แนะนำ Indicator ดีที่สุด สำหรับสายเทรดสั้น (scalping)

ใครที่ชอบเทรดสั้นๆ ไม่อยากถือออเดอร์นานๆ กราฟวิ่งไปกี่จุดก็ปิดออเดอร์แล้ว รู้ตัวไหมครับว่าคุณกำลังเทรดแบบ Scalping อยู่ การเทรดแบบนี้มันไม่มีผิดหรือถูกขึ้นอยู่กับความถนัดส่วนบุคคลมากกว่าครับ และในบทความนี้เราจะมาแนะนำเครื่องมือทางเทคนิคหรือ Indicators ที่เหมาะกับการเทรดแบบ Scalping ครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • Scalping คือการเทรดระยะสั้น เน้นทำกำไรเล็กน้อยจากความผันผวนของราคา อินดิเคเตอร์ที่ใช้จึงต้องตอบสนองไว, แม่นยำในระยะสั้นและช่วยกรองสัญญาณหลอกได้บ้าง
  • อินดิเคเตอร์ที่แนะนำ ตัวที่ 1) Moving Average ประเภท EMA เหมาะสำหรับ Scalping เทคนิคคือใช้ EMA 2 เส้นที่ Period ต่างกัน (เช่น 9, 21) ดูการตัดกันของเส้นเป็นสัญญาณเข้าซื้อ/ขาย
  • ตัวที่ 2) RSI ช่วยวัดโมเมนตัมและระบุ Overbought/Oversold ใช้ดูการเกิด Divergence เพื่อหาจุดกลับตัวของราคา เช่นเดียวกับตัวที่ 3) Stochastic Oscillator หลักการเหมือนกัน
  • ตัวที่ 4) Bollinger Bands ให้จังหวะเข้าเทรดจากการบีบตัวของเส้นขอบและตัวที่ 5) คือ MACD ใช้หลักการตัดกันของเส้นผสมกับวิเคราะห์ Histogram เพื่อเข้าเทรด

Scalping ควรใช้ Indicator แบบไหน?

การเทรดแบบ Scalping คือรูปแบบการเทรดระยะสั้นและทำกำไรจากกราฟที่เคลื่อนที่เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น อินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมกับ Scalping ควรมีคุณสมบัติดังนี้

  1. ตอบสนองรวดเร็ว: ตอบสนองในที่นี้คือตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส
  2. แม่นยำในระยะสั้น: เน้นอินดิเคเตอร์ที่ระบุจุดกลับตัวหรือทิศทางในระยะสั้นได้ดี
  3. กรองสัญญาณหลอกได้บ้าง: ต้องยอมรับว่าการเทรดระยะสั้นมันมาคู่กับสัญญาณหลอกมากมายในตลาด ดังนั้นอินดิเคเตอร์ไม่จำเป็นต้องกรองได้ 100% แค่ลดจำนวนและผลกระทบจากสัญญาณหลอกให้มากที่สุดก็พอ
  4. ใช้งานง่ายและไม่รกหน้าจอ: Scalping จำเป็นต้องตัดสินใจรวดเร็ว อินดิเคเตอร์ที่ซับซ้อนเกินไปจะทำให้สับสนได้หรือควรใช้อินดิเคเตอร์ที่ครบ-จบในตัวเดียวได้จะดีมาก
คุณสมบัติอินดิเคเตอร์ที่เหมาะกับเทรด Scalping
อินดิเคเตอร์ที่เหมาะจะใช้กับการเทรด Scalping คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดคือใช้งายง่ายและครอบคลุมเพราะการเทรด Scalping ต้องอาศัยความเร็วเป็นปัจจัย ดังนั้นใช้อินดี้เพียง 1 ตัวต้องสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ครบ

แนะนำ 5 Indicator ที่เหมาะกับการ Scalping

และนี่ก็คืออินดิเคเตอร์ที่เหมาะกับการเทรดแบบ Scalping เป็นอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่การใช้งานเรียบง่ายและมีติดตั้งอยู่ใน MT4/5 มาแต่เดิมอยู่แล้ว มาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ

