กลยุทธ์เทรด timeframes ใหญ่เพื่อทำกำไร
การเทรดจริงๆ เป็นเรื่องน่าเบื่อ เมื่อผ่านเวลาการเทรดนานและเริ่มเทรดเป็น ท่านจะพบว่าไม่ได้เห็น trade setup ที่มีความเป็นไปได้สูงทั้งวัน แม้ว่าตลาดจะเปิดและให้เทรดได้ทั้งวันก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาทั้งวันนานๆ เพื่อจ้องหน้าจอคอมเพื่อเทรด
เมื่อดูจากชาร์ตด้านบนที่การกำหนดช่วงเวลาตลาดเปิด ของแต่ละวันท่านจะพบว่า ตลาดที่เห็นมีการวิ่งดีๆ คือช่วงสีเขียวอ่อนและสีเทาที่ทับกันและตามมา คือเป็นช่วงตลาดยุโรปและตลาดอเมริกาเปิด
อีกอย่างหนึ่งท่านจะพบว่า ยิ่งเป็น higher timeframes เท่าไรชาร์ตยิ่งชัด แต่อย่าลืมว่าราคาเคลื่อนไหวต้องใช้เวลา ยิ่งเป็น higher timeframes ยิ่งใช้เวลานาน ดังนั้นกลยุทธ์การตั้ง stop loss และ take profit ประกอบการเทรดก็จะมากขึ้น
ในที่นี้ขอยกตัวอย่างจะเน้นส่วนที่เป็น Day trading เป็นตัวอย่าง และการใช้ชาร์ต H1 H4 และ D1 สำหรับอ้างอิงเป็น higher timeframes และ ชาร์ต M1, M5 คือ timeframes เล็ก
ข้อดีอย่างแรกของการเทรดอิง higher timeframes คือ ความกดดันจะน้อย เพราะท่านเห็นภาพที่ชัดเจนพอ ก่อนที่จะตัดสินใจในการเข้าเทรด ไม่ต้องมาคอยจ้องราคาเกิน swing high/low ใน timeframes เพื่อเทรดเก็บสั้นๆ หรือเพื่อเอาชนะตลาดด้วยการเทรดแบบเก็บสั้นๆ หรือหวังกำไรไม่กี่บีบจากการเคลื่อนไหวที่ไม่มากพอ เมื่อเทียบกับการเทรดใน higher timeframes
ข้อดีที่สอง จะเป็นการลดการโอเวอร์เทรดไปในตัว เพราะหลังจากท่านรู้ว่าช่วงไหนของตลาดมี volatility มากพอที่จะเทรด มี liquidity มากพอ ท่านก็จะดีกรอบช่วงเวลาการเทรดน้อยลงไปเอง และพอยิ่งเทรด higher timeframes ในที่นี้คือ H1 การวิเคราะห์หา trade setups ของท่านก็จะน้อยลงไปอีกในตัว เพราะทุกชัวโมงไม่ได้เกิด trade setups ที่มีความเป็นไปได้สูงตลอด แต่ถ้าท่านเทรด timeframes เล็กๆ เช่น M5 ท่านอาจเห็น setups เกิดขึ้นบ่อยตลอด
ข้อดีที่ 3 ท่านจะรู้ว่าความอดทนจำเป็นในการเทรดอย่างไร การผ่านช่วงเวลาที่เปิดเทรดแล้วกว่าจะราคาไปถึงเป้าหมาย หรือท่านจะแค่ “ขายหมู” เพราะท่านไม่สามารถเรียนรู้ว่าความอดทนจำเป็นขนาดไหน จากตัวอย่าง กว่าราคาจะมาถึงล่างสุด ใช้เวลา 5 ชั่วโมงได้ แม้ดูชาร์ตย้อนหลังแบบตัวอย่างจะไม่นาน แต่เวลาเทรดจริงยิ่งเป็นเงินจริงด้วย ความกดดัน ความกลัวว่าราคาจะถอยหลังหรือเปล่า หรือเกิดความโลภ ราคาจะไปถึงหรือเปล่าที่ท่านต้องแบกกว่า 5 ชม. ถ้าเป็นเทรดเดอร์ใหม่ๆ ที่ไม่มีประสบการณ์การจัดการอารมณ์มากพอ ไม่เข้าใจตลาดมากพอ ไม่สามารถยืนกรานในความรู้ตัวเองมากพอ ก็น่าจะขายหมูตั้งแต่ตอนที่ราคาลงมาแถวโลว์เดิมก่อน spiking กลับไปอย่างรวดเร็วแล้วค่อยลงต่อด้วยบาร์ momentum ยาวๆ
