เบสิคพื้นฐานสำหรับการเทรด Price Action คือการดู+ทำความเข้าใจเชิงลึกของแท่งเทียน ก่อนที่เราจะไปในเรื่องของเหตุผลเบื้องหลังของการเทรด Price Action ต่าง มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากเช่นกัน คือการอ่านแท่งเทียนโดยเฉพาะช่วงที่ “แท่งเทียนปิด” มันสำคัญยังไงต่อการเทรด Price Action ไปดูกันครับ
Highlight บทคัดย่อ
- แท่งเทียนที่ปิดแล้วคือแท่งเทียนในอดีตที่ราคา Open, High, Low, และ Close ถูกกำหนดอย่างถาวรแล้ว ทำให้สัญญาณ Price Action มีความน่าเชื่อถือสูงและเป็น “สัญญาณยืนยัน” ที่แท้จริง
- เหตุผลที่แท่งเทียนปิดสำคัญต่อการเทรด Price Action
- สะท้อนจิตวิทยาตลาด: เพราะมันคือ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ของการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
- ยืนยันรูปแบบแท่งเทียน: รูปแบบแท่งเทียนสำคัญจะนับว่าสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อแท่งเทียนได้ปิดสมบูรณ์แล้ว
- เข้าเทรดแม่นยำขึ้น: เทรดเดอร์จะมีจุดเข้าเทรดที่มีเหตุผลและแม่นยำมากขึ้น ลดโอกาสโดนลาก
แท่งเทียนยังไม่ปิดต่างจากแท่งเทียนที่ปิดแล้วอย่างไร?
ที่เราเห็นแท่งเทียนบนกราฟ Forex นั้น เราต้องเข้าใจความแตกต่างเบื้องต้นระหว่างแท่งเทียนที่ยังไม่ปิด / แท่งเทียนที่ปิดแล้ว ก่อนว่ามันต่างกันยังไง
แท่งเทียนยังไม่ปิด
- มันก็คือแท่งเทียนล่าสุดที่ขยับขึ้นๆ ลงๆ นั่นแหละ มันยังมีแรงซื้อ/ขายต่อสู้กันจนกว่าจะถึงกรอบเวลา (TimeFrame) ที่กำหนด มันถึงจะกลายเป็นราคาปิด
- ราคา High, Low ในแท่งเทียนจะสามารถขยับขึ้นลงได้ตลอดเวลา เช่น อาจเห็นเป็นแท่งเขียวใหญ่ตอนเปิดแต่ก่อนปิดอาจกลายเป็นแท่งแดงเล็กๆ ได้
- แท่งเทียนที่ยังไม่ปิดจึงไม่สามารถยืนยันรูปแบบ Price Action ได้ชัดเจน ส่วนใหญ่แล้วเทรดเดอร์ยังจะไม่นิยมเข้าเทรดหากอยู่ในช่วง Price Level สำคัญ ต้องรอให้แท่งเทียนปิดก่อน
แท่งเทียนที่ปิดแล้ว
- มันก็คือแท่งเทียนในอดีตที่จะไม่เปลี่ยนแปลงหรือขยับขึ้นลงอีกแล้วครับ มันแสดงถึงการซื้อ/ขายในกรอบเวลานั้นๆ จบลงแล้ว ราคา Open, High, Low, และ Close ถูกกำหนดแล้ว
- แท่งเทียนที่ปิดแล้วนี่แหละทำให้สัญญาณ Price Action มีความน่าเชื่อถือสูงขึ้นมากและเทรดเดอร์ Price Action มืออาชีพจะรอการปิดของแท่งเทียนเสมอ เพราะนี่คือ “สัญญาณยืนยัน” ของจริง

ทำไมการรอให้แท่งเทียนปิดจึงสำคัญกับ Price Action?
เรามาดูเหตุผลกันว่าทำไมการจะเทรด Price Action จึงต้องรอให้แท่งเทียนราคาปิดก่อนที่จะตัดสินใจเข้าเทรด ทั้ง 3 ข้อถือว่าเป็นเหตุผลหลักๆ เลยครับ
1. สะท้อนจิตวิทยาตลาด
- แท่งเทียนแต่ละแท่งมันคือภาพสะท้อนของการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายภายในกรอบเวลาหนึ่ง ช่วงเวลาที่เริ่มต่อสู้คือราคาเปิด ระหว่างทางที่ต่อสู้คือ ราคา High-Low สุดท้ายราคาปิดคือผลลัพธ์ของการต่อสู้
- ดังนั้นราคาปิดคือจุดสำคัญที่สุดใน Price Action เป็นจุดที่ใช้วัดจิตวิทยาตลาดได้แม่นยำที่สุดและมันยังถูกใช้การเทรดสำคัญๆ ทั้งการยืนยันรูปแบบแท่งเทียน, การ Breakout และการกลับตัวของแนวโน้ม
- เช่น ราคาอาจพุ่งทะลุแนวต้านขึ้นไปอย่างรุนแรง ทำให้คิดว่าเกิดการ Breakout แล้ว แต่สุดท้ายก่อนแท่งเทียนปิด ราคาร่วงกลับลงมาและปิดต่ำกว่าแนวต้านนั้น (False Breakout) ถ้ารอแท่งเทียนปิดก่อนเราก็จะยืนยันการ Breakout ได้ ทำให้เราไม่ติดกับดักที่รายใหญ่สร้างขึ้นมา

