Double Top / Double Bottom คืออะไร? การสะสมออเดอร์ของรายใหญ่

ยังไม่จบกับเรื่อง Price Action / Price Structure นะครับ…เพราะเรื่องเหล่านี้มันน่าค้นหามากกว่าแค่รูปแบบกราฟ แต่มันมันมี “เรื่องเล่าเกมของรายใหญ่” ซ่อนเอาไว้เสมอ บทความนี้ถึงคิวของ Double Top/Double Bottom ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณที่เทรดเดอร์มือโปรใช้บ่อยที่สุดครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • Double Top คือรูปแบบที่ราคาสร้างยอดสูงสุดสองครั้งใกล้เคียงกัน ก่อนจะทะลุ neckline ลงมาเพื่อกลับตัวเป็นขาลง
  • Double Bottom เป็นรูปแบบกลับกันที่ราคาสร้างจุดต่ำสุดสองครั้งและทะลุ neckline ขึ้นไป เพื่อกลับตัวเป็นขาขึ้น สัญญาณยืนยันที่สำคัญที่สุดของทั้ง 2 คือการที่ราคาทะลุ neckline พร้อมกับ Volume การซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
  • เหตุผลเบื้องหลังของรูปแบบ Double Top/Double Bottom คือรายใหญ่ใช้ในการสะสมออเดอร์จำนวนมาก+ ล่อให้รายย่อยเทรดในทิศตรงข้ามเพื่อสร้างสภาพคล่อง รอจังหวะในการดันราคาไปในทิศทางใหม่
  • สิ่งที่ควรระวังก็คือสัญญาณหลอกและไม่ควรเข้าเทรดถ้ารูปแบบยังไม่ 100% และควรให้ความสำคัญกับรูปแบบที่เกิดขึ้นในกรอบเวลาใหญ่จะดีกว่า

Double Top คืออะไร?

  • Double Top คือรูปแบบกราฟราคาที่ราคาเคลื่อนขึ้นไปทำ “ยอดสูง” สองครั้งใกล้เคียงกัน แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ สุดท้ายราคาทะลุลงผ่านเส้นคอ (Neckline) = ส่งสัญญาณกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
  • จังหวะที่ราคาหลุด Neckline ลงมา พร้อม Volume ที่หนุนการขาย (Sell) นี่แหละ…ถือเป็นสัญญาณยืนยันชัดว่าแนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลงแล้ว
ลักษณะของรูปแบบ Double Top
จิตวิทยาตลาดเบื้องหลังของรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาถูกดันขึ้นจนสูงในระดับที่รายใหญ่เห็นว่าควรขายแล้ว ครั้งแรกรายใหญ่เริ่มขายบางส่วนก่อน แต่รายย่อยยังเชื่อว่าราคาจะไปต่อ จึงมีแรงซื้อดันขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่สามารถทำจุดสูงใหม่ได้ สุดท้ายรายใหญ่เทขายเพิ่มจนราคาหลุดลง

Double Bottom คืออะไร?

  • Double Bottom คือด้านกลับหัวของ Double Top ราคาเคลื่อนลงมาทำ “จุดต่ำสุด” สองครั้งระดับใกล้เคียงกัน แต่ไม่หลุดต่ำกว่าเดิม สุดท้ายทะลุเส้นคอ (Neckline) ขึ้นไปได้ = ส่งสัญญาณกลับตัวจากลงเป็นขึ้น
  • จังหวะที่ยืนยันรูปแบบ 100% ก็คือจังหวะทะลุเส้นคอ เหมือนกันกับ Double Top เลย
ลักษณะของรูปแบบ Double Bottom
จิตวิทยาตลาดเบื้องหลังของรูปแบบนี้ก็คล้ายกับอันแรก ราคาถูกเทขายครั้งแรกลงแรงทำให้รายย่อยตื่นขายตาม แต่รายใหญ่เริ่มทยอยเก็บของ เมื่อราคาลงมาทดสอบครั้งที่สองก็ไม่สามารถทำ Low ใหม่ได้ แปลว่ารายใหญ่กำลังสะสมจนพร้อมดันขึ้นแล้ว

ทำไมถึงเรียกว่ารูปแบบสะสมออเดอร์ของรายใหญ่?

