คุณเป็นเทรดเดอร์สายไหน? รู้จัก 4 สไตล์เทรดเดอร์ที่ใช่ทำกำไรเติบโต

ค้นหาว่าคุณเป็นเทรดเดอร์ Forex สายไหนจาก 4 สไตล์หลัก

โลกของการเทรด Forex มันไม่ใช่แค่การกด Buy/Sell แล้วรอลุ้นให้กราฟวิ่งไปให้ถูกทางแล้วปิดทำกำไรนะครับ เพราะมันมีรูปแบบการเทรดหลากหลายสไตล์มากๆ การเทรด Forex จะเรียกว่ามันเป็นเอกลักษณ์/ลายเซ็นต์เฉพาะบุคคลก็ไม่ผิด เรามาดูกันว่ามีสไตล์หรือรูปแบบหลักๆ ที่รู้จักกันอะไรบ้าง?


Highlight บทคัดย่อ

  • Scalper: เทรดเดอร์ที่เน้นทำกำไรเล็กน้อยแต่เทรดหลายครั้งต่อวัน
    • จุดเด่นคือทำกำไรได้ทุกวัน ไม่ต้องใช้ทุนเยอะ
    • จุดด้อยคือต้องใช้เวลาเฝ้าหน้าจอนาน มีความเครียดสะสมง่าย
  • Day Trader: เทรดเดอร์ที่เปิดและปิดออเดอร์ภายในวันเดียว ไม่ถือข้ามคืน
    • จุดเด่นคือลดค่า Swap พร้อมเทรดชนข่าว
    • จุดด้อยคือต้องใช้เวลาติดตามพอสมควรและบางวันกราฟอาจวิ่งไม่แรง
  • Swing Trader: เน้นเทรดตามคลื่นราคา (Swing)
    • จุดเด่นคือไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวันและกำไรต่อครั้งสูงกว่า
    • จุดด้อยคือใช้เวลาทำกำไรนาน เงินทุนอาจจมได้
  • Position Trader: เทรดเดอร์ที่ถือออเดอร์ระยะยาวตามเทรนด์ใหญ่
    • จุดเด่นคือใช้เวลาเฝ้าจอน้อยมาก มีโอกาสทำกำไรก้อนใหญ่
    • จุดด้อยคือใช้ความอดทนสูงเพราะต้องรอนานที่สุด ผลลัพธ์อาจจะไม่คุ้มกับเวลา

1. Scalper: รวดเร็วจบไว ในไม่กี่นาที

ภาพรวมของเทรดเดอร์ Scalper ที่คนที่ชอบเทรดทำกำไรในระยะสั้นๆ เน้นทำกำไรเร็ว สะสมไปทีละนิด เทรดบ่อยและถี่ มักจะเป็นคนที่หาโอกาสเข้าเทรดเก่งจึงต้องชำนาญการอ่าน Price Action และใช้เครื่องมือ
  • มารู้จักสไตล์แรกกันนั่นก็คือ Scalper = เทรดเดอร์ที่เน้นเก็บกำไรเล็กๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยเทรดหลายครั้งต่อวัน
  • เครื่องมือที่ Scalper นิยมใช้ก็คือ….
    • พวก Timeframes เล็ก (1 นาที, 5 นาที)
    • อินดิเคเตอร์ เช่น Tick Volume, Moving Average (Period สั้น), RSI และอีกเยอะมากเพราะต้องหาจังหวะเข้าเทรดบ่อย
    • พวก Price Action, Price Level, Order Book (Bid/Ask spread)

จุดเด่นของ Scalper

  1. ทำกำไรได้ทุกวัน: เพราะเน้นเทรดจบในเวลาสั้นๆ จึงมีโอกาสเทรดเยอะมากในแต่ละวัน
  2. ใช้ทุนไม่เยอะ: ถ้าเทรดเก็บกำไรสั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทุนเยอะ
  3. ไม่ต้องถือออเดอร์ข้ามคืน: การเทรดแบบถือออเดอร์ข้ามคืนจะต้องมีต้นทุนคือค่า Swap และการเทรดแบบ Scalping จะตัดต้นทุนส่วนนี้ออกไป

