Swap Forex คืออะไร? สายถือยาวต้องรู้!

ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับต้นทุนการเทรด Forex แต่จะพูดถึงเฉพาะ “ค่า Swap” เป็นหลัก เพราะเชื่อว่าหลายคนเคยเห็นผ่านๆ ตา แต่ยังไม่เข้าใจแบบลึกซึ้งว่าค่า Swap นี้มันคืออะไร? เราต้องเสียหรือเราได้อะไรจากมัน? บทความนี้มีคำตอบครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • Swap Forex คือค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการถือคำสั่งซื้อขายข้ามคืน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งค่าบวก (ได้รับ) หรือค่าลบ (เสีย) ก็ได้
  • ค่า Swap เกิดจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่เทรดที่เราถืออยู่ โดยจะได้รับค่า Swap เป็นบวกเมื่อซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าและจะเสียค่า Swap เป็นลบเมื่อซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
  • การเลือกว่าจะใช้บัญชีแบบมี Swap หรือ ไม่ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด หากเน้นทำกำไรจากค่า Swap หรือ Carry Trade ควรเลือกบัญชีแบบมี Swap แต่ต้องตระหนักไว้ว่าค่าสวอปสามารถเปลี่ยนเป็น – (ลบ) ได้
  • แต่ถ้าหากต้องการหลีกเลี่ยงต้นทุนที่ไม่แน่นอน เน้นกำไรจากทิศทางราคาเท่านั้นควรเลือกบัญชีแบบ Swap-Free ไม่ต้องมีค่าสวปมาวุ่นวาย (แต่บางโบรกเกอร์ก็จะคิดต้นทุนในทางอื่นเข้ามาแทน)

Swap Forex คืออะไร?

  • Swap Forex คือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการถือคำสั่งซื้อขายข้ามคืน ถือเป็น ต้นทุนในการเทรด อย่างหนึ่ง นอกเหนือจากค่า Spread + Commission และบางครั้งก็ถือว่าเป็นรายได้ด้วย???
  • ต้องบอกก่อนว่าค่า Swap นั้นมีทั้งค่าลบ (เราเสีย) และค่าบวก (เราได้) นะครับ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น…เราจะพูดในหัวข้อถัดไป

Swap คิดยังไง?

  • ค่า Swap เกิดขึ้นจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินในคู่สกุลเงินที่เราถือสถานะอยู่ (ถือสถานะเหมือนฝากเงินสกุลนั้นไว้จึงเกิดดอกเบี้ย)
    • คุณซื้อ (Long) สกุลเงินหนึ่ง = คุณกำลังยืมสกุลเงินอ้างอิง (ตัวหลัง) เพื่อไปซื้อสกุลเงินหลัก (ตัวหน้า)
    • คุณขาย (Short) สกุลเงินหนึ่ง = คุณกำลังยืมสกุลเงินหลัก (ตัวหน้า) เพื่อไปขายสกุลเงินอ้างอิง (ตัวหลัง)
  • ทำไมบางครั้งเป็นค่าบวก บางครั้งเป็นค่าลบ?...
    • ที่ Swap เป็น + เพราะเราซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
    • ที่ Swap เป็น – ก็เพราะเราซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า

ตัวอย่างตารางค่า Swap Long และ Short ของคู่เงิน GBPCAD

Swap Long/Short คืออะไร?

  • Swap Long คือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดออเดอร์ Buy (Long Position) ข้ามคืน อาจจะเป็นได้ทั้ง +/-
  • Swap Short คือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดออเดอร์ Sell (Short Position) ข้ามคืน อาจจะเป็นได้ทั้ง +/-
  • ดังนั้น Long หรือ Short ต่างกันตรงค่าของดอกเบี้ยว่าจะได้ได้รับหรือจ่าย นั่นเอง ซึ่งเทรดเดอร์สายถือยาว พวกเขาจะศึกษาตรงนี้เป็นพิเศษเพราะมันคือ Passive Income รูปแบบหนึ่ง
Swap Long Swap Short
ความหมาย ดอกเบี้ยจากการถือออเดอร์ Buy ดอกเบี้ยจากการถือออเดอร์ Sell
เงื่อนไขการได้/เสีย – ถ้าซื้อสกุลเงินที่ ดอกเบี้ยสูงกว่า = ได้ Swap บวก
– ถ้าซื้อสกุลเงินที่ ดอกเบี้ยต่ำกว่า = เสีย Swap ลบ
– ถ้าขายสกุลเงินที่ ดอกเบี้ยสูงกว่า = เสีย Swap ลบ
– ถ้าขายสกุลเงินที่ ดอกเบี้ยต่ำกว่า = ได้ Swap บวก
ตัวอย่าง ซื้อ AUD/USD (AUD ดอกเบี้ยสูงกว่า USD) → ได้ Swap บวก ขาย AUD/USD (AUD ดอกเบี้ยสูงกว่า USD) → เสีย Swap ลบ

