ข้อดีของการเทรดใน Timeframes ใหญ่ วิธีทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว

เทรดเดอร์ที่เทรด Forex เป็นประจำจะรู้ว่าการเลือก Timeframes ในการวิเคราะห์และเทรดนั้นถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเลยล่ะครับ แต่ละคนก็มีความถนัดและชื่นชอบใน Timeframe หรือกรอบเวลาที่ต่างกันไป แต่ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกในส่วนของ Timeframes ใหญ่กันครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • Timeframes ใหญ่คือกรอบเวลาที่กราฟแท่งเทียนแต่ละแท่งแสดงถึงการเคลื่อนไหว ซื้อ/ขาย ในช่วงเวลาที่ค่อนข้างนาน โดยในบทความนี้จะนับตั้งแต่กรอบ 4 ชั่วโมงจนถึง 1 เดือน
  • โดยข้อดีของการเทรดบน Timeframes ใหญ่มีดังนี้
    • สัญญาณหลอกน้อยกว่า แนวโน้มจะชัดเจนและแข็งแกร่ง
    • ความเครียดในการเทรดน้อยกว่า
    • ลดการ Overtrade ไปในตัว
    • เทรดเดอร์มองเห็นภาพรวมของตลาดและฝึกควบคุมอามรมณ์ง่ายกว่า
  • ตัวอย่างเปรียบเทียบการเทรดบน Timeframes เล็ก จะเห็นว่าบางช่วงราคาค่อนข้างวิเคราะห์ยากและมองเห็นแนวโน้มได้ไม่ชัดเจน
  • กลับกันบน Timeframes ใหญ่ จะมองเห็นสัญญาณตั้งแต่เนิ่นทั้ง Trendline และ Price Action อย่างเช่น Pinbar

ทำความเข้าใจกับ Timeframes ใหญ่

  • ในการเทรด Forex ทุกคนต้องเคยเห็นตัวเลข Timeframes เช่น 1M, 5M, 15M, 30M, 1H, 4H, D1, W1, MN ซึ่งเทรดเดอร์บางคนอาจจะใช้ หลาย Timeframes ในการวิเคราะห์
  • ตัวเลขและสัญลักษณ์เหล่านี้แหละครับคือ Timeframes หรือกรอบเวลาที่กำลังบอกเราว่าตอนนี้ กราฟแท่งเทียนแต่ละแท่งที่เรากำลังดูอยู่ มันเคลื่อนไหวตามระยะเวลาของ Timeframes นั้น เช่น
    • Timeframes 1H = แท่งเทียนแต่ละแท่งจะขึ้นลงตามราคาซื้อ/ขาย ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง
    • Timeframes 5M = แท่งเทียนแต่ละแท่งจะขึ้นลงตามราคาซื้อ/ขาย ในระยะเวลา 5 นาที
  • ดังนั้นเมื่อเราพูดถึง Timeframes ใหญ่ ก็ย่อมหมายถึงกรอบเวลาที่ค่อนข้างนาน อาจจะเริ่มตั้งแต่ 4H-MN ก็คือแท่งเทียน 4 ชั่วโมงไปจนถึงแท่งเทียน 1 เดือน (แต่คนใช้ 1 เดือนน้อยมาก)
ความแตกต่างของTimeframes ใหญ่และเล็ก
ความแตกต่างหลักๆ ของTimeframes นอกจากจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในแต่ละแท่งเทียนแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการเลือกใช้งานด้วย โดย TF เล็กมักจะใช้งานสำหรับการเทรดและวิเคราะห์ระยะสั้นๆ เทรดวันต่อวัน แต่ TF เน้นการเทรดระยะยาวมากกว่า

ข้อดีของการเทรดในกรอบ Timeframes ใหญ่

การเทรดบนทุกๆ Timeframes มีความแตกต่างในด้านประโยชน์และข้อมูลที่ได้รับ เราจะมาดูกันว่าบน Timeframes ใหญ่ นั้นมีข้อดีและมีประโยชน์ยังไงกับการเทรด Forex ของเราบ้าง

