Highlight บทคัดย่อ
- Moving Average คือเส้นค่าเฉลี่ยราคาเป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Trend following มีหน้าที่ใช้ในการดูแนวโน้มของตลาด
- อินดิเคเตอร์ตัวนี้เป็นที่นิยมเพราะความใช้งานง่ายและมีประโยชน์ที่หลากหลาย สามารถใช้เป็นจุดเข้าและจุดปิดออเดอร์ ใช้เป็นแนวรับแนวต้าน และใช้ในการรันเทรนด์
- ข้อควรระวังในการใช้ Moving Average คือไม่ควรนำไปใช้งานในตลาด Side Way เพราะจะมีประสิทธิภาพต่ำและจะมีสัญญาณหลอกค่อนข้างเยอะ
Moving Average คือ

- Moving Average หรือ เส้นค่าเฉลี่ยราคาเคลื่อนที่ เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Trend Following โดยมีหน้าที่หลักคือ ใช้ในการดูแนวโน้มของสินทรัพย์ในตลาด
- Moving Average คือเส้นที่เกิดขึ้นจากการคำนวณค่าเฉลี่ยราคาปิดย้อนหลังตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
- อินดิเคเตอร์ตัวนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน เพราะว่าใช้งานง่ายและมีประโยชน์มากกว่าแค่ใช้ดูแนวโน้ม
ประเภทของเส้น Moving Average

Weighted Moving Average (WMA)
- เส้นที่เกิดจากการคำนวณค่าเฉลี่ยราคาปิดย้อนหลัง โดยให้ความสำคัญของข้อมูลตามลำดับแบบเชิงเส้นโดยข้อมูลที่เป็นปัจจุบันจะได้รับความสำคัญมากสุด และข้อมูลในอดีตจะได้รับความสำคัญลดลง (เป็นการให้น้ำหนักชุดข้อมูลแบบ Linear)
- มีสูตรคำนวณคือ เส้น WMA = (ราคาปิด x น้ำหนัก)/ผลรวมของน้ำหนัก
- เส้น WMA จะเคลื่อนที่ได้เร็วที่สุด
- ข้อดี: ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้ไวที่สุด
- ข้อเสีย: มีสัญญาณหลอกในช่วงตลาดผันผวนแรง ๆ
Exponential Moving Average (EMA)
- เส้นที่เกิดจากการคำนวณค่าเฉลี่ยราคาปิดย้อนหลัง โดยให้ความสำคัญของการคำนวณราคาปัจจุบันมากกว่าอดีต (เป็นการให้น้ำหนักชุดข้อมูลแบบ Exponential)
- มีสูตรคำนวณคือ เส้น EMA = (ราคาวันนี้ x ค่าสัมประสิทธิ์) + ( EMA เมื่อวาน x ( 1-ค่าสัมประสิทธิ์)
- เส้น EMA เป็นเส้น MA ที่เคลื่อนที่เร็วที่สุด เป็นรองเพียงเส้น WMA และได้รับความนิยมมากที่สุดในการใช้งานของนักเทรด
- ข้อดี: ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้ไว ใช้เป็นแนวรับแนวต้านได้ดี
- ข้อเสีย: มีสัญญาณหลอกเมื่อตลาดเกิดการ Fake Out (Bull Trap และ Bear Trap)
Simple Moving Average (SMA)
- เส้นที่เกิดจากการคำนวณค่าเฉลี่ยราคาปิดย้อนหลัง โดยให้ความสำคัญของการคำนวณทุก ๆ ชุดเท่า ๆ กัน
- มีสูตรคำนวณคือ เส้น SMA = ผลรวมราคาปิด/จำนวนแท่งเทียน
- เส้น SMA จะเคลื่อนที่ช้ากว่าเส้น WMA และเส้น EMA
- ข้อดี: มีสัญญาณหลอกน้อย สามารถใช้เป็นแนวรับแนวต้านที่ดีได้
- ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับการใช้เทรดแบบ Crossover เพราะส่งสัญญาณช้า
Smoothed Moving Average (SMMA)
- เส้นที่เกิดจากการคำนวณค่าเฉลี่ยราคาปิดย้อนหลัง โดยจะค่อยๆให้ความสำคัญกับการคำนวณข้อมูลมากขึ้นแต่ก็ไม่เน้นไปที่ข้อมูลปัจจุบันมากเกินไป
- มีสูตรคำนวณคือ เส้น SMMA = (SMMA เมื่อวาน x (n-1) + ราคาวันนี)/n [n คือจำนวน Period]
- เส้น SMMA จะเคลื่อนที่ช้ามากที่สุดเมื่อเทียบกับเส้น EMA, WMA และ SMA
- ข้อดี: มีสัญญาณหลอกน้อย สามารถใช้ดูแนวโน้มระยะยาวได้
- ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับการใช้เทรดแบบ Crossover เพราะความตอบสนองช้าต่อราคาทำให้มีโอกาสพลาดจุดเข้าที่ดี
ข้อดีของเส้น Moving Average
ใช้ดูแนวโน้มของสินทรัพย์ในตลาด
เส้น Moving Average สามารถใช้ดูแนวโน้มของสินทรัพย์ในตลาดการเงินการลงทุนได้
ภาพการใช้เส้น MA ดูแนวโน้มขาขึ้นและขาลง
- หากกราฟราคาอยู่เหนือเส้น MA แสดงว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
- หากกราฟราคาอยู่ใต้เส้น MA แสดงว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง

