Pivot point All in one Indicator คือ
Pivot point All in one หรือ ก็คือ PP ในรูปแบบการรวมวิธีการคำนวนหลายรูปแบบมาไว้ที่เดียวกันโดยแน่นอนครับว่าในบทความก่อนเราได้เรียนรู้วิธีการใช้ PP ไปเบื้องต้นแล้วและแน่นอนว่าวิธีการใช้งานแต่แต่ละรูปแบบนั้นเหมือนกันครับ จะแตกต่างกันในเรื่องการการคำนวนและการแสดงผลของแนวรับแนวต้านในโซนที่แตกต่างกันออกไป

โดยจากรูปภาพด้านบนนี้จะเป็นตัวอย่างการแสดงผลของอินดิเคเตอร์ Pivot point in one ในรูปแบบของ Classic หรือ Standard ที่เราได้ทำการเรียนรู้ไปเบื้องต้นแล้วในบทความก่อนหน้านี้ครับเพียงแต่ในวันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการใช้งานบน Metatrader 4/5 พร้อมกับฟังชันการคำนวนที่สามารถเลือกได้ถึง 5 แบบด้วยกันครับโดยแต่ละแบบจะมีสูตรการคำนวนอย่างได้และจะใช้งานแตกต่างกันแค่ไหนเราไปรับชมพร้อมกันได้เลยครับ
การใช้งาน Pivot point All in one Indicator 5 รูปแบบ
PP All in one นั้นจะมีรูปแบบการคำนวนที่แตกต่างกันไปถึง 5 รูปแบบด้วยกันครับโดยประโยชน์หลักคือสามารถใช้ระบุแนวรับและแนวต้านได้เป็นอย่างดีครับ ดังนั้นเราไปเริ่มที่รูปแบบแรกกันต่อจากนี้ได้เลยครับ
การใช้งาน PP Classic / Standard

สูตรคำนวณ
- Pivot Point (P) = (High + Low + Close)/3
- Support 1 (S1) = (P x 2) – High
- Support 2 (S2) = P – (High – Low)
- Resistance 1 (R1) = (P x 2) – Low
- Resistance 2 (R2) = P + (High – Low)
- โดยที่ หากมี R3…..Rn ก็จะมีการคูณตัวเลขที่แตกต่างกันออกไปในระยะที่เท่าๆกัน
อธิบายการทำงานของ PP / Standard
มาที่อันดับแรกกันครับ คือ PP Classic / Standard ในการใช้งานตัวนี้เป็นการใช้งานหาแนวรับแนวต้านปกติครับซึ่งจะเหมือนกับในบทความ Pivot point ทุกประการเพียงแต่เปลี่ยนมาใช้บนโปรแกรม Metatrader 4/5 นั่นเองครับโดยสูตรสามารถอธิายคร่าวๆได้ว่าจะใช้ค่า พารามิเตอร์เพียง 3 ตัวเท่านั้น ได้แก่ High price, Low price, และ Close price ของช่วงเวลาก่อนหน้าตามที่กำหนดเพื่อมาหาจุดแนวรับแนวต้านของช่วงเวลาปัจจุบันนั่นเองครับ
การใช้งาน PP Camarilla

สูตรคำนวณ
- PP = (H + L + C) / 3
- R4 = C + ((H-L) x 5000)
- R3 = C + ((H-L) x 2500)
- R2 = C + ((H-L) x 1666)
- R1 = C + ((H-L) x 0833)
- S1 = C – ((H-L) x 0833)
- S2 = C – ((H-L) x 1666)
- S3 = C – ((H-L) x 2500)
- S4 = C – ((H-L) x 5000)
หมายเหตุ : R=Resistance , S=Support
อธิบายการทำงานของ PP Camarilla
PP Camarilla คือ PP ชนิดหนึ่งที่มีการทำงานโดยใช้ข้อมูลของราคา High price, Low price, และ Close price เช่นเดียวตัวอื่นๆครับโดยถูกพัฒนามากจากบุคคลที่มีนามว่า Nick Scott ตั้งแต่ในช่วงราวๆปี 1980 โดยจะมีแนวรับแนวต้านอยู่ด้วยกันถึง 4 เส้นแต่ละเส้นจะมีความถี่ที่ใกล้กันมากกว่าตัว PP ตัวอื่นๆพอสมควรครับ
การใช้งาน PP Woodie

