Relative Vigor Index หรือ RVI เป็นเครื่องมืออินดิเตอร์ชนิดหนึ่งที่ปัจจุบันยังไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในประเทศไทยครับแต่แท้จริงแล้วหากมามองดูดีๆอินดิเคเตอร์ตัวนี้มีความสามารถและมีประโยชน์ในการช่วยเทรดได้ค่อนข้างดีมากทั้งความสามารถในการระบุเทรนด์การหาสัญญาณการเข้าออกออเดอร์และรวมไปถึงการดู Divergent ก็สามารถที่จะทำได้นะครับซึ่งจะมีความเป็นมาและมีการใช้งานกันอย่างไรไปติดตามรับชมกันได้เลยครับ
ความเป็นมาของ Relative Vigor Index
Relative Vigor Index (RVI) คืออินดิเคเตอร์ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ประเภท Oscillators เช่นเดียวกันกับอินดิเคเตอร์ชื่อดังอย่าง Relative Strength Index (RSI) และ Stochastic Oscillator (STO) เป็นต้นครับและยังถูกจัดอยู่ในอินดิเคเตอร์พื้นฐานของโปรแกรม MT4 และ MT5 อีกด้วยครับถึงแม้ว่าอินดิเคเตอร์ RVI นั้นจะไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในประเทศไทยแต่กลับมีประสิทธิภาพไม่ได้แพ้กับอินดิเคเตอร์ในประเภทด้วยกันเลยแม้แต่น้อยครับ…ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ด้วยเช่นกัน

จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นผมก็จะขออธิบายประวัติความเป็นมาพอสังเขปให้ได้รับชมกันครับว่า RVI นั้นถูกพัฒนาและคิดค้นมาจากบุคคลที่มีนามว่า John Ehlers ซึ่งได้ทำการเปิดตัวในช่วง เดือนมกราคม คริสต์ศักราช 2002 ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคเคิลและยังรวมไปถึงการเป็นประธานของ บริษัท MESA Software อีกด้วยครับทั้งนี้ประโยชน์หลักของอินดิเคเตอร์ตัวนี้จะมีความสามารถในการบอกสัญญานการซื้อและการขายแต่ก็สามารถประยุกต์ไปใช้ในการดูเทรนด์และจุดกลับตัวได้ดีอีกด้วยเช่นกันครับ
วิธีคำนวณ สูตร
Relative Vigor Index นั้นกล่าวคือจะมีพื้นฐานมาจากอินดิเคเตอร์ชื่อดังอย่าง Moving Average (MA) โดยที่จะนำในส่วนของ Simple Moving Average (SMA) มาคิดเป็นองค์ประกอบหลักครับอีกทั้งยังมีความซับซ้อนอีกค่อนข้างมากเนื่องจากสมการที่นำมาคิดจะประกอบไปด้วย ราคาปิด, ราคาเปิด, ราคาสูง และ ราคาต่ำ ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในหลายสมการเป็นอย่างมากครับแต่จะมีเพียงองค์ประกอบหลักเพียง 2 อย่างคือ RVI และ Signal Line ดังนั้นผมจึงจะสรุปสมการตามสูตรได้ดังต่อไปนี้
สูตรคำนวณ
- RVI= SMA of NUMERATOR for N periods / SMA of DENOMINATOR for N periods
- NUMERATOR= a+(2×b) +(2×c) +d2/6
- DENOMINATOR = e+(2×f) +(2×g) +h/6
- Signal Line = RVI+(2×i) +(2×j) +k
โดยที่ สมการย่อยมีดังนี้
- a=Close−Open
- b=Close−Open One Bar Prior to a
- c=Close−Open One Bar Prior to b
- d=Close−Open One Bar Prior to c
- e=High−Low of Bar a
- f=High−Low of Bar b
- g=High−Low of Bar c
- h=High−Low of Bar d
- i=RVI Value One Bar Prior
- j=RVI Value One Bar Prior to i
- k=RVI Value One Bar Prior to j
- N=Minutes/Hours/Days/Weeks/Months หรือ จำนวนแท่งเทียนของทามเฟรมนั้นๆ
วิธีตั้งค่า
ก่อนอื่นผมก็จะทำการเรียกใช้อินดิเคเตอร์โดยทำการเปิดโปรแกรม MT4 หรือ MT5 ขึ้นมาหลังจากนั้นให้ทำการเลือก Insert ตามด้วย Indicator แล้วเลือก Oscillators และ Relative Vigor Index ตามลำดับครับ

เมื่อทำการเรียกใช้อินดิเคเตอร์ขึ้นมาเรียบร้อยแล้วผมก็จะทำการตั้งค่าพารามิเตอร์นะครับโดยส่วนมากคนมักนิยมตั้งค่า Period ไว้ที่ 10 วันหรือ 14 วันครับนั่นเองครับและผมก็จะทำการแก้ไขใส่ส่วนของความหนาเส้นของอินดิเคเตอร์เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ระบบเทรด Relative Vigor Index ที่แนะนำ
วิธีการใช้งานของ RVI นั้นค่อนข้างหลากหลายครับอย่างที่ได้กล่าวไปตามบทนำว่าอินดิเคเตอร์ตัวนี้โดยส่วนมากจะถูกนำมาใช้ในการยืนยันสัญญาณการซื้อและการขายของสินทรัพย์เป็นหลักครับทั้งนี้แล้วก็ยังสามารถอธิบายพฤติกรรมกราฟได้อีกว่า ณ ตอนนี้กราฟจะอยู่ในเทรนด์แบบใดและมีโอกาสในการกลับตัวได้เมื่อไรพร้อมกับความสามารถในการบอก Divergent ได้ดีอีกด้วย

