พลังหมี และ พลังกระทิง!! สุดยอดอินดิเคเตอร์สาย Oscillators อีกหนึ่งที่ทรงประสิทธิภาพ Bull Power และ Bears Power อินดิเคเตอร์ นั่นเอง…สำหรับอินดิเคเตอร์ชนิดนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักสักเท่าไรครับในประเทศไทยแต่ก็ยังคงถูกจัดอยู่ในอินดิเคเตอร์มาตรฐานของ MT4 และ MT5 อยู่ครับซึ่งทั้งนี้ความสามารถของมันค่อนข้างหลากครับเช่นใช้ในการระบุเทรนด์ การมองหาจุดกลับตัว หรือแม้กระทั้ง การมองหา Divergent ก็ใช้ได้ดีเลยทีเดียวครับ…โดยจะที่จะมีและขั้นตอนการใช้งานอย่างไรไปรับชมกันได้เลยครับ
ความเป็นมาของ Bull and Bear Power
Bull and Bear Power indicator คือชื่อทั้งอินดิเคเตอร์ทั้งสองตัวนะครับโดยปกติเวลาใช้งานเราจะต้องเรียกใช้งานด้วยกันถึงสองครั้งครับซึ่งประกอบไปด้วย Bull Power indicator และ Bear Power indicator ซึ่งโดยส่วนมากสองอินดิเคเตอร์นี้จะถูกนำมาใช้ร่วมกันครับจึงไม่สามารถอธิบายการแยกใช้งานอินดิเคเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งได้และแน่นอนครับว่าความสามารถของมันทำให้การใช้งานถูกถ่วงดุลและทำให้สัญญาณที่เกิดขึ้นนั้นแม่นยำมากขึ้นเลยทีเดียวครับ

ด้วย Bull Power indicator และ Bear Power indicator จัดอยู่ในอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillators ครับอีกทั้งยังมีการแสดงผลในรูปแบบ Histogram เช่นเดียวกันกับอินดิเคเตอร์ Moving average convergence divergence (MACD) โดยวิธีการใช้งานนั้นยังมีแอบเหมือนกันเล็กน้อยครับแต่ก็ไม่ได้เหมือนกันมาก เหตุผลเพราะว่าต้นกำเนิดมาจากอินดิเคเตอร์ตัวเดียวกันคือ Moving Average นั่นเองครับถือว่าเป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์ที่เป็นต้นกำเนิดให้อินดี้ตัวอื่นๆเยอะมากเลยทีเดียว

โดย Bull Power indicator และ Bear Power indicator จะมีอีกชื่อหนึ่งครับที่รู้จักกันในนามของ Elder-Ray ที่ถูกพัฒนามาจากบุคคุลที่มีนามว่า Alexander Elder ซึ่งเป็นถึงเทรดเดอร์มืออาชีพและยังเป็นถึงอาจารย์ของเทรดเดอร์ทั้งหลายอีกทั้งยังมีผลงานเขียนหนังสือที่มีชื่อว่า The New Trading for a Living ซึ่งเป็นหนังสือที่ขายดีระดับนานาชาติเลยทีเดียวครับ…จากผลงานและประสบการณ์ที่หลากหลายทำให้มั่นใจได้ว่าอินดิเคเตอร์ที่ออกมาจะต้องน่าใช้อย่างมากเลยทีเดียวครับ
วิธีคำนวณ สูตร Bull and Bear Power
จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้น Bull and Bear Power indicator มีรากฐานมาจากอินดิเคเตอร์ที่มีชื่อว่า Moving Average ครับและก็ยังถูกแสดงอยู่ในรูปแบบของ Histogram ที่มีระดับกึ่งกลางอยู่ที่ระดับ 0 ทั้งนี้ค่าพารามิเตอร์ที่ใช้จะสามารถปรับแต่งได้เพียงค่าเดียวเท่านั้นครับคือค่า Period หรือจำนวนกราฟแท่งเทียนในทามเฟรมนั้นๆ นั่นเองครับซึ่งจะมีสมการอย่างไรไปรับชมในหัวข้อถัดไปได้เลยครับ
สูตรคำนวณ
- Bear power indicator calculation = Lowest currency pair price – Exponential moving average EMA(n) of closing prices.
- Bull power indicator calculation = highest currency pair price – Exponential moving average EMA(n) of closing prices.
โดยที่
- EMA(n) = Exponential moving average ที่จำนวน n แท่งโดยที่ค่าพารามิเตอร์ดั้งเดิมจะถูกตั้งค่าไว้ ที่ 13 เป็นค่ามาตรฐาน
- Closing Prices = ชนิดของราคากราฟที่นำมาคิดไม่สามารเปลี่ยนแปลงได้
วิธีตั้งค่า Bull and Bear Power
ให้เราทำการเรียกใช้ INDICATOR โดยทำการสังเกตที่มุมซ้ายบนให้ทำการเลือก Insert ตามด้วย Indicator จากนั้นเลือก Oscillators และ Bear power indicator หรือ Bull power indicator ตามลำดับ

เมื่อทำการเรียกใช้งานอินดิเคเตอร์ทั้งสองแล้วผมก็จะทำการตั้งค่าพารามิเตอร์เป็นค่าดั้งเดิมคือ Period 13 โดยที่ผมจะทำการแก้ไขเกี่ยวกับสีและขนาดของของทั้งสองดังตัวอย่างรูปด้านล่างนะครับเพื่อให้สามารถเห็นข้อแตกต่างได้อย่างชัดเจน