1. Moving Average

  • Moving Averages หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่ทุกสไตล์การเทรดต้องใช้ มันช่วยปรับข้อมูลราคาให้เรียบขึ้น ทำให้เราเห็นแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น
  • แต่จะแนะนำลึกลงไปอีกขั้นคือการใช้ EMA หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Exponential เพราะตัวนี้จะ ให้ความสำคัญกับราคาล่าสุดมากกว่า ทำให้ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดได้เร็วกว่า
    • ตัวอย่าง EMA 9 (9 Period) ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาล่าสุดอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์จะได้สัญญาณเข้าออกออเดอร์ที่เร็ว+แม่น

การประยุกต์ใช้ Moving Averages ในการ Scalping

  1. Crossover Strategy: หลักการคือใช้เส้น EMA 2 เส้น ที่ Period ต่างกัน (ส่วนมากใช้ 9, 21) แล้วดูจุดตัดของ 2 เส้นนี้ โดยขอเรียก EMA ที่ Period น้อยกว่า = เส้นเล็ก และ Period ใหญ่ = เส้นใหญ่
    • ถ้า EMA เส้นเล็กตัดขึ้นเหนือ EMA เส้นใหญ่ = แนวโน้มขาขึ้น เป็นสัญญาณเข้าซื้อ (Buy)
    • ถ้า EMA เส้นเล็กตัดลงใต้ EMA เส้นใหญ่ = แนวโน้มขาลง เป็นสัญญาณเข้าขาย (Sell)
  1. Trend Confirmation: อันนี้จะไม่ใช้ในการบอกสัญญาณเข้าเทรดแต่บอกว่าควรเล่นฝั่งไหน Buy/Sell
    • ถ้าราคาวิ่งเหนือเส้น EMA + เส้น EMA ชันขึ้น = แนวโน้มขาขึ้น ยิ่งกราฟวิ่งห่างจากเส้น = แนวโน้มแข็งแกร่งมาก ควรเล่นฝั่ง Buy
    • ถ้าราคาวิ่งใต้เส้น EMA + เส้น EMA ลาดชันลง = แนวโน้มขาลง เน้น Sell
การใช้ Moving Average EMA สำหรับเทรด Scalping
ตัวอย่างการใช้ Moving Average แบบ EMA โดยสังเกตจุดตัดขึ้นลงของ 2 เส้น (EMA9, EMA21) รวมถึงปัจจัยรอบข้างอย่างการเด้งจากแนวต้านไดนามิก ถือว่าเป็นจังหวะเข้าเทรดที่น่าสนใจ เทรดเดอร์สามารถเลือกเข้าตามจุดตัดหรือดักไว้ตรงขอบ Low ก็ได้

2. Relative Strength Index (RSI)

  • RSI ใช้วัดโมเมนตัมของราคา โดยค่าของ RSI จะแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 ถ้า RSI > 70 = Overbought /ซื้อมากเกินไป แต่ถ้า RSI < 30 Oversold /ขายมากเกินไป
  • ในการเทรด Scalping เทรดเดอร์มักจะปรับค่า Period ของ RSI จากค่าปกติที่ 14 ให้สั้นลง เช่น 7 หรือ 9 เพื่อจับโมเมนตัมได้เร็วขึ้น

การประยุกต์ใช้ RSI ในการ Scalping

  1. Overbought/Oversold: เราควรต้องสังเกตสภาวะ Overbought/ Oversold ไปจนถึง RSI เคลื่อนที่กลับเข้ามาในกรอบ 30-70 เพื่อหาจุดกลับตัวของราคาที่แท้จริง
  2. Divergence: หาสัญญาณขัดแย้งระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาและ RSI เช่น ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ตาม = เกิด Divergence เป็นสัญญาณโมเมนตัมอ่อนลง อาจจะกลับตัว
  3. ระดับ 50 ของ RSI: RSI เป็นกราฟ Oscillator พล็อตค่าระหว่าง 0-100 เราวาดค่ากลางที่ 50 เอาไว้ ถ้า RSI ที่ ตัดขึ้นเหนือ 50 = กำลังโมเมนตัมขาขึ้น แต่ RSI ลดลงต่ำกว่า 50 = กำลังเข้าโมเมนตัมขาลง
RSI Divergence และสัญญาณโมเมนตัมสำหรับ Scalping
ตัวอย่างในรูป กราฟแท่งเทียนและ RSI เกิด Divergence พร้อมกับสัญญาณโมเมนตัมขาขึ้นกำลังมาเพราะ RSI เริ่มวิ่งทะลุเส้น 50 ขึ้นไปแล้ว เป็นโอกาสเล่น Buy ในระยะสั้นๆ

