทร์-ศุกร์) ตลอด 24 ชั่วโมง
- โดยเริ่มตั้งแต่ เช้าวันจันทร์ของประเทศไทยประมาณตี 5 และปิดในเช้าวันเสาร์ประมาณ ตี 4 ครับ ซึ่งตลาด Forex จะแบ่งออกเป็น Sessions ของแต่ละสกุลเงินหลักทั่วโลกด้วยครับ

3. Forex ใช่การพนันหรือไม่?
- Forex สามารถเป็นการพนันและ ไม่เป็นการพนัน ก็ได้ แล้วแต่บุคคลที่เทรดครับ เอ๊ะ ทำไมถึงบอกว่าเป็นการพนัน? เรามาดูความแตกต่างของทั้ง 2 ก่อนครับ
- Forex: เป็นการซื้อ/ขายสกุลเงินต่างประเทศที่อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ, กราฟราคาและกลยุทธ์ เพื่อคาดการณ์ทิศทางของค่าเงิน มี การบริหารความเสี่ยง เช่น การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
- การพนัน: การเล่นเกมที่เดิมพันด้วยเงิน อาศัยโชค ดวงและโอกาสเป็นหลัก ไม่มีข้อมูลหรือการวิเคราะห์ที่แน่นอนมารองรับ
- แต่การเทรด Forex โดยไม่มีความรู้ ไม่มีแผนเทรดและไม่บริหารความเสี่ยง เน้นแค่ว่าจะเอากำไรสูงๆ เร็วๆ ก็เข้าข่ายเป็นการพนันได้เหมือนกันครับ
4. Forex ต่างจากหุ้นหรือคริปโตยังไง?
- Forex, หุ้น, และคริปโต มีความแตกต่างกันหลักๆ 3 อย่าง คือ สินทรัพย์ที่เทรด, หลักการซื้อ/ขายและความเสี่ยง
- Forex: เทรดคู่สกุลเงินเช่น EUR/USD, USD/JPY คาดการณ์ว่าสกุลเงินหนึ่งจะแข็งค่าหรืออ่อนค่าเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างมีความเสี่ยงจากการใช้ Leverage
- หุ้น: เทรดหุ้นหรือลงทุนในบริษัทจดทะเบียนเช่น หุ้น Google, หุ้น Tesla ซื้อ/ขายในตลาดหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศ ถือว่ามีความเสี่ยงในระดับปานกลาง แต่อาศัยใช้เงินทุนที่เยอะกว่า
- คริปโตเคอร์เรนซี: เทรดสกุลเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin, Ethereum โดยจะซื้อ/ขายตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะ (Crypto Exchange) จัดว่าเป็นน้องใหม่สุดเทียบกับทั้ง 2 จึงถือว่า มีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะหากไม่มีความรู้พอ

5. กราฟ Forex ขึ้น/ลง ได้ยังไง?
- การที่กราฟ Forex กระดิกขึ้นลง(เคลื่อนไหว) เกิดจากการตัดสินใจซื้อและขายของนักลงทุนจำนวนมหาศาลทั่วโลกที่เกิดขึ้นตลอดเวลา หลักการคือ Buy = ขึ้น / Sell = ลง
- ดังนั้นกราฟจึงขึ้นตามแรงซื้อของสกุลเงินหลัก (สกุลเงินตัวหน้า) และลงตามแรงขายสกุลเงินหลักเทียบกับสกุลเงินรอง (สกุลเงินตัวหลัง) เช่น
- ถ้ากราฟ AUDUSD ขึ้นแรงแสดงว่าค่าของ AUD แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD คนเลยแห่กัน ซื้อ(Buy) กลับกัน ถ้า USD จะแข็งบ้างคนก็จะขาย (Sell) AUD ทิ้งแล้วเปลี่ยนมาถือ USD แทน ทำให้กราฟลงฮวบๆ
- ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อการซื้อ/ขายของเทรดเดอร์ก็คือพวกข่าวเศรษฐกิจ(อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, ตัวเลขการจ้างงาน) เหตุการณ์ทางการเมืองรวมถึงจิตวิทยาในตลาดเองด้วยเหมือนกัน

คำถามเกี่ยวกับคำศัพท์เฉพาะทาง Forex
มาถึงส่วนคำถามที่ค่อนข้างจะเป็นคำศัพท์เฉพาะทางในวงการ Forex กันบ้างนะครับ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจและศึกษาเพิ่มเติมได้ลึกยิ่งขึ้น
1. คำสั่ง Buy/Sell คืออะไร?
- ต่อเนื่องจากข้อ 5 ในพาร์ท 1 การซื้อ/ขาย Forex ก็จะมีคำสั่งซื้อขาย 2 แบบคือ Buy และ Sell
- เราจะใช้ Buy ก็ต่อเมื่อเราคาดการณ์ว่าสกุลเงินตัวหน้าจะแข็งค่าเทียบกับตัวหลัง
- เราจะ Sell ก็ต่อเมื่อสกุลเงินตัวหน้าจะอ่อนค่าลงเทียบกับตัวหลัง
- นอกจากนี้ยังมีคำสั่งประเภท Pending Order ที่ใช้ซื้อ/ขายล่วงหน้าในระดับราคาที่ตั้งไว้ยังไม่ได้ซื้อขายทันที
2. โบรกเกอร์ Forex คือใคร?
- โบรกเกอร์ Forex ก็คือบริษัทตัวกลางที่เชื่อมคำสั่งซื้อ/ขายจากเทรดรายย่อยอย่างเราๆ เข้ากับตลาด Forex
- เพราะโดยปกติการเทรด Forex ไม่ใช่คนทั่วไปจะเทรดได้นะ ต้องมีเงินทุนจำนวนมาก มีเทคโนโลยีพื้นฐานในการส่งคำสั่ง ซึ่งเราต้องพึ่งโบรกเกอร์ตรงนี้แหละ
- โบรกเกอร์ Forex โดยทั่วไปแล้วก็มีอยู่ 2 ประเภท คือ Non-Dealing Desk กับ Dealing Desk 2 แบบนี้ต่างกันตรงที่การส่งคำสั่งเทรดครับ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการเลือกหาโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ครับ