ตารางแสดงความสัมพันธ์ของการถือ Position ระหว่างฝั่ง Long และ Short ซึ่งเป็นที่มาของค่า Swap เป็น +/- และอย่าลืมว่าโบรกเกอร์ก็จะมีการบวกค่าธรรมเนียมเพิ่ม (markup) เข้าไปในการคิดค่า Swap อีกด้วย


best broker forex

จัดอันดับ 10 โบรกเกอร์ Forex ดีที่สุดในไทย

ช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจเลือก โบรกเกอร์ Forex ได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลา เทรดกับโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพ ไม่ต้องเสี่ยงเรื่องการโดนโกงอย่างแน่นอน

โบรกเกอร์ Forex 10 อันดับ

Swap ฟรีหรือไม่ฟรีแบบไหนดีกว่ากัน?

การเลือกว่าจะใช้บัญชี Forex ที่มีค่า Swap หรือบัญชีแบบ Swap-Free อันไหนคือทางเลือกที่ดีกว่า…ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและกลยุทธ์ของคุณเป็นหลักครับ

บัญชีแบบมีค่า Swap

  • ข้อดี
    1. มีโอกาสได้รับกำไรจาก Swap ถ้าเราเปิด Position Long/Short ในทิศทางที่ค่า Swap เป็น + เท่ากับเราได้รับค่า Swap เป็น Passive Income รายวัน (ไม่สนว่าสถานะจะกำไรหรือขาดทุน)
    2. บัญชีที่มีค่า Swap (โดยเฉพาะค่า +) เหมาะกับกลยุทธ์ Carry Trade ถือสถานะยาวๆ ในคู่สกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยสูง เหมือนเป็นการลงทุนแบบหนึ่ง
  • ข้อเสีย
    1. ในทางกลับกันหากเราถือ Position ค่า Swap เป็นลบ เราก็ต้องเสียค่าดอกเบี้ยตรงนี้รายวันเช่นกัน เพราะบางครั้งเราก็จำเป็นต้องเปิดออเดอร์ตามที่วิเคราะห์แม้ค่า Swap จะเป็น –

บัญชีแบบ Swap-Free

  • ข้อดี
    1. ถ้าเราเลือกใช้บัญชี Swap ฟรี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียม/ดอกเบี้ยข้ามคืน การคำนวณต้นทุนก็ง่ายขึ้นไปอีก
    2. บัญชีสวอปฟรี เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับสายถือยาวเช่นกัน แต่เหมาะกับคนที่ไม่อยากคิดค่าสวอปมารวมกับต้นทุน เน้นกำไรจากทิศทางราคาเท่านั้น
  • ข้อเสีย
    1. บาง โบรกเกอร์อาจชดเชยการไม่มีค่า Swap ด้วยการเพิ่มสเปรดให้กว้างขึ้นหรือคิดค่าธรรมเนียมการจัดการ (administration fee) แทน
เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียบัญชีแบบมีค่า Swap และ Swap-Free
ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง 100% ว่าการมี Swap นั้นดีกว่า/แย่กว่า ไม่มีค่า Swap…ขึ้นอยู่กับว่าเทรดเดอร์แต่ละคนมีมุมมองในการใช้ค่า Swap ยังไง บางคนเห็นว่าเป็นรายได้ บางคนมองว่าเป็นต้นทุนที่ไม่แน่นอน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Swap

หากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับค่า Swap ในเรื่องอื่นๆ อยู่ ทีมงานได้รวบรวมคำถามที่น่าสนใจ เอาไว้แล้วครับ

Q: คืนวันพุธคิดว่าสวอป (Swap) 3 เท่าจริงหรอ?

  • คำตอบคือ…จริงครับ! เพราะตลาด Forex จะมีการ “คิดดอกเบี้ยล่วงหน้า” ตามรอบการชำระจริงซึ่งจะใช้เวลา 2 วันทำการ เช่น
    • ถ้าเปิดสถานะวันจันทร์ การคิด Swap จะเกิดขึ้นจริงในวันพุธ แต่ถ้าถือออเดอร์ข้ามคืนวันพุธไปพฤหัสฯ ระบบจะรวมดอกเบี้ยของ เสาร์-อาทิตย์ มาคิดให้เลยในทีเดียว เนื่องจากวันหยุดตลาดปิด ไม่สามารถคิดรายวันได้
  • สรุปง่ายๆ คือ วันพุธ = วันชำระดอกเบี้ยเผื่อเสาร์-อาทิตย์ เลยกลายเป็น “Triple Swap” หรือคิดค่า Swap 3 วันนั่นเอง
การคิดค่า Swap 3 เท่าในคืนวันพุธ
ตัวอย่างในรูปคือคู่เงิน USDJPY หากเราเปิด Buy ถือออเดอร์ข้ามคืนเราจะได้ค่า Swap เป็นรายได้ 3.52$/คืน /Lot โดยวันพุธจะได้ 3 เท่า เพราะ หลักการชำระราคาของตลาด (Settlement) ที่ใช้เวลา 2 วันทำการ (T+2) และเพื่อชดเชยการคำนวณสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์

