ใช้Line chartsกรองprice levelsในCandlestick charts
ในโปรแกรมเทรดMetatrader 4มี3ประเภทชาร์ตให้ท่านเลือกแทรดคือBar Charts Candlestick chartsและLine chartsแต่ละอย่างมีการนำเสนอที่ต่างกันไปก่อนจะมาศึกษาว่าใช้ชาร์ตอีกประเภทมากรอง price levelsอีกประเภทได้อย่างไรต้องอธิบายแต่ละชาร์ตโดยคร่าวๆก่อน
1.Line charts น่าจะเป็นชาร์ตที่ง่ายที่สุดตีเป็นเส้นถือว่าเป็นชารตที่ง่ายที่สุดโดยราคาชาร์ตจะเป็นการลากจุดต่อจุดของราคาปิดแต่ละtimeframeที่เลือกดังนั้นLine chartsจะแสดงเรื่องของเทรนให้ดูอย่างง่ายๆว่าตลาดขึ้นหรือลงไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากกว่านั้นเท่าไหร่ แต่ก็มีประโยชน์ถ้าท่านเป็นเทรดเดอร์ประเภทอิง fundamental informationของแต่ละคู่เงินที่เกี่ยวข้อง
2.Bar charts จะเป็นที่นิยมและเทรดเดอร์มืออาชีพก็ใช้กันเยอะ ชาร์ตประเภทนี้ให้ข้อมูลมากกว่า Line charts เพราะ ชาร์ตแบบนี้นำเสนอ 4 ส่วน แต่ละช่วงเวลา คือ 1. ราคาเปิด 2. ราคาสูง 3. ราคาต่ำ และ 4. ราคาปิด
ข้อดีของBar chartsคือเห็น ticks ที่ออกมาข้างช้ายบอกราคาเปิดและข้างขวาบอกราคาปิดก็จะทำให้สามารถดูtrading pressureการได้กำไรหรือการสูญเสียได้ชัดกว่าเมื่อเกิดขึ้นถ้าเทียบกับชาร์ตประเภทแรกสามารถดูระยะห่างราคาเปิดและราคปิดได้ง่ายถ้าราคาปิดสูงกว่าบอกว่ากำลังขึ้นหรือถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดก็บอกว่ากำลังลงโดยtrading pressureดูจากระยะห่างราคาเปิดกับราคาปิดและดูต่อเนื่องกันยิ่งดูพื้นที่เป็นแนวรับแนวต้านก็สามารถอ่านprice actionได้ว่าราคากำลังบอกอะไรกับพื้นที่ที่ให้ความสนใจ
3.Candlestick charts น่าจะเป็นรูปแบบชาร์ตที่ใช้กันมากสุดตอนนี้ชาร์ตประเภทนี้ให้ข้อมูลเดียวกับBar chartsแต่การเพิ่มส่วนขยายเข้าไป เช่นส่วนที่เป็นระยะห่างราคาเปิดราคาปิดสามารถปรับสีได้ต่างจากส่งที่เป็นupper shadowหรือlower shadownหรือส่วนหางหรือส่งระยะห่างจากราคาเปิด-ปิด
เมื่อเทียบกันBar chartสามารถปรับสีต่างกันได้ทำให้เข้าถึงราคาและแสดงผลการนำเสนอของแทงเทียนแต่ละช่วงเวลาได้เร็วเช่นอาจปรับสีส่วนreal bodyเป็นสีเขียวถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดและขนาดความยาวของสีที่อยู่ส่วนreal bodyก็สามารถสื่อความหมายได้เร็วด้วยหรือราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดก็สามารถปรับสีเป็นสีแดง
ข้อดีของชาร์ตแบบ candlestick คือช่วยให้ท่านดูเทรนได้เร็วเช่นเห็นบาร์สีเขียวต่อเนื่องกันก็เป็นเทรนขึ้นหรือบาร์สีแดงต่อเนื่องกันก็เป็นเทรนลงอีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือช่วยในการกำหนด candlestick patternsได้ง่ายเช่นพวกpin bar,engulfing bar,two-bar reversal,spitting top,shooting bars เป็นต้น
มาถึงว่าจะใช้Line chartsกรองprice levelsที่เห็นในชาร์ตแบบcandlestick chartsอย่างไรขอตัดชาร์ตที่เป็นBar chartsออกไปเพราะcandlestickนำเสนอข้อมูลเดียวกันและมากกว่าถ้ามองcandlestickเข้าใจก็จะมองBar chartsได้ทันทีก่อนอื่นก็หาพื้นที่price levelจากชาร์ตcandlestickก่อนแล้วเปิดline chartเทียบกันเพื่อปรับหาตำแหน่งที่ต้องการท่านจะดำแหน่งที่ดีขึ้นเพราะline chartนำเสนอราคาเปิดอย่างเดียวอย่างเรื่องการอ่านprice actionผ่านแท่งเทียนอย่างหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือราคาปิดต่อprice levelเป็นอย่างไร