จุดด้อยของ Scalper

  1. ใช้เวลาเฝ้าหน้าจอนานมาก: เทรดสั้นๆ ก็จริง แต่เราเน้นเทรดบ่อยหาจังหวะเข้าแทบจะทุกเวลา มันใช้เวลาเฝ้าหน้าจอนานกว่าที่คิดอีกนะ
  2. ความเครียดสะสมง่าย: เมื่อเฝ้าหน้าจอ+จ้องกราฟนานๆ ความเครียด/ความกดดันมันสะสมได้ง่าย แถมต้องตัดสินใจให้ไวอีกในการเข้าเทรด
  3. ต้นทุนอื่นๆ: จริงอยู่ที่ไม่มีค่า Swap แต่มีค่า Spread หรือ Commission ที่สะสมเวลาเข้าเทรดแต่ละครั้งถ้าไม่คำนวณให้ดีอาจจะเป็นต้นทุนที่เยอะมากก็ได้

2. Day Trader: ต้องจบภายวันนี้!

ภาพ Day Trader จะถือออเดอร์นานกว่า Scalper นิดหน่อยและทุกออเดอร์จะต้องปิดจบภายใน 1 วัน จะเป็นที่มองหาโอกาสเทรดเก่งเช่นกันและเทรดเดอร์ที่เทรดชนข่าวก็เป็น Day Trader ด้วย
  • Day Trader = เทรดเดอร์ที่เปิดและปิดออเดอร์ภายในวันเดียว ไม่ถือข้ามคืน แต่ออเดอร์อาจจะถือนานกว่า Scalper นิดหน่อย
  • เครื่องมือที่ Day Trader นิยมใช้ก็คือ….
    • Timeframe M15 – H1 (15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง)
    • TF ที่กล่าวไปใช้วิเคราะห์ร่วมกับข่าวเศรษฐกิจด้วยเพราะการเทรดชนข่าวก็ถือว่าเป็น Day Trader
    • อินดิเคเตอร์พวก MACD, RSI, Moving Average เป็นต้น
    • การดูแนวรับ–แนวต้านแบบ Intraday

จุดเด่นของ Day trader

  1. ลดค่า Swap: เช่นเดียวกับ Scalper เลยถือไม่ถือออเดอร์ข้ามคืน จึงลด ต้นทุน ในส่วนของค่า Swap ไปได้
  2. เลือกช่วงเวลาเทรดได้: เราสามารถเลือกเทรด Sessions ตามสกุลเงินที่เราจะเทรด เช่น หากต้องการเทรด GBPUSD ก็เน้นเทรดในช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิด
  3. เทรดชนข่าว: ในวันที่ ข่าวเศรษฐกิจ จะประกาศ ช่วง1-2 ชั่วโมงก่อนและหลังข่าว กราฟมักจะมีการวิ่งที่รุนแรงตามระดับความสำคัญของข่าว เป็นโอกาสเข้าเทรดของ Day Trader

จุดด้อยของ Day Trader

  1. ต้องใช้เวลาติดตาม: ใครที่ยังเทรด Forex แบบ Part-Time อยู่ อาจจะลำบากเพราะต้องติดตามการเทรดพอสมควร แต่ถ้าเทรดช่วงที่เลิกงานแล้วก็โอเค
  2. บางวันกราฟวิ่งไม่แรง: ไม่ใช่ว่าทุกวันกราฟราคาจะวิ่งแรง ดังนั้นบางวันก็อาจจะไม่มีโอกาสเข้าเทรดที่เหมาะสมสำหรับ Day Trader
  3. ค่า Spread + Commission: กรณีเดียวกันกับ Scalper เลยครับ ไม่มีค่า Swap ก็จริง แต่ทุกการเทรดจะมี Spread/Commission แต่อาจจะน้อยกว่า Scalper เพราะเทรดไม่บ่อยเท่า

3. Swing Trader: จับจังหวะทำกำไร ทุกระยะ

Swing Trader จะเทรดตามรอบสวิงของกราฟราคาดังนั้นเทรดเดอร์กลุ่มนี้มักจะอ่าน Trend Reversal หรือการกลับตัวของเทรนด์ได้อย่างเฉียบขาด เพื่อเริ่มต้นเทรดในรอบคลื่นใหม่
  • Swing Trader = เทรดเดอร์ที่เน้นเทรดตาม“คลื่นราคา” จนกว่ารอบของสวิงนั้นจะจบ ระยะเวลาอาจจะนาน 2–7 วัน หรือเจอจังหวะที่ราคากลับตัวเปลี่ยนรอบสวิงใหม่
  • เครื่องมือที่ Swing Trader ต้องมี