สูตรคำนวณ
- Pivot Point (PP) = (High + Low + 2 x Close) / 4
- Support 1 (S1) = (2 x P) – High
- Support 2 (S2) = P – High + Low
- Resistance 1 (R1) = (2 x P) – Low
- Resistance 2 (R2) = P + High – Low
อธิบายการทำงานของ PPt Woodie
PP Woodie นั้นแท้จริงแล้วหากเราทำการดูจากสูตรและสมการจะเห็นว่ามีสมการที่คล้ายกันกับ PP Classic / Standard เป็นอย่างมากครับโดยจะแตกต่างกันในเรื่องของสมการ PP ที่มีการใช้ค่าเป็น 2 เท่าของราคาปิดแล้วจึงหารด้วย 4 เป็นการมองให้เห็นว่าให้ความสำคัญของราคาปิดมากกว่าราคาตัวอื่นๆนั้นเองครับ
การใช้งาน PP Fibonacci

สูตรคำนวณ
- Pivot Points (P) = (High + Low + Close)/3
- Support 1 (S1) = P – {.382 * (High – Low)}
- Support 2 (S2) = P – {.618 * (High – Low)}
- Support 3 (S3) = P – {1 * (High – Low)}
- Resistance 1 (R1) = P + {.382 * (High – Low)}
- Resistance 2 (R2) = P + {.618 * (High – Low)}
- Resistance 3 (R3) = P + {1 * (High – Low)}
อธิบายการทำงานของ PP Fibonacci
PP Fibonacci นั้นจากสมการจะอธิบายได้ค่อนข้างง่ายครับคือเป็นการนำเลขลำดับของ Fibonacci มาคูณเข้ากับผลต่างของราคาสูงและราคาต่ำก่อนที่จะนำไปลบกับสมการการของ PP จึงทำให้บางครั้งจะพบว่าระยะห่างของเส้นแนวรับและแนวต้านไม่ได้มีระยะห่างที่ใกล้เคียงกันเลยครับ โดยคนนิยมนำไปใช้กับทามเฟรมใหญ่ๆ
การใช้งาน PP CPR

สูตรคำนวณ
- Pivot = (High + Low + Close) / 3
- Bottom Central Pivot (BC) = (High + Low) / 2
- Top Central Pivot = (Pivot – BC) + Pivot
อธิบายการทำงานของ PP CPR
PP CPR จะเป็นหนึ่งในประ PP หนึ่งที่มีข้อแตกต่างจาก PP ประเภทอื่นๆมากพอสมควรครับเพราะจะประกอบไปด้วยเส้น 3 เส้นเท่านั้นแหละคือเส้น PP, R1, และ S1 และโดยส่วนมากจะใช้กันใน Time Frame เล็กๆครับเช่น M30 เป็นต้นและส่วนใหญ่จะทำไปใช้ในการหาเทรนด์มากกว่าการใช้หาแนวรับและแนวต้านครับ เช่น ราคาอยู่เหนือทั้ง 3 เส้น หมายถึง เทรนขาขึ้น ใน ขณะเดียวกัน หากราคาอยู่ใต้ทั้ง 3 เส้น หมายถึง เทรนขาลง นั่นเองครับ
สรุป
PP All in one เป็นอินดิเคเตอร์ ประเภทที่พัฒนามาจาก PP ธรรมดาครับซึ่งสามารถที่เปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวนต่างๆได้ถึง 5 รูปแบบและสามารถนำไปใช้ได้ในสถาณการ์ณที่แตกต่างกันออกไป โดยความสามารถหลักๆคือสามารถใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้านสำคัญได้นั่นเองครับ ทั้งนี้แน่นอนว่าสามารถนำไปใช้ควบคู่กับอินดิเคเตอร์อื่นๆได้อย่างง่ายดายและแม่นยำเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