- หากกราฟราคาตัดขึ้นตัดลงอยู่ที่บริเวณเส้น MA แสดงว่าตลาดอยู่ในแนวโน้ม Side Way
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เส้น MA 2 เส้นในการดูแนวโน้มได้อีกด้วยครับ

- หาก เส้น MA 2 เส้น (ที่มีค่าความยาวแตกต่างกัน) ตัดกันขึ้น เกิดเป็น Golden Cross แสดงว่าตลาดกำลังเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- หาก เส้น MA 2 เส้น (ที่มีค่าความยาวแตกต่างกัน) ตัดกันลง เกิดเป็น Death Cross แสดงว่าตลาดกำลังเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง
ใช้เป็นแนวรับแนวต้านแบบ Dynamic

- เส้น Moving Average ที่เคลื่อนที่ตามราคาเป็นเหมือนโซนแนวต้านสำคัญที่ราคามักจะกลับตัว เราสามารถใช้เส้น MA ในการคาดการณ์จุดที่ราคามีโอกาสจะเกิดการกลับตัวได้
ใช้เป็นจุดคอนเฟิร์มการเข้าเทรด

- การตัดขึ้นตัดลง (Crossover) ของเส้น Moving Average สามารถใช้เป็นการคอนเฟิร์มการเข้า เทรดได้
ใช้รันเทรนด์/ Trailing Stop

- เปิดออเดอร์เทรดแล้วเราสามารถใช้เส้น MA ในการรันเทรนด์เพื่อถือออร์เดอร์และทำกำไรให้มากขึ้น โดยปิดออเดอร์ต่อเมื่อราคาปิดเหนือ/ ปิดต่ำกว่าเส้น MA หรือปิดออเดอร์เมื่อเกิด Crossover ในทิศทางตรงกันข้าม
ข้อเสียของเส้น Moving Average
เป็น Lagging Indicator

- เส้น MA จะส่งสัญญาณการเทรดช้า ทำให้บางครั้งเราจะพลาดโอกาสการเข้าเทรดในจุดที่ได้เปรียบ การใช้งานอินดิเคเตอร์ตัวนี้ต้องควบคุมความเสี่ยงให้ดีครับ
เหมาะกับตลาดที่เป็นเทรนด์เท่านั้น

- ในตลาดที่เป็นเทรนด์การใช้เส้น MA ในการเทรดจะสามารถทำกำไรได้ดี แต่เมื่อตลาดเปลี่ยนเป็น Side Way อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะมี False Signal ค่อนข้างเยอะครับ โดยเฉพาะการดู Crossover ดังนั้นต้องเลือกใช้ให้ถูกสภาวะตลาด
ไม่มีค่า Period ที่เหมาะสม