Q: ทำไมโบรกเกอร์แต่ละที่ถึงมีค่า Swap ไม่เท่ากัน

  • คำตอบ: ค่า Swap พื้นฐานมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละประเทศ แต่โบรกเกอร์ก็มีส่วนในการกำหนดค่า Swap ด้วย โดยอิงจาก
    1. แหล่งสภาพคล่อง (Liquidity Providers): แต่ละแหล่งก็มีอัตราดอกเบี้ยสำหรับ overnight financing ที่ต่างกัน
    2. ค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะเพิ่มค่าธรรมเนียมการจัดการของตัวเอง (markup) เข้าไปในอัตรา Swap ที่ได้รับจากแหล่งสภาพคล่อง
เปรียบเทียบค่า Swap USDJPY ของโบรกเกอร์ต่างๆ
ตัวอย่างค่า Swap คู่เงิน USDJPY จาก 3 โบรกเกอร์อย่าง FP Markets, eightcap, Dukascopy ไม่มีโบรกไหนเสนอ Swap Long/Short เท่ากันเลย ด้วยเหตุที่กล่าวไปในบทความ

Q: กลยุทธ์ “Carry Trade” คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ Swap อย่างไร?

  • คำตอบ: Carry Trade เป็นกลยุทธ์การลงทุนมากกว่าการเทรด เพราะจะเน้นทำกำไรจากค่า Swap เป็นหลัก ไม่ได้หวังกำไรจากการขึ้นลงของราคาเพียงอย่างเดียว
  • หลักการง่ายๆ ก็คือซื้อ (Long) สกุลเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงแล้วขาย (Short) สกุลเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำในคู่เดียวกันพอถือข้ามคืน เราจะได้ค่า Swap เป็นบวกทุกวัน
  • หรือเอาแบบง่ายกว่านี้ก็เปิดตาราง Swap ของโบรกเกอร์ ดูว่าคู่เงินไหนมีค่า Swap เป็น + ในฝั่ง Long หรือ Short เราก็หาจังหวะเปิด Position ตาม
  • แต่ต้องจำไว้ว่า…ค่า Swap ไม่ได้คงที่และราคาคู่เงินยังผันผวนตามปกติ ดังนั้นต้องคำนวนและบริหารเงินให้ดี

วิดีโอกลยุทธ์การเทรดด้วยค่า Swap

 

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า กลยุทธ์ Carry Trade ทำกำไรยังไง วิดีโอตัวนี้จะอธิบายและเทรดให้เห็นกันไปเลยว่าหากเราเปิด Position ในทางที่ Swap เป็นบวกมันจะได้ Swap ยังไง เท่าไหร่ ไปติดตามกันครับ

  • Focus นาทีที่ 01:46 ทำความเข้าใจค่า Swap +
  • Focus นาทีที่ 04:02 การใช้เครื่องมือคำนวณ Swap จาก OANDA
  • Focus นาทีที่ 04:56 ตัวอย่างค่า Swap สำหรับทั้ง Buy/Sell ในคู่เงิน EUR/USD
  • Focus นาทีที่ 07:40 ตัวอย่างค่า Swap สำหรับทั้ง Buy/Sell ในคู่เงิน CAD/CHF
  • Focus นาทีที่ 09:22 กลยุทธ์การนำไปใช้, การหาจังหวะเข้าเทรดตามค่า Swap +

สรุป

ค่า Swap นั้นก็เปรียบเหมือนดาบสองคมเหมือนกันนะครับ ถ้าคุณรู้จักวิธีใช้และวางกลยุทธ์ได้ถูกต้อง มันก็สามารถกลายเป็นเครื่องมือเพิ่มกำไรแบบเงียบๆ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจกลไกของมัน หรือเปิดออเดอร์โดยไม่สนใจเรื่อง Swap เลย ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็จะกลายเป็นต้นทุนที่กัดเซาะกำไรของคุณโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องรู้จักตรวจสอบตาราง Swap ของโบรกเกอร์เป็นประจำ, ศึกษานโยบายดอกเบี้ยของคู่เงินที่คุณเทรดและใช้ Swap โดยมีกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงควบคู่ด้วยเสมอ

อ้างอิง

  1. โบรกเกอร์ ฟรี-สวอปhttps://thaibrokerforex.com/swap-free
  2. ผู้เล่นในตลาด Forexhttps://forexthai.in.th/big-players-forex

ทีมงาน: thaiforexbroker.com

สารบัญ