จุดเด่นของ Swing Trader

  1. ไม่ต้องเฝ้าจอทั้งวัน: เหมาะกับใครที่ทำงานประจำไปด้วย+เทรดไปด้วยเพราะใช้เวลาเข้า-ออเดอร์ไม่บ่อยเท่า 2 แบบก่อนหน้า
  2. กำไรต่อครั้งสูงกว่า: การเทรดหนึ่งครั้งหากราคาไปถูกทางมีโอกาสเก็บกำไรใหญ่กว่า เนื่องจากจับการเคลื่อนไหวของราคาที่กว้างกว่า
  3. ความเครียดไม่เยอะ: หากเทียบกับการเทรดแบบ Scalper หรือ Day Trader เพราะไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอนานๆ

จุดด้อยของ Swing Trader

  1. ใช้เวลาทำกำไรนาน: กว่าจะปิดออเดอร์ทำกำไรให้คุ้มค่าต้องรอให้รอบสวิงราคาจบลงแบบแท้จริงเสียก่อน ใช้เวลาประมาณ 2-3 วันอย่างต่ำ
  2. เงินทุนจม: ถ้าเราไม่มีทุนหนาหรือเยอะพอจะแบ่งไปเทรดอย่างอื่นด้วย = เงินส่วนนี้ต้องรอให้จบการเทรด Swing ไปแต่ละรอบ ซึ่งอาจจะนานมาก
  3. ต้นทุน+ความเสี่ยง: การถือออเดอร์ข้ามวันหรือสัปดาห์ แน่นอนว่าต้นทุนทั้ง Spread, Swap มาครบแน่นอน แถมอาจจะเสี่ยงเจอข่าวด่วนในวันหยุดอีก

4. Position Trader: สายถือยาว รอให้เป็นเห็นกำไร

ภาพรวมของ Position Trader จะมีมุมมองในการเทรด Forex ระยะยาวคล้ายกับนักลงทุนมากกว่าเป็นเทรดเดอร์รายย่อย เน้นวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงของคู่เงิน อ่านพฤติกรรมรายใหญ่อื่นๆ ได้อย่างเฉียบขาด
  • Position Trader = เทรดเดอร์ที่เน้นถือออเดอร์ระยะยาวตามเทรนด์ใหญ่ ประมาณหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน เน้นมองหาภาพรวมของแนวโน้มตลาดระยะยาว ไม่สนใจความผันผวนในระยะสั้นเลย
  • เครื่องมือที่ Position Trader ชื่นชอบ
    • Timeframe W1 – MN (รายสัปดาห์-รายเดือน)
    • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ของสกุลเงินนั้น, ข่าวเศรษฐกิจมหภาค, นโยบายของธนาคารกลาง

จุดเด่นของ Position Trader

  1. ใช้เวลาเฝ้าจอน้อยมาก: เพราะไม่ได้เทรดบ่อยหรือเทรดสั้น เน้นเข้าออเดอร์แล้วปล่อยให้ราคาวิ่งไปตามที่มันควรจะเป็น รอดูผลลัพธ์เท่านั้น
  2. กำไรก้อนใหญ่(ถ้าถูกทาง): หากเราถือออเดอร์แล้วราคาวิ่งถูกทางในแนวโน้มใหญ่หลายๆ เดือนลองคิดดูว่ามันจะวิ่งไปได้ไกลกี่ pips นั่นคือกำไรของเรา
  3. ลดความเครียดระหว่างวัน: การเทรดระหว่างวันจะเจอสัญญาณหลอกเยอะมาก ความเครียดสูงมากแต่ Position Trader เจอปัญหานี้น้อยเพราะเน้นมองภาพรวม ไม่สนใจความผันผวนสั้นๆ

จุดด้อยของ Position Trader

  1. ใช้ความอดทนรอสูง: ถ้าเงินร้อน เงินด่วน ไม่ควรมาเทรดสไตล์นี้เลยครับ เพราะการจะทำกำไรให้คุ้มค่าต้องอดทนรอนานมาก บางครั้งก็เสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนอื่นๆ
  2. มีโอกาสที่จะไม่คุ้มค่า: ในตลาด Forex ไม่มีคำว่าแน่นอน 100% ครับ ตอนเข้าออเดอร์แล้วระยะเวลาผ่านไปหลายเดือนราคาอาจจะวิ่งไปตามที่คาดไว้ แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงที่วันหนึ่งราคาจะวิ่งสวนออเดอร์ของเรา กำไรก็ลดลงเยอะมาก ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่รอ

แบบทดสอบเล็กๆ ค้นหาสไตล์ของคุณ

สำหรับใครที่เข้าใจสไตล์การเทรดยอดนิยมทั้ง 4 แบบแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเทรดเดอร์สไตล์ไหน ลองทำแบบทดสอบด้านล่างนี้ดูครับ อาจจะพบคำตอบก็ได้!