- เส้น Moving Average ไม่มีค่า Period ที่เหมาะสม หรือเมื่อตั้งค่าแล้วจะมีความแม่นยำสูงสุด การตั้งค่าความยาวของเส้นจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมคู่เงินในตลาด Forex ที่เรานำไปเทรด โดยผมมีค่ามาแนะนำดังนี้
- MA 10 เหมาะกับแนวโน้มระยะสั้น
- MA 20 เหมาะกับการใช้ดูแนวโน้มที่แข็งแรง
- MA 50 เหมาะกับการใช้ดูแนวโน้มระยะกลาง
- MA 200 เหมาะกับการใช้ดูแนวโน้มระยะยาว
ใช้เส้น Moving Average ในการเทรด Forex
MA Crossover
เทคนิคการเทรดโดยการดูการตัดการของเส้น MA
ตัวอย่างการตั้งค่า
- EMA 12 (ใช้ดูการตัดของเส้น MA)
- EMA 26 (ใช้ดูการตัดของเส้น MA)
- EMA 200 (ใช้ดู แนวโน้มระยะยาว)
วิธีการเทรดในแนวโน้มขาขึ้น
- กราฟราคาอยู่เหนือเส้น EMA 200
- เกิดการตัดขึ้นของเส้น EMA 12 และ EMA 26
- เปิด Buy
- ตั้ง Stop Loss ที่ Swing Low ล่าสุด
- ปิดออเดอร์เมื่อ EMA 12 และ EMA 26 ตัดลง
วิธีการเทรดในแนวโน้มขาลง
- กราฟราคาอยู่ใต้เส้น EMA 200
- เกิดการตัดลงของเส้น EMA 12 และ EMA 26
- เปิด Sell
- ตั้ง Stop Loss ที่ Swing High ล่าสุด
- ปิดออเดอร์เมื่อ EMA 12 และ EMA 26 ตัดขึ้น
คำแนะนำ
- เทคนิคนี้ควรใช้กับไทม์เฟรม 1H ขึ้นไป
- ดูแนวโน้มของตลาดก่อนเทรดเสมอ
- ใช้เส้น MA ที่ตอบสนองไวต่อราคาในการเทรด
MA Pullback
เทคนิคการเทรดด้วยแนวรับแนวต้านจากเส้น MA
ตัวอย่างการตั้งค่า
- MA 50 (ใช้เส้นประเภทใดก็ได้)
- MA 200 (ใช้เส้นประเภทใดก็ได้)
วิธีการเทรดในแนวโน้มขาขึ้น
- เกิดการตัดขึ้นของเส้น MA 50 และ MA 200
- กราฟราคาย่อมาหา MA 50 และเกิดการกลับตัว
- เปิด Buy
- ตั้ง Stop Loss ที่ Swing Low ล่าสุด
- ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:2
วิธีการเทรดในแนวโน้มขาลง
- เกิดการตัดลงของเส้น MA 50 และ MA 200
- กราฟราคาขึ้นมาหา MA 50 และเกิดการกลับตัว
- เปิด Sell
- ตั้ง Stop Loss ที่ Swing High ล่าสุด
- ตั้ง Take Profit โดยใช้ RR 1:2
คำแนะนำ
- เทคนิคนี้ใช้ได้กับทุกไทม์เฟรม
- ในไทม์เฟรมเล็กต้องดูแนวโน้มใหญ่ประกอบ
- ช่วงที่ราคามาพักตัวที่เส้น MA 50 ราคาต้องไม่ทะลุ MA 200
รูปแบบการเทรดอื่น ๆ
คลิปวีดีโออธิบายเกี่ยวกับ Moving Average
ผมได้นำคลิปวีดีโอเจาะลึกเกี่ยวกับเส้น Moving Average มาให้ดูกันครับ
- Focus นาทีที่ 3 เส้น MA คืออะไร
- Focus นาทีที่ 4.15 วิธีการเรียกใช้เส้น MA ใน Tradingview
- Focus นาทีที่ 6.36 การตั้งค่าเส้น MA
- Focus นาทีที่ 8.15 การใช้เส้น MA ดูแนวโน้มในตลาด
- Focus นาทีที่ 9 การใช้เส้น MA ดูแนวรับแนวต้าน
- Focus นาทีที่ 12 การใช้เส้น MA ดูตลาด Side Way
- Focus นาทีที่ 13.20 ทริคการดูเทรนด์ด้วย MA 2 เส้น
- Focus นาทีที่ 13.20 ทริคการดูความแข็งแรงของเทรนด์ด้วยเส้น MA
- Focus นาทีที่ 21.44 ทริคดูการกลับด้วยเส้น MA
สรุป
เส้น Moving Average คืออินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการดูแนวโน้มของตลาด โดยเส้น MA มีหลายประเภทแต่ที่ได้รับความนิยมจะมี SMA, EMA, WMA และ SMMA ซึ่งเส้นแต่ละประเภทนั้นมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันโดยหลักแล้วอยู่ที่ความตอบสนองไวต่อราคาโดยเส้นที่มีความตอบสนองไวที่สุดคือเส้น EMA และช้าที่สุดคือเส้น SMMA
ข้อดีของเส้น Moving Average คือสามารถใช้ดูแนวโน้มของตลาดได้อย่างชัดเจน สามารถใช้เป็นแนวรับแนวต้าน เป็นจุดเข้าและจุดปิดออเดอร์ได้ครับ แต่ข้อเสียของมันคือสามารถใช้กับตลาดที่เป็นเทรนด์เท่านั้น หากใช้ได้ตลาด Side Way จะมีประสิทธิภาพลดลง
ทีมงาน: thaiforexbroker.com