เหตุผลที่รูปแบบ Double Top/Double Bottom ถูกมองว่าเป็นรูปแบบสะสมออเดอร์ของรายใหญ่ก็เพราะ

  1. รายใหญ่ไม่รีบเข้า-ออกตลาดทันที: ในช่วงที่ราคาแกว่งตัวระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด(ช่วงทำยอดทั้ง 2) รายใหญ่จะใช้โอกาสนี้ในการสะสมออเดอร์ในปริมาณมากอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ราคาพุ่งหรือร่วงแรงเกินไป เป็นจังหวะในการค่อยๆ สะสมออเดอร์ ทีละน้อยเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมในการดันราคาไปในทิศทางที่ต้องการ
  2. การหลอกล่อรายย่อย: รูปแบบ Double Top/Double Bottom ในจังหวะที่มันกำลังสร้างแพทเทิร์นอยู่(ส่วนใหญ่คือยอดของมัน) มักจะเป็นช่วงหลอกล่อให้รายย่อยเข้าเทรดผิดทาง เมื่อราคาพุ่งทะลุจุดสูงสุดหรือร่วงต่ำกว่าจุดต่ำสุดเล็กน้อยแล้วกลับตัวอย่างรวดเร็ว (Stop Hunt) เพื่อเป็นคู่ออเดอร์+สภาพคล่องให้รายใหญ่
  3. การยืนยันแนวโน้มใหม่: เมื่อราคาทะลุเส้นคอ (Neckline) ก็เหมือนทะลุแนวรับ/แนวต้าน นั่นเอง จะเป็นการยืนยันว่ารายใหญ่ได้สะสมออเดอร์จนครบแล้วและพร้อมที่จะดันราคาให้ไปในทิศทางใหม่
เหตุผลที่เรียกว่ารูปแบบสะสมออเดอร์ของรายใหญ่
รูปแบบ Double Top/Double Bottom มีความเกี่ยวข้องกับผู้เล่นรายใหญ่แทบจะโดยตรงเพราะลักษณะของมันคือการเปลี่ยนเทรนด์ ที่ราคาไม่สามารถทำระยะสูงสุด/ต่ำสุดได้อีก แถมสุดท้ายตอน Breakout ก็มี Volume สูงอย่างมีนัยยะด้วย

ตัวอย่างการใช้ Double Top/Bottom ในการเทรด

เรามาดูตัวอย่างการเทรด Double Top/Bottom กันดีกว่า…ว่าควรจะเข้าตรงไหน? วาง SL/TP ตรงไหน? จึงจะคุ้มค่า

เทรด Double Top

ตัวอย่างการเทรดด้วยรูปแบบ Double Top
ตัวอย่างการเทรดด้วยรูปแบบ Double Top โดย TP แนะนำให้ใช้ Trailing Stop เพื่อล็อคกำไรหรือจะตั้งไว้ที่แนวรับถัดไปก็ได้ ส่วน SL ตั้งเหนือยอดทั้ง2 เว้นระยะห่างเผื่อ Stop Hut ด้วย
  • ก่อนอื่น หวังว่าทุกคนจะเข้าใจตรงกันว่า รูปแบบ Double Top จะสมบูรณ์เมื่อ…ราคาทะลุเส้น Neckline ลงมา ซึ่งรูปแบบ Double Top ออเดอร์ที่เราจะเล่นเป็นหลักคือ Sell นะครับ
  • จะวาง Sell Stop แบบ Pending Order ไว้ หรือรอจังหวะ Breakout แล้วราคาขึ้นมาทดสอบ Pullback อีกรอบก็ได้
  • การวาง SL เราจะวางไว้เหนือยอด Top ทั้ง 2 เลย ส่วน TP จะวางไว้ตามระยะวัดเป้าหมายที่เราพอใจหรือตาม RR ก็ได้
  • จุดวาง TP ที่น่าสนใจคือมันเพิ่งเป็นการเปลี่ยนเทรนด์ ดังนั้นเรากำลังอยู่ต้นเทรนด์เลยไม่อยากให้รีบตั้ง TP สั้นเกินไป(ขายหมู) หาเครื่องมือมาล็อคกำไร เช่น Trailing Stop จะดีมาก
  • จุดที่ต้องสังเกตเมื่อราคา Breakout เส้น Neckline ควรมี Volume เพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ = แสดงว่ามีแรงขายเข้ามาจริง ๆ จากรายใหญ่ ไม่ใช่ False Breakout

เทรด Double Bottom

ตัวอย่างการเทรดด้วยรูปแบบ Double Bottom
สังเกตว่าในรูปภาพทีมงานจะไม่ใส่จุดวาง TP เพราะมันเพิ่มเป็นการเริ่มต้นเทรนด์ใหม่เลยไม่อยากให้รีบ ขายหมู แต่ควรมีเครื่องมือที่ทำให้รันเทรนด์ได้ยาวๆ อย่างคุ้มค่าจะดีกว่า
  • รูปแบบนี้ก็มีหลักการคล้ายกับรูปแบบก่อนหน้าเลยคือต้องยืนยันรูปแบบให้สมบูรณ์ก่อน โดย Double Bottom เราจะเน้นเล่น Buy เป็นหลัก
  • เมื่อราคาทะลุเส้น Neckline ขึ้นไป = รูปแบบยืนยันสมบูรณ์แล้ว เราสามารถตั้ง Buy Stop ดักไว้ล่วงหน้าหรือรอจังหวะที่ราคาย่อมาทดสอบแนวเดิม (บางครั้งอาจจะไม่กลับ)
  • จุด SL วางไว้ใต้ยอดทั้ง 2 ส่วน TP วัดระยะตาม RR หรือตั้ง Trailing Stop ไว้ก็ได้ครับ และอย่าลืมสังเกตช่วงที่ใกล้จะ Breakout ว่ามี Volume Confirm หรือเปล่า