2. ยืนยันรูปแบบแท่งเทียนชัดเจน
- รูปแบบแท่งเทียนต่างๆ เช่น Pin Bar, Engulfing Bar หรือพวกรูปแบบการกลับตัวเช่น Double Top เหล่านี้จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อแท่งเทียนได้ปิดแล้วเท่านั้น!
- หากแท่งเทียนยังไม่ปิดองค์ประกอบของรูปแบบแท่งเทียน = ไม่สมบูรณ์ เช่น Pin Bar ที่มีไส้ยาวแต่ตัวเทียนเล็ก จะยืนยันได้ก็ต่อเมื่อแท่งนั้นปิดและคงรูปตามลักษณะของ Pin Bar จริง ๆ
- การจะเทรด Price Action จากรูปแบบแท่งเทียนที่ปิดแล้ว ช่วยยืนยันว่ารูปแบบนั้นมีน้ำหนักเพียงพอและสะท้อนพฤติกรรมราคาที่เกิดขึ้นจริง

3. เข้าเทรดแม่นยำขึ้น
- ถ้าเราเห็นแท่งเทียนปิดในรูปแบบที่ชัดเจนและสอดคล้องกับแผนการเทรด เราก็จะมีจุดเข้าเทรด (Entry Point) ที่มีเหตุผลและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ด้วย
- อีกทั้งการรอให้แท่งเทียนปิดยังเป็นการสร้างวินัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการเทรด Price Action เพราะจะทำให้เราฝึกอดทนให้รอเป็น รอจังหวะที่ถูกต้องในการเทรดเท่านั้น
- การเข้าเทรดก่อนแท่งเทียนปิดมีโอกาสสูงที่จะถูกราคาลากไปในทิศทางตรงข้ามกับคำสั่งเทรด เสี่ยงจะโดน Stop Loss ด้วย

ตัวอย่าง: ถ้าไม่รอแท่งเทียนปิดจะเกิดอะไร?
เรามาดูตัวอย่างแบบชัดๆ กันบ้างว่าถ้าเราเข้าเทรดก่อนที่ราคาจะปิดผลลัพธ์จะเป็นยังไง ขอยกตัวอย่าง False Breakout

- จากรูปตัวอย่างกราฟวิ่งมาทำเทรนด์ขาลงแบบไม่ชัดเจนมากนักออกเป็นแนว Sideway มากกว่า โดยเราจะเห็นโซนแนวรับที่ราคามักจะเด้งกลับขึ้นไป
- และเมื่อราคาเกิดการ Breakout ลงมาจากโซนนั้น เทรดเดอร์หลายคนที่ไม่รอให้แท่งเทียนปิดก่อนก็จะคิดว่าการ Breakout นี้ ราคาต้องดิ่งลงอีกแน่นอน
- สุดท้ายเมื่อราคาปิดกลับพบว่าตัวแท่งเทียนกลับเข้าสู่โซนแนวรับเหมือนเดิม ทิ้งแค่ไส้ยาวๆ ทะลุออกมาเท่านั้น
- และราคาก็กลับมาทดสอบแนวรับนี้อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถทะลุลงไปได้จริงๆ จนราคาก็พุ่งขึ้นไปอย่างที่เห็น
- กลับกันถ้าเทรดเดอร์อดทนรอให้เห็นภาพใหญ่ของกราฟราคาจะเห็นเลยว่า ราคาปิดของแท่งเทียนไม่สามารถปิดต่ำกว่าแนวรับนี้ได้ เมื่อราคาทำฐาน Low สูงขึ้น = เตรียมเล่น Buy จะดีกว่า
วิดีโอเกี่ยวกับการเทรดกราฟแท่งเทียนเมื่อราคาปิด
คลิปวิดีโอที่ทีมงานแชร์มานี้จะอธิบายถึง เหตุผลที่เทรดเดอร์ควรอดทนรอให้แท่งเทียนปิด สมบูรณ์ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าเทรด เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาดและกับดักของ Smart Money หรือว่ารายใหญ่นั่นเองครับ
- Focus นาทีที่ 00:31 ความหมายของแท่งเทียน ในบริบท Price Action
- Focus นาทีที่ 01:08 ความสำคัญของการรอแท่งเทียนปิด
กลยุทธ์ Fake Closure Candle ทั้ง 4 รูปแบบ
- Focus นาทีที่ 03:56 Range Candle: แท่งเทียนแรกที่กำหนดขอบเขตแนวต้านและแนวรับ
- Focus นาทีที่ 04:14 Inside Candle: แท่งเทียนที่สองที่ก่อตัวขึ้นภายในขอบเขตของ Range Candle
- Focus นาทีที่ 04:30 Fakey Candle: แท่งเทียนที่สามที่ทะลุออกจากขอบเขตของ Range Candle แต่ปิดกลับเข้ามาในขอบเขตเดิม ซึ่งเป็น “Closure Trap“
- Focus นาทีที่ 05:09 Confirmation Candle: แท่งเทียนที่สี่ที่ยืนยันทิศทางของตลาด
- Focus นาทีที่ 06:50 ตัวอย่างการใช้งานจริงและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรอ Confirmation Candle
สรุป
เทรดเดอร์ควรจะต้องยึดคติสำหรับการเทรดไว้ว่า “การเทรดไม่ใช่การรีบเข้าเพื่อ FOMO แต่คือการรอจังหวะที่มีคุณภาพ” และการรอให้ราคาแท่งเทียนปิด ก็คือจังหวะคุณภาพอย่างหนึ่งที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญก่อนจะเข้าเทรด เพราะการรอให้ “แท่งเทียนปิด” คือการเพิ่มโอกาสชนะในระยะยาวแน่นอน
หวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านหลายๆ คนได้ตระหนักถึงเรื่อง Price Action ในมุมมองของแท่งเทียนปิดได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถ้าสนใจเรื่อง Price Action อีกก็สามารถอ่านต่อบนเว็บไซต์ Thai ForexBroker
ทีมงาน: thaiforexbroker.com