คำถาม

คะแนน
1 2 3 4
มีเวลาว่างสำหรับการเทรดแค่ไหน? ทั้งวัน 1–3 H/วัน 15–30 M/วัน < 20 นาที
คุณรู้สึกยังไงกับการถือออเดอร์ข้ามคืน? ไม่ชอบเลย ไม่! ได้เลย ชอบมาก!
เมื่อเจอราคาที่ผันผวนมากคุณรู้สึกยังไง? สบายมาก พอได้ ไม่ค่อยชอบ ไม่ชอบเลย
Timeframes ที่คุณชอบใช้คือ? M1–M15 M30–H1 H4–D1 D1–W1
เป้าหมายของคุณคือ? สร้างรายได้รายวัน เก็บกำไรต่อเนื่อง ปั้นพอร์ตให้โตรายเดือน ลงทุนระยะยาว

แบบสอบถามสั้นๆ เพื่อวัดความเป็นตัวตนของเทรดเดอร์ว่าเหมาะกับสไตล์การเทรดแบบไหน อย่าลืมจดคะแนนและเช็คผลลัพธ์ด้วยนะครับ!

  • ได้ 5-7 คะแนน: คุณคือ Scalper เทรดเร็ว จบไว ทำกำไรแบบสปีด เหมาะกับคนมีเวลาเฝ้าหน้าจอ
  • ได้ 8-11 คะแนน: คุณคือ Day Trader เทรดรายวัน จบในวันเดียว เหมาะกับคนมีเวลาและชอบเทรดข่าว
  • ได้ 12-16 คะแนน: คุณคือ Swing Trader เทรดตามคลื่นระยะกลางๆ ใช้ความแม่นยำจับจังหวะเทรด
  • ได้ 17-20 คะแนน: คุณคือ Position Trader สายถือยาว ลงทุนแบบใจเย็น มองภาพรวมเทรนด์ใหญ่

วิดีโอเกี่ยวกับเทรดเดอร์สไตล์ Position Trading

 

ผมรู้สึกว่าหลายคนรู้จักเทรดเดอร์สไตล์ Scalper, Day Trader, Swing Trader กันมาพอสมควรแล้ว แต่น้อยคนจะรู้จักเทรดเดอร์สไตล์ Position ในคลิปวิดีโอนี้จะพูดเกี่ยวกับ การเทรดแบบ Position Trading ซึ่งเป็นการเทรดระยะยาวที่เน้นภาพรวมของตลาด ไปรับชมพร้อมกันครับว่ามีวิธีทำกำไรน่าสนใจแค่ไหน?

  • Focus นาทีที่ 00:14 Position Trading คืออะไร?
  • Focus นาทีที่ 00:57 ข้อดีของ Position Trading
  • Focus นาทีที่ 03:07 กลยุทธ์เทรด Position Trading แบบที่ 1 Divergence
  • Focus นาทีที่ 05:12 กลยุทธ์เทรด Position Trading แบบที่ 2 Carry Trade
  • Focus นาทีที่ 06:52 กลยุทธ์เทรด Position Trading แบบที่ 3 Moving Averages

สรุป

หวังว่าบทความนี้จะทำให้เทรดเดอร์หลายๆ คนได้เจอสไตล์การเทรดในแบบที่เป็นตัวเองนะครับ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์สไตล์ไหนก็ตามขอแค่ชัดเจนในสไตล์ที่ใช่ ฝึกฝนให้เก่งมากขึ้น มีวินัยมากขึ้นและพัฒนาฝีมืออยู่ตลอดเวลา รับรองว่าอยู่รอดในตลาด Forex ได้แน่นอน

สุดท้ายแล้วเทรดเดอร์ที่เทรดได้นานไม่ใช่คนที่รู้เยอะที่สุดแต่คือคนที่เข้าใจตัวเองมากที่สุดครับ ดังคำคมในตำนานที่ว่า “ไม่ต้องบินให้สูง…อย่างใครเขา จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว…ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร…แค่บินไปให้ถึงฝันเท่านั้นพอ”

ทีมงาน : thaiforexbroker.com

สารบัญ