3. Bollinger Bands

  • ก่อนอื่นขออธิบายส่วนประกอบของ Bollinger Bands ประกอบไปด้วย เส้น 3 เส้น
    • เส้นกลาง: เป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบธรรมดา (SMA)
    • เส้นบนและเส้นล่าง: คือเส้น “ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน” นับจากเส้นกลาง
  • เส้นบน-ล่างจะขยับห่างหรือแคบลงตามความผันผวนของตลาด ถ้าตลาดผันผวนสูงเส้นจะกว้างออก แต่ถ้าตลาดนิ่งเส้นจะบีบเข้าหากัน
  • การเทรด Scalping จะปรับ Period ของ Bollinger Bands ให้สั้นลง เส้น SMA = 7 – 10 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 1.5 – 2

ประยุกต์ใช้ Bollinger Bands ในการ Scalping

  1. Bollinger Squeeze: มันคือการที่เส้นขอบ-ขอบล่างบีบตัวเข้าหากันแสดงว่าตลาดมีความผันผวนต่ำ และมักจะเกิดขึ้นก่อนที่ราคาจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ จังหวะนี้ต้องจับตาดูการ Breakout ให้ดีว่าจะทะลุขึ้นเหนือหรือต่ำกว่าเส้น SMA (เส้นกลาง)
  2. การกลับตัว: ถ้ากราฟวิ่งไปชนหรือทะลุเส้นขอบบนมันคือสัญญาณ Overbought/ ซื้อมากเกินไป มีโอกาสกลับตัวลง เช่นเดียวกันถ้าวิ่งไปขอบล่างก็คือ Oversold อาจจะกลับตัวขึ้นได้
Bollinger Bands แสดง Squeeze และ Breakout สำหรับ Scalping
ตัวอย่างการใช้ Bollinger Bands สังเกตจุดที่ 1 กราฟเริ่มให้สัญญาณกลับตัวลง มาจุดที่ 2 เกิด Bollinger Squeeze จากนั้นราคา Breakout ทะลุลงมา เป็นจุดเข้าเทรดระยะสั้น

4. Stochastic Oscillator

  • Stochastic Oscillator เป็นอีกหนึ่งอินดิเคเตอร์ที่วัด “แรงโมเมนตัม” ของราคา อินดิเคเตอร์นี้ประกอบด้วยเส้น 2 เส้นคือ
    • เส้น %K: แสดงราคาปิดปัจจุบันเทียบกับช่วงราคา
    • เส้น %D: เป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ %K
  • Stochastic Oscillator จะอ่านสภาวะเหมือน RSI เลยคือ ค่าที่สูงกว่า 80 บ่งบอกถึงภาวะ Overbought ส่วนค่าที่ต่ำกว่า 20 บ่งบอกถึงภาวะ Oversold
  • ในการเทรด Scalping เทรดเดอร์อาจปรับค่า Stochastic Oscillator ให้สั้นลง เช่น 5,3,3 เพื่อเพิ่มความไวในการตอบสนอง มันจะช่วยจับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในระยะสั้นได้ดี

การประยุกต์ใช้ Stochastic Oscillator ใน Scalping

  1. Divergence: ถ้ากราฟทำเทรนด์ระยะสั้นตรงข้ามกับ Stochastic Oscillator = สัญญาณเทรนด์กำลังอ่อนแรง ราคามีโอกาสกลับตัว
  2. Crossovers: เส้น %K ตัดขึ้นเหนือ %D จากระดับที่ต่ำกว่า = ขาขึ้นในระยะสั้น แต่ถ้า เส้น %K ตัดลงต่ำกว่า %D = ขาลงระยะสั้น
 Stochastic Divergence และจุดตัดสำหรับ Scalping
จากรูป Stochastic Oscillator เกิด Divergence ขาขึ้น พร้อมกับเส้น %K ตัดขึ้นเหนือเส้น %D บ่งบอกถึงแรงและโมเมนตัมขาขึ้น ให้หาจังหวะ Buy ที่จุดตัดของเส้น %K และ %D

