เชื่อว่าหลายคนก็เคยผ่านหูผ่านตากับโบรกเกอร์ประเภท No Dealing Desk มาบ้างแล้ว แต่ยังมีโบรกเกอร์ขั้วตรงข้ามอีก นั่นก็คือ โบรกเกอร์แบบ Dealing Desk ในบทความนี้เราจะไปทำความรู้จักแบบเจาะลึกทุกด้านของโบรกเกอร์ประเภทนี้กัน
ฉบับย่อโดย Thaiforexbroker.com
- โบรกเกอร์ประเภท Dealing Desk หรือ “Market Maker” จะทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างเทรดเดอร์และตลาด โดยเก็บรวบรวมคำสั่งซื้อขายและดำเนินการภายในระบบโดยอาจจะไม่ต้องส่งคำสั่งไปยังตลาดกลางโดยตรง
- ข้อดี คือค่าสเปรดคงที่ ช่วยให้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการเทรดได้ง่ายขึ้น ข้อเสียคือความเสี่ยงในการเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างโบรกเกอร์กับเทรดเดอร์
- การเลือกโบรกเกอร์ประเภท Dealing Desk ควรคำนึงถึงใบอนุญาตและการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียง เงื่อนไขการเทรดที่ชัดเจน และรีวิวความน่าเชื่อถือจากแหล่งต่างๆ
โบรกเกอร์ประเภท Dealing Desks (DD) คืออะไร?
- Dealing Desk ถ้าแปลตามตัวมันก็คือโต๊ะของดีลเลอร์ที่เราทำการซื้อขายสินทรัพย์ เปรียบเทียบก็เหมือน “คนกลาง” ที่เข้ามาแทรกระหว่างเทรดเดอร์กับตลาดสภาพคล่อง ซึ่งตรงข้ามกับ NDD อย่างสิ้นเชิง
- ดังนั้นโบรกเกอร์แบบ Dealing Desk หรือที่บางครั้งเรียกว่า “Market Maker” ก็คือโบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่เก็บรวบรวมคำสั่งซื้อขายของเทรดเดอร์และจะพิจารณาจับคู่บางออเดอร์ไว้เองภายใน บางออเดอร์อาจจะส่งเข้าในตลาดก็ได้
- ดังนั้นโบรกเกอร์ประเภทนี้จะกำหนดราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายเอง โดยอ้างอิงจากราคาตลาดจริง

การทำงานของโบรกเกอร์ Dealing Desks
- ราคาซื้อขายที่เราเห็นของโบรกเกอร์ DD เป็นการกำหนดจากโบรกเกอร์เอง โดยจะอ้างอิงตามราคาตลาดที่สุด แต่จะมีการ “กำหนดค่าสเปรด” เพิ่มเข้าไปเพื่อทำกำไร ซึ่งค้าสเปรดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบคงที่ (Fixed Spread)
- เมื่อมีลูกค้าส่งคำสั่งเทรดซื้อหรือขาย โบรกเกอร์จะพยายามจับคู่ออเดอร์เหล่านี้ภายในระบบของตนเองก่อน หากมีการจับคู่ได้ คำสั่งก็จะถูกดำเนินการโดยไม่ต้องส่งเข้าสู่ตลาดกลาง เป็นการซื้อขายกันเองภายใน
- โบรกเกอร์ Dealing Desk จะทำกำไรจากส่วนต่างของราคา Bid และ Ask นั่นก็คือ ค่าสเปรด ยิ่งสเปรดกว้าง โบรกเกอร์ก็ยิ่งมีโอกาสทำกำไรมากขึ้น
- ในกรณีที่ไม่สามารถจับคู่ออเดอร์ภายในได้ โบรกเกอร์จะกลายเป็นคู่สัญญาฝั่งตรงข้ามกับเทรดเดอร์ เช่น หากเทรดเดอร์ BUY โบรกเกอร์จะ SELL ทำให้ผลประโยชน์ขัดกันเอง

ข้อดี-ข้อเสีย ของโบรกเกอร์ประเภท Dealing Desks
หลายคนอาจจะเข้าใจไปแล้วว่าโบรกเกอร์แบบ Dealing Desk เหมือนไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่ แต่โบรกเกอร์ประเภทนี้ก็ยังมีข้อดีอยู่
ข้อดี
- โบรกเกอร์ Dealing Desk มีแหล่งสภาพคล่องภายในสามารถให้สภาพคล่องแก่ลูกค้าได้ แม้ในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งช่วยลดปัญหา Slippage
- โบรกเกอร์ Dealing Desk มักจะมีค่าสเปรดแบบคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาดแม้ว่าตลาดจะผันผวนแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นเทรดเดอร์ก็จะคำนวณต้นทุนการเทรดได้ง่ายและบางครั้งก็เหมาะกับ EA บางตัวด้วย
- ในกรณีที่กราฟเคลื่อนไหวขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 1-2 วินาที ค่าสเปรดแบบคงที่จะไม่เคลื่อนไหวที่รวดเร็วเกินไป ซึ่งช่วยให้เราสามารถรักษาความสงบและไม่ต้องรู้สึกตื่นตระหนกมากนัก
ข้อเสีย
- โบรกเกอร์ Dealing Desk ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญากับคำสั่งซื้อขายของเทรดเดอร์ อาจเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างโบรกเกอร์และเรดเดอร์ เช่น เกิดการปรับราคากรณีที่โบรกเกอร์ไม่มีมาตรฐาน
- สิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนคิดเหมือนกันคือ โบรกเกอร์ Dealing Desk มีความโปร่งใสน้อยกว่าแบบ NDD เนื่องจากพวกเขาจะเก็บคำสั่งซื้อขายไว้ในระบบสภาพคล่องภายในของตัวเองและไม่ได้ดำเนินการในตลาด Forex ที่แท้จริง