1. สัญญาณเทรดแม่นยำและน่าเชื่อถือกว่า

  • การเทรดบน Timeframes ใหญ่สามารถ กรองสัญญาณหลอก (fake signal) ได้ดีกว่าแบบกรอบเวลาเล็ก
  • รวมถึงระดับราคาสำคัญๆ ที่เป็นแนวรับ-แนวต้าน จะแข็งแรงกว่า เพราะกรอบเวลานี้ใช้เวลาค่อนข้างนานหากเกิดแนวรับ-แนวต้านขึ้น หมายว่าราคาในระดับนี้มีนัยยะสำคัญจริงๆ

2. ลดความเครียด ความกดดัน

  • การเทรดบนกรอบเวลาใหญ่ทำให้เทรดเดอร์ไม่ต้องกดดันกับการแข่งขันกับเวลาสั้นๆ ไม่ต้องจ้องราคาย่อยๆ ให้กังวลจนเกิดความเตรียดครับ
  • อีกทั้งการเทรดบนกรอบใหญ่ทำให้เราเห็นภาพรวมของราคาได้ชัดเจนกว่า เน้นวิเคราะห์การเทรดในระยะยาวกว่า ทำให้มีเวลาทำอย่างอื่นได้ด้วย

3. ลดการ Overtrade

  • การเทรดบนกรอบใหญ่ เทรดเดอร์มักจะไม่เข้าเทรดบ่อยครั้งเหมือนกรอบเล็ก ทำให้การออกออเดอร์แต่ละครั้งจะเสถียรและคงที่ ไม่ Overtrade เพื่อหวังกำไรเร็วๆ หรือแก้คืนเมื่อเสีย
  • เราจะรู้ว่าควรเทรดเฉพาะช่วงที่ตลาดมี Volatility และ Liquidity มากพอ ไม่ต้องวิ่งตาม setup ตลอดเวลาเหมือน Timeframes เล็ก

4. เข้าใจตลาดและเข้าใจอารมณ์

  • การเทรดบน Timeframes ใหญ่จะทำให้เรามีเวลาหาข้อมูลและวิเคราะห์มากขึ้นก่อนเทรด เราจะรู้ภาพรวมและข้อมูลเชิงลึกของคู่สกุลเงินนั้นจริงๆ
  • อีกทั้งการเทรดบนกรอบเวลาใหญ่แบบนี้ เราสามารถฝึกการควบคุมอารมณ์ของเราไม่ให้เป๋ไปตามตลาดได้ง่ายๆ ซึ่ง Timeframes เล็ก นั้นค่อนข้างจะรุนแรงมากหากคุมอารมณ์ของเราไม่ได้
ข้อดีของ Timeframes ใหญ่
การเทรดบน Timeframes ใหญ่ มีข้อดีเช่น เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของแนวโน้มสกุลเงินได้ชัดเจนกว่า, มีสัญญาณหลอกน้อยกว่า ทำให้ไม่ต้องกังวลและเครียดในการเทรดบ่อยๆ รวมถึงจะปรับให้เทรดเดอร์ไม่ Overtrade โดยเน้นเทรดน้อยแต่แม่นยำ

เปรียบเทียบมุมมองการเทรด TF เล็ก vs TF ใหญ่

ทีมงาน Thai Forex Broker มีตัวอย่างการเทรดบน 2 Timeframes ทั้งเล็กและใหญ่มาเปรียบเทียบให้ดูครับว่า มุมมองในแต่ละ Timeframes มันแตกต่างกันยังไงแบบไหนดูง่ายกว่า

มุมมอง Timeframes เล็ก

มุมมอง Timeframes เล็ก
จากตัวอย่างรูปภาพ เมื่อเรามองจาก Timeframes 1 ชั่วโมงซึ่งถือว่ายังเป็น TF เล็ก ราคาวิ่งเป็น Sideway อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม จากนั้นเกิด Breakout ออกจากกรอบ ซึ่งมุมมองใน TF นี้ยังเห็นสัญญาณที่จะเกิดการ Breakout ไม่ชัดเจนพอ
  • กราฟเห็นในรูปคือกราฟ TF 1H ของวันที่ 8-9 เมษายนของปี 2024 ครับ จะเห็นว่ากราฟราคามีการวิ่งแบบ Sideway มาสักระยะ
  • ราคายังไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าจะขึ้นหรือลง จนในวันที่ 10 ช่วงกลางวัน แท่งเทียนก็ดิ่งลงเหวอย่างรุนแรงหลุดจากกรอบ Sideway ไปดื้อๆ
  • ตรงจุดหากเราโหกัสเฉพาะ TF 1H แบบนี้ หลายคนคงมองไม่ออกหรือมองยากแน่ๆ โดยเฉพาะเทรดเดอร์มือใหม่ว่ากราฟราคาจะดิ่งลง เพราะการเคลื่อนไหวยังไม่ได้บ่งบอกหรือให้สัญญาณอะไรที่ชัดเจน (กรณีมองกราฟเปล่า)