5. MACD

  • เทรด Scalping จะขาดตัวนี้ไม่ได้เลย MACD เป็นอินดิเคเตอร์ที่วัดแรงโมเมนตัมและแนวโน้มของราคาได้อย่างรวดเร็ว มีส่วนประกอบหลัก 3 อย่าง
    • MACD Line = ผลต่างระหว่างเส้น EMA (ส่วนใหญ่เทรดระยะสั้นจะปรับ = EMA 3 กับ EMA 10)
    • Signal Line = เส้น EMA 9 ของ MACD Line (เทรดสั้นปรับเป็น 16)
    • Histogram = แท่งกราฟแสดงระยะห่างระหว่าง MACD กับ Signal Line

เทคนิคใช้ MACD ในการเทรด Scalping

  1. Crossovers: สัญญาณซื้อขายจากการตัดกันของเส้น
    • เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือ Signal Line = สัญญาณซื้อ(Buy)
    • MACD ตัดลงต่ำกว่า Signal Line = เป็นสัญญาณขาย(Sell)
  1. วิเคราะห์ Histogram: ดูจาก Histogram ถ้าแท่งยาวขึ้น = โมเมนตัมเริ่มแข็งแรงขึ้น กลับกันถ้า Histogram แท่งสั้นลง = โมเมนตัมเริ่มอ่อนแรง เอาไว้หาจังหวะเข้าเทรด
MACD จุดตัดและ Histogram สำหรับเทรด Scalping
จากรูปภาพเส้น MACD ตัดขึ้นเส้น Signal Line พร้อมกับแท่ง Histrogram ที่สั้นลง เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ไปทางเดียวกันคือขาขึ้นระยะสั้น และในรูปเราสามารถเก็บ Buy ได้ 2 ออเดอร์

วิดีโอเกี่ยวกับ Scalping Indicators

ในบทความอาจจะพูดถึงอินดิเคเตอร์ที่มีมาให้ในแพลตฟอร์มเทรดทั่วไปอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากใช้อินดิเคเตอร์เฉพาะที่มีแค่ใน Trading view วิดีโอตัวนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “Chandelier Exit” อินดิเคเตอร์สาย Scalping โดยยูทูปเบอร์รายนี้อ้างว่า Win Rate สูงถึง 96.8% เลยทีเดียว

  • Focus นาทีที่ 00:47 การตั้งค่ากราฟ + อินดิเคเตอร์
  • Focus นาทีที่ 03:04 กลยุทธ์การซื้อ/ขาย พร้อมอธิบายสถานการณ์ที่ไม่ควรเทรด
  • Focus นาทีที่ 09:23 การตั้งค่าการแจ้งเตือน

สรุป

 

ถ้าอ่านบทความนี้จบเชื่อว่าเทรดเดอร์สาย Scalping คงจะมีอินดิเคเตอร์ติดตัวไปใช้เยอะมากหรือใครที่ว่างๆ อยากจะลองเทรดสั้นๆ กินกำไรทีละ 10-50 pips จะเอาเทคนิคอินดิเคเตอร์พวกนี้ไปใช้ก็ไม่ว่ากันครับ แต่ต้องตระหนักไว้อย่างหนึ่งคืออินดิเคเตอร์ไม่ได้ให้สัญญาณเทรดที่ถูกต้อง 100% เทรดเดอร์ต้องเผื่อใจและบริหารความเสี่ยงให้ดีนะครับ

สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์สไตล์การเทรดแบบไหน การมีวินัยและแผนการเทรดที่ชัดเจนคือหัวใจสำคัญ เพราะกำไรที่ยั่งยืนไม่ได้มาจากอินดิเคเตอร์เพียงอย่างเดียว แต่มาจาก “การควบคุมตัวเอง” เสมอครับ

อ้างอิง: https://fxopen.com/blog/en/what-indicators-do-traders-use-for-scalping/

ทีมงาน: thaiforexbroker.com

สารบัญบทความ