การเลือกโบรกเกอร์ Dealing Desks ที่น่าเชื่อถือ
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงไม่อยากจะใช้โบรกเกอร์แบบ Dealing Desk กันแล้ว แต่บางครั้งมันก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมด ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เรารับได้และความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ ซึ่งการเลือกโบรกเกอร์ประเภทควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
- ใบอนุญาตและการรับรอง : ทุกโบรกเกอร์ไม่ว่าจะเป็นประเภท NDD หรือ DD ก็ควรจะต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียง เช่น FCA หรือ ASIC เหมือนกับเป็นใบประกันคุณภาพว่า โบรกเกอร์ได้รับการตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวด
- ความโปร่งใสในการซื้อขาย : ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสเปรด ค่าธรรมเนียม และนโยบายการเทรดที่ชัดเจน ควรเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรให้เทรดเดอร์ได้เข้าถึงข้อมูล
- รีวิวความน่าเชื่อถือในตลาด : สมัยนี้ข่าวสารแพร่กระขายได้ไวและรวดเร็ว เทรดเดอร์สามารถตรวจสอบและอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก่อนว่า โบรกเกอร์นี้มีคุณภาพเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องคัดกรองรีวิวปลอมที่เน้นโจมตีโบรกเกอร์แบบไม่มีมูล
- เงื่อนไขการเทรด : พิจารณาข้อกำหนดการเทรด เช่น ค่าสเปรดเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ รวมถึงการฝาก-ถอนเงิน และเงื่อนไขอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการเทรด

แนะนำโบรกเกอร์ Dealing Desk
มีรายชื่อโบรกเกอร์จำนวนหนึ่งที่ทางทีมงานรวบรวมมาเป็นโบรกเกอร์ประเภท Dealing Desk ที่ทางเราค่อนข้างมั่นใจว่ามีคุณภาพและน่าเชื่อถือได้ ซึ่งบางโบรกเกอร์อาจจะมีบัญชีที่เป็นแบบ Dealing desk ผสมกับ NDD จึงมีบางรายชื่อที่ซ้ำกับ NDD
- IronFX : มีบัญชีที่ดำเนินการแบบ Dealing Desk โดยค่าสเปรดคงที่ที่ 0 (ซึ่งดีต่อเทรดเดอร์) แต่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับเทรด ซึ่งเป็นบัญชีประเภท Live Zero สเปรดคงที่
- XM : เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่ให้บริการทั้งบัญชี Dealing Desk และ No Dealing Desk (NDD) เช่นบัญชี XM Ultra Low ที่เป็น Dealing Desk
- FXCM : ให้บริการทั้งสองรูปแบบคือ Dealing Desk และ No Dealing Desk เช่นกัน โดยมีการเสนอประเภทบัญชีที่แตกต่างกัน
- RoboForex : มีบัญชีที่เป็นประเภท Dealing Desk คือ บัญชี Pro และ ProCent

วิดีโอที่เกี่ยวข้องกับโบรกเกอร์ Dealing Desk
ผมไปเจอคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่จะเปรียบเทียบ โบรกเกอร์ Dealing Desk หรือ No Dealing Desk ควรเลือกโบรกเกอร์ไหนดี? ในเนื้อหาก็จะมีรูปกระกอบที่ทำให้เข้าได้ง่ายยิ่งขึ้นและเห็นความแตกต่างของโบรกเกอร์ทั้ง 2 ประเภท
- นาทีที่ 00:20 อธิบาย Dealing Desk
- นาทีที่ 00: 33 ข้อดีของ Dealing Desk
- นาทีที่ 00:47 อธิบาย No Dealing Desk
- นาทีที่ 1:02 ประเภทของ No Dealing Desk
- นาทีที่ 1:16 เลือกโบรกเกอร์ให้ถูกต้อง
สรุป
ก่อนจะจากกันไปอยากเทรดเดอร์ได้ลองเข้าใจโบรกเกอร์แบบ Dealing Desk ใหม่ เพราะโบรกเกอร์ประเภทนี้ก็จะมีจุดเด่นที่อาจจะตอบโจทย์ความต้องการของเทรดเดอร์บางคนได้ โดยส่วนตัวก็ต้องยอมรับว่าถ้าเลือกได้ก็ควรเลือกโบรกเกอร์ประเภท NDD เนื่องจากเหตุผลในภาพรวมดูดีกว่านิดๆ
แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่า Dealing Desk จะไม่มีประโยชน์เลย เทรดเดอร์ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือจากหน่วยงานกำกับดูแลและควรตรวจสอบนโยบายการดำเนินการอย่างละเอียด เท่านี้การใช้โบรกเกอร์ Dealing Desk ก็เพิ่มความมั่นใจได้แล้ว
ทีมงาน : thaiforexbroker.com