อินดิเคเตอร์ยอดเยี่ยมอีกชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการวัดโมเมนตัมและผันผวนของราคา…. Ultimate Oscillator หรือ UO เป็นเครื่องมือช่วยเทรดอีกประเภทหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในอินดิเคเตอร์มาตรฐานของโปรแกรม MT5 ทั้งนี้ประโยชน์ของมันนั่นค่อนข้างที่จะรอบด้านและแน่นอนว่าความสามารถของมันไม่ได้แพ้ให้กับอินดิเคเตอร์ประเภทเดียวกันอย่าง RSI หรือ STO เลยแม้แต้น้อยอีกทั้งยังมีวิธีการใช้งานที่คล้ายกันอีกด้วย ดังนั้นวันนี้ทาง Thaiforexbroker ก็จะมานำเสนอให้ได้รับชมกันถึงวิธีการใช้งานและความเป็นมาเบื้องต้นกันนะครับ
ความเป็นมาของ Ultimate Oscillator
Ultimate Oscillator หรือ UO คือ หนึ่งในอินดิเคเตอร์มาตรฐานของโปรแกรม MT5 และยังถูกจัดอยู่ในประเภทของ Oscillator เช่นเดียวกันกับอินดิเคเตอร์ชื่อดังอย่าง Relative Strength Index (RSI) และ Stochastic Oscillator (STO) อีกทั้งยังมีความแม่นยำที่ค่อนข้างสูง…แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกันแต่จะขอกล่าวอย่างละเอียดในหัวข้อย่อยถัดต่อจากนี้ไปนะครับ…
ทั้งนี้เนื่องจากอินดิเคเตอร์ UO นั้นมีความสามารถถอันหลากหลายครับไม่ว่าจะเป็นการหาจุดกลับตัวของเทรนด์และความสามารถในการยบ่งบอกถึงปริมาณการซื้อขายที่มากเกินไปและยังรวมไปถึงการบอกสัญญาณ Divergent ก็สามารถทำได้ดีเลยทีเดียว

ความเป็นมาของ UO นั้นกล่าวได้ว่าเป็นอินดิเคเตอร์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาจากชายที่มีนามว่า Larry Williams ในปี 1976 โดยวัตถุประสงค์คือเพื่อนำมาใช้ในการหาโมเมนตัมของสินทรัพย์ต่างๆ โดยใช้ค่าพารามิเตอร์ของ 3 ช่วงเวลาที่แตกต่างกันของโมเมนตัมมาคำนวนใหม่เพื่อให้เกิดความผันผวนที่น้อยลงและคัดกรองสัญญาณการซื้อขายให้มีความแม่นยำที่มากขึ้นซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบกว่าอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator อื่นๆมากพอสมควรครับ
วิธีคำนวณ สูตร Ultimate Oscillator
อย่างกล่าวไปข้างต้นนั้น อินดิเคเตอร์ UO จะนำหลักการที่พิจารณามาจาก 3 ช่วงเวลาที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญคือ 7 , 14 และ 28 วัน และภายในสมการก็จะประกอบไปด้วยพารามิเตอร์สำคัญต่างๆอย่าง ราคาปิด , ราคาสูง และ ราคาต่ำครับ ซึ่งจะมีสมการที่ค่อนข้างหลากหลายและมีความซับซ้อนอยู่พอสมควรดังนั้นผมก็จะสรุปสมการสูตรให้ได้ดังหัวข้อต่อไปนี้
สูตรคำนวณ
- UO = [ ((A7 x 4) + (A14 x 4) + A23)/Fast K+ Middle K + Slow K)] x 100
- A7 = Fast ATR period = ∑(7)BP/ ∑(7)TP
- A14 = Middle ATR period = ∑(14)BP/ ∑(14)TP
- A28 = Slow ATR period = ∑(28)BP/ ∑(28)TP
โดยที่
- UO = Ultimate Oscillators
- True Range (TR) = Max (High, Prior Close) − Min (Low, Prior Close)
- Buying Pressure (BP) = Close−Min (Low, PC)
- PC = Prior Close
- A = Average
วิธีการเรียกใช้งาน และ การตั้งค่า
เริ่มจากการเปิดโปรแกรม MT5 ขึ้นมาจากนั้นให้ทำการคลิก Insert>Indicator>Custom> Ultimate_Oscillator และเนื่องจากอินดิเคเตอร์ตัวนี้ไม่มีใน MT4 จึงจำเป็นจะต้องทำการดาวน์โหลดและนำไปติดตั้งเสียก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ซึ่งสามารถทำการดาวน์โหลดผ่านทาง https://indicatorspot.com/indicator/ultimate-oscillator-indicator/ ได้เลยครับ

จากนั้นแล้วผมจะทำการตั้งค่า โดยพิให้จารณาจากรูปภาพด้านล่างตามหมาย 1-9 ตามลำดับนะครับซึ่งจะสังเกตได้ว่าค่า Input ผมไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่มเติมแต่จะเปลี่ยนแปลงเพียงขนาดเส้นของอินดิเคเตอร์พร้อมกับการสร้างค่าระดับ(Levels)เพิ่มขึ้นมา 1 ค่าคือค่า 50 เพื่อใช้ในการดูเทรนด์ซึ่งจะขออธิบายอย่างละเอียดในหัวข้อถัดต่อจากนี้ครับ