ข้อควรระวังในการเทรด Double Top/Bottom

  1. อย่าเพิ่งรีบเปิดออเดอร์แค่เพราะเห็นราคาทำ High/Low ซ้ำ 2 ครั้ง จำไว้เลยว่าต้องรอ “ยืนยัน” จากราคาทะลุที่ Neckline ก่อน
  2. ถ้าราคาทะลุ Neckline แต่ Volume ต่ำ อาจเป็น False Breakout ดังนั้นเห็นแปลกๆ แบบนี้ อย่ารีบเชื่อทันทีและควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ ร่วมด้วย เช่น RSI หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัว
  3. วาง Stop Loss เผื่อสักนิดเพราะบางครั้งถ้าวาง SL แคบหรือใกล้ยอดทั้ง 2 เกินไป อาจจะยังไม่พ้นระยะ Stop Hunt ก็ได้
  4. ดูปัจจัยรอบข้างเช่น แนวรับ–แนวต้านใหญ่, แนวโน้มหลักและข่าวสำคัญควบคู่ไปด้วย เพราะหลายครั้งที่รูปแบบ Fail ก็มาจากปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย
  5. รูปแบบที่เกิดขึ้นในกรอบเวลาเล็ก (เช่น 5 นาที หรือ 15 นาที) จะมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่ารูปแบบที่ใช้เวลานานในการก่อตัวบน Timeframes ใหญ่ (Day, Week) กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของเทรนด์และลดสัญญาณรบกวนได้เยอะมาก
ข้อควรระวังในการเทรด Double Top และ Bottom
จังหวะที่เทรดเดอร์ต้องตั้งใจและระวังมากที่สุดคือช่วงที่มันกำลังจะ Breakout เส้น Neckline เพราะมันจะสมบูรณ์หรือไม่นั้น Volume จะเป็นตัวชี้วัดที่บอกเราเอง เมื่อนั้นค่อยตัดสินใจว่าควรเข้าเทรดหรือไม่

วิดีโอเกี่ยวกับ Double Top/Double Bottom

 

วิดีโอที่กำลังจะนำเสนอนี้เป็นเหมือนคู่มือการ เทรดด้วยรูปแบบกราฟ Double Top และ Double Bottom โดยนำเสนอ 5 กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน จะมีกลยุทธ์ที่คล้ายกับในบทความหรือไม่ต้องไปติดตามรับชมกันครับ

  • Focus นาทีที่ 00:15 อธิบาย Double Top
  • Focus นาทีที่ 00:33 อธิบาย Double Bottom
  • Focus นาทีที่ 00:58 กลยุทธ์ที่ 1 เข้าเทรดเมื่อราคาทะลุ Neckline
  • Focus นาทีที่ 01:40 กลยุทธ์ที่ 2 เข้าเทรดแบบรอ Pullback
  • Focus นาทีที่ 03:43 กลยุทธ์ที่ 3 การเทรดร่วมกับ Key Levels
  • Focus นาทีที่ 05:44 กลยุทธ์ที่ 4 การเข้าเทรดแบบ Aggressive (สำหรับ Neckline ที่ลึก)
  • Focus นาทีที่ 08:11 กลยุทธ์ที่ 5 การใช้ Lower Time Frame เพื่อยืนยัน

สรุป

รูปแบบ Double Top/Double Bottom จริงอยู่ว่าอาจจะเป็นรูปแบบการกลับตัวที่มองได้ง่ายแต่การที่เราเข้าใจเหตุผลเบื้องลึกจริงๆ ของมัน เราจะจับจังหวะเข้าเทรดได้แม่นกว่า รูปแบบเฉพาะแบบนี้มักจะทิ้งร่องรอยของรายใหญ่ให้เราได้วิเคราะห์กันเอาไว้ การฝึกฝนระบุและดูรูปแบบที่หลากหลายจะช่วยให้เรามอง Price Action ต่างๆ ได้ง่ายขึ้นครับ

ซีรี่ย์ Price Action ยังไม่จบง่ายๆ ยังมีอีกหลายที่ผมเขียนเอาไว้ เช่น Head and Shoulders, Double Top + Compression, Ascending Triangle เป็นต้น เผื่อว่าเทรดเดอร์สาย Technical จ๋าๆ จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ครับ

ทีมงาน: thaiforexbroker.com

สารบัญ