3. ค่า Spread / Commission / ค่า Swap คืออะไร?
- ค่า Spread (สเปรด): คือ ส่วนต่างระหว่างราคา Bid (ราคาที่เราขายได้) กับราคา Ask (ราคาที่เราซื้อได้) คิดง่ายๆ เหมือนกับส่วนต่างกำไรที่โบรกเกอร์หักไปจากการจับคู่คำสั่งซื้อขายของเรา ค่านี้ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- ค่า Commission: คือ ค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บต่อการเปิด-ปิดคำสั่งซื้อขายแต่ละครั้ง ค่านี้จะเป็นเรทคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง คิดเป็นจำนวนเงินคงที่ต่อล็อตที่เทรด
- ค่า Swap (สวอป): คือ ค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเมื่อเราถือออเดอร์ข้ามคืน เราอาจจะเสียหรือได้ค่า Swap นี้ ขึ้นอยู่กับคู่เงินที่เราถือว่ามี Swap เป็น + หรือ –
- และทั้ง 3 อย่างจัดว่าเป็นต้นทุนในการเทรด Forex ที่เทรดเดอร์ต้องเจอแน่นอนในการเทรด Forex ทุกครั้ง
4. Leverage คืออะไร?
- Leverage คืออัตราส่วนเงินทุนที่ยืมจากโบรกเกอร์ เพื่อให้สามารถเทรดด้วยขนาดสัญญาที่ “ใหญ่กว่า” เงินทุนที่เรามีจริง
- ตัวอย่างเช่น Leverage 1:100 หมายความว่า เงิน $1 ของเรา สามารถซื้อขายได้ $100
- Leverage นับว่าเป็นความแตกต่างหลักๆ ของ Forex กับการเทรดอื่นๆ เลยครับ เพราะเราสามารถใช้เงินทุนที่ไม่ต้องสูงมากทำกำไรได้มหศาลแต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงขาดทุนสูงเช่นกัน

5. Indicators คืออะไร?
- Indicators มันคือสูตรคณิตศาสตร์ที่คำนวณจากข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตและถูกนำมาใช้ เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคตแบบมีเหตุผลและข้อมูลตัวเลขรองรับนั่นเอง
- ตัวอย่างอินดิเคเตอร์แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
-
- Trend Indicators (ตัวชี้วัดแนวโน้ม): Moving Average (MA), MACD, Bollinger Bands, Ichimoku Kinko Hyo
- Momentum/Oscillator Indicators (ตัวชี้วัดโมเมนตัม): Relative Strength Index (RSI), Stochastic Oscillator
- Volume Indicators (ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย): Volume สามารถเลือกใช้ในแพลตฟอร์มเทรดได้เลย
- Volatility Indicators (ตัวชี้วัดความผันผวน): Average True Range (ATR)

วิดีโอ Q&A
หากยังไม่หนำใจ ทีมงานเราก็ไปค้นหาช่อง YouTube ที่เกี่ยวกับการเทรด Forex มานั่งตอบคำถามกันแบบยาวๆ เป็นชั่วโมงกับ Q&A Forex ซึ่งคำถามจะเป็นเชิงเทคนิคนอกเหนือจากบทความไป มันน่าสนใจตรงที่ผู้อ่านจะได้ภาพชัดเจนยิ่งขึ้นเพราะช่องนี้ เน้นกางกราฟแบบใหญ่ วาดเส้นตีกรอบให้เข้าใจแบบละเอียด แต่เป็นช่องต่างประเทศต้องแปลอังกฤษนิดหน่อยนะครับ
- Focus นาทีที่ 15:14 มือใหม่เทรดช่วงไหนดีที่สุด?
- Focus นาทีที่ 23:34 เราสามารถขาดทุนเกินกว่าเงินที่ลงทุนไปได้หรือไม่ เมื่อใช้เลเวอเรจ?
- Focus นาทีที่ 27:06 เราจะรู้ได้ยังไงว่ามันคือจุดสูงสุด/ต่ำสุด เวลาเทรดแบบ Swing
- Focus นาทีที่ 27:18 Double Top Double Bottom
- Focus นาทีที่ 45:50 Hidden Divergence
สรุป
บทความนี้ค่อนข้างจะพิเศษจากบทความทั่วไปของเว็บไซต์ Thai Forex Broker ของเราเพราะบทความสไตล์ถาม-ตอบแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ก็หวังว่าทุกๆ คำถามในบทความนี้จะทำให้เทรดเดอร์ที่อ่านได้เข้าใจ Forex อย่างถูกต้องพร้อมกับบอกต่อความรู้ความเข้าใจให้แก่คนอื่นๆ เกี่ยวกับการลงทุนใน Forex ครับ
ทีมงาน : thaiforexbroker.com