ระบบเทรด Ultimate Oscillator ที่แนะนำ
วิธีการใช้งานของอินดิเคเตอร์ UO นั้นสามารถใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลายครับทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคและกลยุทธ์ของแต่ละคนครับโดยจุดเด่นของอินดิเคเตอร์ตัวนี้คือหารใช้หาปริมาณซื้อและปริมาณการขายที่มากเกิน หรือรู้จักกันในนามของ overbought / oversold นั่นเองครับ แต่แท้จริงแล้วอินดิเคเตอร์ UO ก็ยังถูกนิยมไปใช้งานได้ในกรณีอื่นได้เหมือนซึ่งผมจะขออธิบายเป็นข้อๆดังต่อไปนี้

ประการแรก คือ การใช้อินดิเคเตอร์ UO ในการบอกเทรนด์ จากหัวข้อการตั้งค่าอินดิเคเตอร์ผมก็ได้เพิ่มค่าระดับ (Levels) เพิ่มขึ้นมา 1 ค่าคือค่า 50 จุดประสงค์เพื่อที่จะได้คัดกรองเทรนด์ได้ดียิ่งขึ้นครับจากรูปภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าเมื่อกราฟมีการตัดลงมาใต้เส้นระดับ 50 (หมายเลข1) ลงไปนั้นหมายความว่า กราฟมีโอกาสเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาลง แต่ในทางกลับกันหากตัดขึ้นเหนือระดับ 50(หมายเลข2) ขึ้นไปก็จะมีโอกาสที่กราฟเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาขึ้นนั้นเอง
ทั้งนี้อาจจะต้องระวังระวังในการใช้งานสักหน่อยนะครับคือให้สังเกตที่ (หมายเลข3) เมื่อกราฟมีการตัดขึ้นลงที่ระดับ 50 ก็มิได้มีการเปลี่ยนเทรนด์เสมอไปอาจจะเป็นเพราะว่า ณ ขณะนั้นกราฟกำลังเข้าสู่สภาะวะ Sideway ก็เป็นได้ครับ

ประการที่สอง คือ การใช้อินดิเคเตอร์ UO ในการบอก Over Bought และ Over Sold วิธีการใช้งานนั้นก็จะใช้งานแบบทั่วๆไปดังเช่นเดียวกันกับอินดิเคเตอร์ RSI และ STO คือ เมื่อกราฟมีการพุ่งสูงขึ้นเหนือระดับ 70 (Over Bought) คือ มีโอกาสที่กราฟจะกลับตัวลง ในขณะเดียวกันหากกราฟมีการพุ่งลงใต้ระดับ 30 (Over Sold) คือ มีโอกาสที่กราฟจะกลับตัวขึ้นนั้นเอง

ประการที่สาม คือ ให้ทำการสังเกตถึงความคัดแย้งกันระหว่างทิศทางในแนวรับและแนวต้านของ อินดิเคเตอร์กับกราฟราคาแท่งเทียนครับ จากภาพจะเป็นการปรากฎของ Divergent ทั้ง 2 ชนิดครับคือ Bearish Divergent และ Bullish Divergent ถึงแม้ว่าการใช้งานในลักษณะนี้อาจจะพบเห็นได้ยากหน่อย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความแม่นยำผมถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียวครับ
เงื่อนไขการ Buy

- เรียกใช้งานอินดิเคเตอร์ BB(20) และรอจังหวะที่กราฟทำการพุ่งชน Lower band และทำการย้อนกลับมา
- ในขณะนั้นเส้น UO จะต้องพุ่งลงใต้ระดับ 30 และทำการตัดกลับมาเหนือระดับ 30 อีกรอบ จึงทำการเปิด Buy
- ให้ทำตั้ง TP ไว้ที่ Middle Band หรือ Upper Band โดยที่ SL กำหนดให้อยู่ที่ Low ก่อนหน้า
เงื่อนไขการ Sell

- เรียกใช้งานอินดิเคเตอร์ BB(20) และรอจังหวะที่กราฟทำการพุ่งชน Upper band และทำการย้อนกลับมา
- ในขณะนั้นเส้น UO จะต้องพุ่งเหนือระดับ 70 และทำการตัดกลับมาลงม่ใต้ระดับ 70 อีกรอบ จึงทำการเปิด Sell
- ให้ทำตั้ง TP ไว้ที่ Middle Band หรือ Lower Band โดยที่ SL กำหนดให้อยู่ที่ High ก่อนหน้า
ข้อควรระวังในการใช้ UO Indicators

อีกสิ่งหนึ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับการการใช้ UO Indicators คือต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างสูงในกรณีการใช้งาน Over Bought และ Over Sold มักจะพบสัญญาณหลอกได้…ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ทั้งนี้ใดๆแล้วควรจะนำกลยุทธ์และอินดิเคเตอร์อื่นๆเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยเพราะไม่มีอินดิเคเตอร์ตัวไหนที่แม่นยำได้ถึงร้อยเปอร์เซ็น
สรุป
UO Indicators คืออินดิเตเตอร์ที่ความสามารถหลักคือการใช้ดู Over Bought และ Over Sold แต่ทั้งนี้ก็ยังมีวิธีการใช้งานอื่นๆอีกไม่ว่าจะเป็นการดูเทรนด์หรือ Divergent แต่ทั้งนี้ก็ควรจะระมัดระวังในการใช้งานอยู่บ้างเนื่องจากไม่มีอินดิเคเตอร์ตัวไหนที่แม่นยำและเป็นไปตามทฤษฎีทุกครั้ง ดังนั้นจึงควรที่ฝึกฝนฝีมือและใช้งานโดยการดูปัจจัยอื่นๆประกอบร่วมด้วยถึงจะดีที่สุดครับ
อ้างอิง
https://www.investopedia.com/terms/u/ultimateoscillator.asp
https://forexthai.in.th/ultimate-oscillator-forex/