ประการแรกคือ การใช้ RVI ในการบอกสัญญาณการซื้อและการขาย โดยให้ทำการสังเกตดังรูปภาพด้านบนนะครับจะสังเกตได้ว่าเมื่อใดก็ตามเมื่อสัญญาณ Signal(เส้นสีเขียว) ตัดลงใต้เส้น RVI(สีแดง) ก็จะเป็นการยืนยันสัญญาณในทิศทางขาลงหรือ Sell นั่นเองครับ โดยทางกลับกันหากเส้น สัญญาณ Signal(เส้นสีเขียว) ตัดขึ้นเหนือเส้น RVI(สีแดง) ก็จะเป็นการยืนยันสัญญาณในทิศทางขาขึ้นหรือ Buy นั่นเองครับ
ทั้งนี้แน่นอนครับว่าการตัดขึ้นและตัดลงของเส้น Signal(เส้นสีเขียว) และเส้น RVI(สีแดง) นั้นไม่ได้แม่นยำถึงร้อยเปอร์เซนต์ครับโดยให้สังเกตดังรูปภาพด้านบนในวงกลมสีม่วงจะสังเกตว่ามีการตัดของราคาแต่กลับไม่ได้มีการเปลี่ยนเทรนด์เสมอไปครับจะเป็นเพียงการขึ้นและลงของแท่งเทียนที่ค่อนข้างจะยาวเท่านั้นเองล่ะครับ

ประการที่สองคือ ให้ทำการสังเกตรูปด้านบนนะครับจากกราฟราคาจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ณ ขณะนั้นตลาดกำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงแต่ในทางกลับกันเมื่อทำการตีแนวรับของ RVI พบว่ามีการพุ่งของทิศทางแบบสวนทางกันอยู่จึงสรุปได้ว่า ณ ขณะนั้นเกิดสัญญาณ Bullish Divergent ซึ่งหมายความว่าในอนาคตกราฟที่กำลังทำแนวโน้มขาลงอยู่นั้นจะมีโอกาศกลับตัวเปลี่ยนไปเป็นแนวโน้มขาขึ้นนั่นเองครับ
เงื่อนไขการ Buy

- ทำการเรียกใช้อินดิเคเตอร์ Parabolic Sar(0.2) และ RVI(14) ขึ้นมาหลังจากนั้นรอสัญญาณ Signal(เส้นสีเขียว) ตัดขึ้นเหนือเส้น RVI(สีแดง)
- ณ ขณะนั้น Parabolic Sar จะต้องอยู่ใต้กราฟและทำการ Buy ที่จุดของ Parabolic Sar อันที่ 2 ขึ้นไป
- ทำการ TP และ SL เมื่อใดก็ตามเมื่อ Parabolic Sar มีการย้ายจากด้านล่างขึ้นด้านบนของกราฟ
เงื่อนไขการ Sell

- ทำการเรียกใช้อินดิเคเตอร์ Parabolic Sar(0.2) และ RVI(14) ขึ้นมาหลังจากนั้นรอสัญญาณ Signal(เส้นสีเขียว) ตัดลงใต้เส้น RVI(สีแดง)
- ณ ขณะนั้น Parabolic Sar จะต้องอยู่เหนือกราฟและทำการ Sell ที่จุดของ Parabolic Sar อันที่ 2 ขึ้นไป
- ทำการ TP และ SL เมื่อใดก็ตามเมื่อ Parabolic Sar มีการย้ายจากด้านบนลงด้านล่างของกราฟ
ข้อควรระวังในการใช้ Relative Vigor Index

อย่างที่ได้กล่าวไปในเนื้อหาของบทความนี้แล้วว่าการดูเพียงสัญญาณการตัดขึ้นตัดลงของเส้น Signal(เส้นสีเขียว) และ RVI(สีแดง) ไม่เพียงพอต่อการใช้งานครับเนื่องจากมีหลายครั้งที่การตัดกันของทั้งสองเส้นไม่ได้มีการเปลี่ยนเทรนด์แต่อย่างใดหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างน้อยดังรูปภาพด้านบนทั้งนี้ควรมีกลยุทธ์และอินดิเคเตอร์อื่นๆร่วมใช้งานด้วยจะทำให้การบอกสัญญาณแม่นยำมากขึ้นเลยทีเดียวครับ
สรุป
Relative Vigor Index(RVI) มีประโยชน์ในการใช้บอกสัญญาณการซื้อและการขายของสินทรัพย์ต่างๆรวมไปถึงสกุลเงินนอกจากนั้นยังมีความสามารถในการดูเทรนด์และบอกDivergentได้อีกด้วย..ทั้งนี้ยังมีข้อควรระวังในการให้สัญญาณการซื้อขายคือไม่ได้มีความแม่นยำเสมอไปควรที่ใช้ควบคู่ไปกันกับเทคนิคกลยุทธ์และอินดิเคเตอร์อื่นๆร่วมด้วย
อ้างอิง
https://forexthai.in.th/relative-vigor-index-indicator/