ข้อดีข้อที่ 4 trade setups ที่ท่านได้จาก timeframe ใหญ่ เช่น H1 โครงสร้างราคาจะชัดเจนเพราะ price movement ผ่านช่วงเวลาที่นานพอ ค่อยเห็นภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น แทนที่ถ้าเป็น trade setups มาจาก timeframes ที่เล็กลงไปเมื่อเปรียบเทียบ setups ใน timeframes ที่เล็กลงไปก็จะมีความไม่แน่นอน มีสัญญาณหลอกเยอะ (noise) เพราะเป็นธรรมดาที่ราคาจะวิ่งแบบนั้น การขึ้นหรือลง หรือเกิดสวิง ก่อนที่ราคาจะไปต่อเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเพราะราคาวิ่งหา liquidity ตลอด ถ้าออเดอร์ที่ต่อเนื่องไม่มากเกินพอ และมีเทรดเดอร์ที่อยากเทรดไปทางเดียวกัน การเกิด swing high/low ใน timeframes ถือเป็นเรื่องปกติ
การใช้ higher timeframes ใหญ่ขึ้นประกอบการวิเคราะห์การเทรด จะทำให้ท่านเข้าใจ และเรียนรู้ตลาดได้เยอะ เพราะท่านมีช่วงเวลามากขึ้นเพื่อวิเคราะห์และหาข้อมูลเพื่อหา trade setups ต่างๆ ถ้าเป็นเทรดอิง timefames ย่อยท่านจะคอยกังวลหรือเฝ้ามองหา trade setups ที่เกิดขึ้น พอเปิดเทรด ท่านจะโดนผลจากความกลัว ความโลภ และเพราะ timeframe เล็กที่ท่านเปิด ช่วงเวลาแห่งความกลัวและความโลภจะเกิดขึ้นตลอด ถ้าท่านไม่มีประสบการณ์ในการบริหารพอร์ตและการจัดการอารมณ์มากพอ ก็จะกลายเป็นเหยื่อของพวกขาใหญ่ที่พวกเขาต้องการให้ท่านเทรดด้วยอารมณ์ ขาด rule-based พฤติกรรรมการเทรดหรือจัดการออเดอร์ ก็จะโดนครอบงำด้วยความกลัวและความโลภ เลยทำให้ขาใหญ่ปั่นราคาได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างนี้ ขยับขึ้นไปอีกชั้นมองกรอบ D1 ท่านจะเห็นว่าเมื่อท่านดูชาร์ต H1 ตรงที่กรอบสีเขียว ท่านจะเห็นราคาไม่ไปไหน แถมไม่สามารถเอาชนะ demand ได้ อาจทำให้ราคาขึ้นไปอีก เวลาผ่านไปกลายเป็นช่วง consolidation ถ้าท่านใช้ higher timeframes ประกอบตลอดท่านจะไม่หลงทางทหรือพวกสัญญาณ noise ที่เกิดขึ้นใน timeframe เล็กลงมา (ในตัวอย่างนี้ คือ H1) และเข้าใจหลักการทำงานของตลาดและออเดอร์ ท่านจะเห็นว่าในชาร์ต D1 ของท่านเกิด pin bar อย่างชัดเจนแสดว่ามีการเข้าเทรดของขาใหญ่ ราคาลงมาสะสมออเดอร์ วิ่ง sideway หรือ consolidation ในพื้นที่จำกัด ท่านจะเห็น 2 บาร์ต่อมา หลังจากบาร์ที่มีหางยาวๆ บ่งบอก rejection แต่ทั้ง 2 บาร์นี้ไม่สามารถดันราคาขึ้นไปได้ ขณะเดียวกันก็เคลียร์ออเดอร์ฝั่งบายไปในตัว ชาร์ตใหญ่ยังยืนยันสัญญาณความเป็นไปได้ไปทางลง ขณะที่ชาร์ตเล็กลงมา H1 เกิดความไม่แน่นอน หรือถ้าลงย่อยไปอีกเกิดมีสัญญาณพวกนี้เยอะ
ดังนั้นการเทรดและอิงข้อมูลที่ higher timeframes ใหญ่ขึ้น เป็นการจำเป็นและช่วยได้เยอะ ยิ่งเมื่อท่านผ่านความอดทนได้ ท่านยิ่งจะพบกว่าการเทรดใน higher timeframes ที่ใหญ่ขึ้นผลการเทรดที่ตอบแทนคุ้ม risk:reward ก็จะมากยิ่งขึ้น
ทีมงาน : thaiforexbroker.com