Line chartsทำให้เห็นความสำคัญของราคาปิดว่ามีอิทธพลเยอะต่อแท่งเทียนที่ตามมาดูว่าline chartsสร้างแนวรับแนวต้านอย่างไรและมองprice actionจากแท่งเทียนประกอบอย่างเลข1ราคาปิดและหักหัวลงอย่างรวดเร็วดูลักษณะเส้นจะดันลงเป็นเส้นตรงลงล่างบ่งบอกว่าราคาปิดทางเดียวกันหมดเมื่อดูแท่งเทียนราคาลงแรงบาร์ยาวๆไปทิศทางเดียวกันปิดล่างด้วยต่อเนื่องกัน4แท่งเทียนรูปเลข1พอได้เห็นชาร์ต2แบบมีการกลับตัวแรงๆแบบนี้
ท่านก็มาดูว่าพื้นที่อยู่ตรงไหนท่านสามารถกำหนดพื้นที่ได้จากการดูชาร์ตแท่งเทียนว่าก่อนราคาจะลงแรงๆมีพื้นที่basing/consolidationเกิดขึ้นที่ราคาพยามดันตรงกรอบสี่เหลียมที่ตีในชาร์ตแท่งเทียนท่านก็จะได้แนวต้านที่ถูกที่พอราคามาจุดที่เลข2เป็นการย่อตัวกลับมาพื้นที่เลข1ที่ขาใหญ่ต้องการจะเปิดsell ordes เพิ่มถ้าท่านดูline chartท่านก็จะไม่ได้จุดเข้านี้แต่ถ้าดูแท่งเทียนประกอบท่านจะเห็นว่าตรงนี้เป็นจุดแรกที่เปิดเทรดยกเว้นมีการล่าstop ordersมาประกอบเพราะพื้นที่ตรงนี้ถ้าดูแท่งเทียนจะมีtrapped tradersอยู่เพราะถ้าราคากลับมาแล้วเกิดสัญญาณที่ราคาจะไม่ไปต่อหรือเกินขึ้นไปทางเลข1พวกนี้ก็จะออกจากตลาด
จากเลข 1ท่านจะพบว่าถ้าline chartที่หักกลับตัวแล้ววิ่งเกือบเป็นเส้นตรงขึ้นหรือลงตรงที่กลับตัวยิ่งแหลมๆยิ่งดีแสดงว่ามีmarket ordersเข้าเทรดเยอะเกินlimit ordersเลยทำให้เกิดการกลับตัวทันทีถ้าต่อเนื่องเป็นเส้นยาวก็บอกว่าออเดอร์เยอะต่อเนื่องและมีแต่เทรดเดอร์อยากเทรดทางนั้นเลยสะท้อนความไม่สมดุลย์ออกมาชัดเจนแล้วท่านก็ดูแท่งเทียนประกอบเพื่อดู1.พื้นที่supply/demand base,support/resistanc zone 2. ดูว่ามีการหักตัวในพื้นที่เพื่อดูการซึมซับออเดอร์ 3.ดูว่าtrapped tradersอยู่ส่วนไหนเมื่อราคากลับมาจะหาจุดกดดันจากเทรดเดอร์พวกนี้ได้ถูก
เลข 3 ราคาลงมา จะเห็นว่ามีการหักตัวแรงแต่ลงต่อ พอมาดูแท่งเทียนจะพบว่า ก่อนการหักตัวเป็นการปิดทำกำไร แล้วค่อยหักตัวลงแรงต่อนื่อง ดูลักษณะเส้น line chart เกือบตรงลง แสดงว่าเป็นการเข้าเทรดอีก พอมาถึงเลข 4 line chart หักตัว มีการหักกลับตัว 2 รอบพื้นที่เดียวกันแล้วเด้งขึ้น การเด้งครั้งที่สองเกิดที่หักตัวแล้วเด้งรอบแรก สามารถสร้าง Higher High ได้จนถึงเลข 5 ค่อยจะกล้าเทรดเพราะถ้าดูแท่งเทียนประกอบ ราคาสามารถทำ Higher Low ได้ และมี trapped traders อยู่ในโครงสร้าง เลยทำให้ราคาขึ้นเร็ว ข้อมูลจากการอ่าน line chart ประกอบกับแท่งเทียนแบบนี้ เปิดเผยว่าขาใหญ่เข้าเทรดสัญญานเทรดเกิดที่เลข 5 หลัง bearish candlestick ปิดและเด้งที่พื้นที่เดิม หรือตอนราคาของแท่งต่อมาเกิด High ของ bearish candlestick นั้นก็ได้
ที่น่าสังเกดที่เลข 7 ว่าทำไมราคาหักตัวนั้น ถ้าดู line chart อย่างเดียวจะไม่เห็นเพราะตอนที่ราคาวิ่งลง แม้ว่าแท่งเทียนจะมีส่วนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน 3 แท่งเทียน แต่ไม่มีแท่งไหนปิดบนได้แบบจุดเลข 3 ท่านเลยไม่เห็นการหักตัวของ line chart ที่เด้งขึ้นแล้วลงต่อ แต่หลักการทำงานออเดอร์บอกว่า ถ้าราคาพื้นที่เดียวกันแสดงว่ามี filled orders ตรงนั้น ต้องใส่ใจตอนที่ราคาวิ่งกลับมาราคาจะบอกเองว่า มันจะโต้ตอบเปล่า เช่นอย่างจุดที่ลูกศรชี้ ดูจากแท่งเทียนราคาวิ่งผ่านจุดที่อธิบายมาเกินไปปิดบนด้วย ราคาลงมาเด้งแล้วขึ้นทำ new high ไปแถวพื้นที่เลข 3 และราคาเด้งแถวพื้นที่เลข 3 สองรอบได้แล้วลงมา จุดอ้างอิงที่ว่า ตอนราคาขึ้นมันเปิดเผยว่าอยากโต้ตอบกรอบสีแดง พอ line chart หักหัวกลับทาง ท่านก็ดูแท่งเทียนประกอบก็จะได้จุดเทรดอีก เพราะราคาวิ่งไปแถวพื้นที่เลข 3 มาก่อนแล้วได้ไปซึมชับ sell orders หรือ ลด sell liquidity ตรงนั้นออก ก็ทำให้เป็นไปได้สูงถ้าราคามาอีกรอบที่ราคาจะวิ่งผ่านได้ง่าย
ทีมงาน : thaiforexbroker.com