ระบบเทรด Bull and Bear Power ที่แนะนำ
ก่อนอื่นเรามาเข้าใจพื้นฐานของอินดิเคเตอร์ตัวนี้กันก่อนครับว่า Bull and Bear Power indicator พื้นฐานมาจากการที่นำราคา สูง/ต่ำ ของราคาแท่งเทียนมาลบกับ EMA ที่ 13 วันครับ ดังนั้นจึงไม่แนะนำที่จะแยกการใช้งานเป็นตัวใดตัวหนึ่งและควรที่จะใช้งานควบคู่กันไปครับโดยระบบเทรดนั้นส่วนมากก็จะมีการนำเส้น EMA (13) เข้ามาพิจารณาในการเทรดด้วยซึ่งเรื่องนี้ผมก็จะขอกล่าวอย่างละเอียดในหัวข้อถัดไปครับ

พื้นฐานของการใช้งาน Bull and Bear Power ประการแรกคือการดู Histogram เพื่อบ่งบอกถึงสัญญาเทรนด์ขาขึ้นและเทรนด์ขาลงครับ ตัวอย่างคือ โดยให้ทำการสังเกตในหมายเลขที่ 1 ครับเมื่อใดก็ตามที่ Histogram ของ Bull and Bear ลงไปอยู่ใต้นะดับ 0 พร้อมกันก็จะสังเกตได้ว่า ณ ขณะนั้นกราฟจะอยู่ในเทรนด์ขาลง แต่ในทางกลับกันเมื่อ Bull and Bear ขึ้นไปอยู่เหนือเลข 0 พร้อมกันก็จะสังเกตได้ว่า ณ ขณะนั้นกราฟจะอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นนั่นเองครับ

นอกจากความสามารถในการดูเทรนด์ เรายังสามารถใช้ความสามารถจาก Divergent เพื่อดูจุดกลับตัวดังรูปด้านบนได้ครับโดนผมจะทำการอธิบายเพียง Bullish Divergent ได้ให้ทำการสังเกตแนวรับของกราฟแท่งเทียนเป็นขาลงแต่ Bears ถูกตีแนวรับในเทรนขาขึ้นโดยที่ ณ ขณะนั้น Bulls มีแนวโนมขึ้นอยู่แหนือระดับ 0 จึงทำให้มีโอกาสในการทำจุดกลับตัวในเทรนด์ขาขึ้นนั่นเองครับ
เงื่อนไขการ Buys ในคู่เงิน XAUUSD H1

- เรียกใช้ EMA (13) หลังจากนั้นรอจนกว่ากราฟราคาจะทำการตัดขึ้นและมีราคาปิดเหนือเส้น EMA (13)
- ในขณะเดียวกันสัญญาณ Bear ให้ดู Histogram จะต้องตัดจากล่างขึ้นบน และ สัญญาณ Bull จะต้องอยู่เหนือเส้นระดับ 0 จึงทำการเปิดไม้ Buy
- Slop loss ไว้ที่ Low ก่อหน้าและทำการตั้ง TP ไว้ที่ RR เท่ากับ 1:1
เงื่อนไขการ Sells ในคู่เงิน XAUUSD H1

- เรียกใช้ EMA (13) หลังจากนั้นรอจนกว่ากราฟราคาจะทำการตัดลงและมีราคาปิดใต้เส้น EMA (13)
- ในขณะเดียวกันสัญญาณ Bull ให้ดู Histogram จะต้องตัดจากบนลงล่าง และ สัญญาณ Bear จะต้องอยู่ใต้เส้นระดับ 0 จึงทำการเปิดไม้ Sell
- Slop loss ไว้ที่ High ก่อหน้าและทำการตั้ง TP ไว้ที่ RR เท่ากับ 1:1
ข้อควรระวังในการใช้
- Bull และ Bear Power อินดิเคเตอร์ทั้งสองควรที่จะใช้งานร่วมกันไม่ควรแยกกันใช้ตัวใดตัวหนึ่ง
- การที่จะหาสัญญาณเข้าหรือออกออเดอร์ควรที่จะนำอินดิเคเตอร์ตัวอื่นนำมาประยุกต์ใช้ด้วยอย่างที่นิยมใช้กันคือเส้น EMA (13)
- ต้องอาศัยประสบการ์ณและความเข้าใจข้อแตกต่างของอินดิเคเตอร์ทั้งสองตัวให้แน่ชัดก่อนการใช้งานทุกครั้ง
- ควรฝึกเทรดในบัญชีทดลองใช้งานก่อนการลงสนามจริงทุกครั้ง
สรุป
Bull และ Bear Power indicator เป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์ที่มีประโยชน์ในการใช้บอกทิศทางของเทรนด์ได้ดีเยี่ยมอีกทั้งยังสามารถบอกจุดกลับตัวของเทรนด์ได้อีกด้วยครับทั้งนี้อินดิเคเตอร์ทั้งสองควรใช้ควบคู่กับอินดิเคเตอร์ตัวอื่นๆเพิ่มขึ้นเพื่อจะได้เพิ่มความแม่นยำในการออกออเดอร์ได้มากขึ้นนั้นเองครับ
อ้างอิง
https://forexthai.in.th/indicator-bull-bear/
https://blueberrymarkets.com/learn/advanced/bear-and-bull-power-indicators/