มุมมอง Timeframes ใหญ่

มุมมอง Timeframes ใหญ่
จากรูปตัวอย่างก่อนหน้า นี่คือรูปภาพกราฟในมุมมองของ Timeframe Day แท่งเทียนแต่ละตัวบ่งบอกถึงการซื้อขายภายใน 1 วัน จะเห็นว่ามีสัญญาณบ่งบอกว่าราคาจะกลับตัวลงหลายอย่าง เช่น การเกิดแท่งเทียน Pinbar ทิ้งไส้ยาวไปด้านบน หรือการวาด Trendline ก็จะเห็นแนวโน้มหลักเป็นขาลง
  • ทีนี้เรามาดูกรอบเวลา D1 ในช่วงเวลาเดียวกันคือวันที่ 8-9 (ตามกรอบสี่เหลี่ยม) จะเห็นว่าแท่งเทียนเริ่มทำรูปแบบ Price Action บางอย่าง ก็คือ Pinbar
  • อีกทั้งก่อนหน้านี้จะเห็นว่าราคาเริ่มทำแนวสโลปลงมาบ่งชี้ว่าเป็นขาลง จนในกระทั่งวันที่ 10 ราคาก็ดิ่งลงจริงๆ ตามที่มันเฉลย ซึ่งหากเราดูกรอบเวลานี้ + รู้ Price Action เราจะเห็นสัญญาณตั้งแต่วันที่ 9 แล้ว
  • ถ้าเทรดเดอร์ได้เทรดบน TF D1 ก็จะได้วางออเดอร์ Sell ตอนเห็น Pinbar หรือตามเส้น Trendline ซึ่งมองได้ชัดกว่ากรอบเวลาเล็ก

วิดีโอเกี่ยวกับ Timeframes การเทรด

อันที่จริงไม่ได้อยากโจมตีการเทรดโดยใช้กรอบเวลาเล็กๆ แต่อย่างใดนะครับ เพียงแค่อยากนำเสนอมุมมองของเทรดเดอร์ที่เตือนว่า การใช้กรอบ Timframes เล็กนั้น อาจจะไม่เหมาะกับบางคนหรืออาจจะทำให้การเทรดโดยรวมของคุณนั้นแย่ โดยในวิดีโอนี้ก็จะมาอธิบายถึงเหตุผลนั้นครับ

  • Focus นาทีที่ 1:15 อธิบาย Timeframes เล็กก่อน
  • Focus นาทีที่ 2:52 การเทรดแบบมองภาพใหญ่
  • Focus นาทีที่ 4:35 กฎเหล็กของการเทรด 2 Timeframes
  • Focus นาทีที่ 7:15 บทสรุป

สรุป

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าไม่มี Timeframes ไหนดีที่สุด ทุกๆ Timeframes มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ซึ่งจากที่วิเคราะห์ดูแล้ว Timeframes ใหญ่ดูจะมีจุดเด่นที่ครอบคลุมสำหรับความต้องการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ควรจะมี นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บทความนี้นำเสนอข้อดีและประโยชน์ของการเทรดบนกรอบเวลาใหญ่ครับ

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการบริหารเงินทุนและบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้ง เพราะไม่ว่าจะคุณจะเทรดเดอร์บนกรอบไหนก็ตามหากละเลยการบริหารความเสี่ยงและเงินทุนไป Timeframes ไหนมันก็ไม่ต่างอะไรกันมากครับ  

ทีมงาน : thaiforexbroker.com

สารบัญบทความ