Copy Trade และ PAMM ต่างกันอย่างไร? หลักการทำงานและข้อดีข้อเสีย

รู้ไหมว่าในปัจจุบันนี้การเทรด Forex เราไม่จำเป็นต้องเทรดด้วยตัวเองก็สามารถทำกำไรได้…ผมไม่ได้พูดถึงการใช้ EA นะครับ ใช่ครับผมหมายถึงการ “Copy Trade และ PAMM” มันเป็นรูปแบบการลงทุนแบบไหน? น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน? คำตอบอยู่ในบทความนี้แล้วครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • Copy Trade คือการที่ผู้ติดตาม (Follower) เลือกคัดลอกการเทรดของเทรดเดอร์ (Trader) ที่มีประสบการณ์+พร้อมให้คัดลอก โดยแพลตฟอร์มจะเป็นตัวกลางจัดการ เปิด/ปิดออเดอร์ให้โดยอัตโนมัติตามสัดส่วนเงินทุน
  • PAMM คือระบบที่นักลงทุนฝากเงินเข้ารวมกันในบัญชีเดียว ซึ่งจะถูกบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) ผลกำไร/ขาดทุนจะถูกแบ่งตามสัดส่วนเงินลงทุนที่ลงไว้ตอนแรก
  • Copy Trade มีข้อดีคือควบคุมเงินทุนได้เอง, มีสถิติให้ตรวจสอบ, เหมาะกับมือใหม่และกระจายความเสี่ยงได้ แต่มีข้อเสียเรื่องความเสี่ยงจากฝีมือเทรดเดอร์และค่าธรรมเนียม เป็นต้น
  • ส่วน PAMM ข้อดีคือไม่ต้องเฝ้าจอ, มีผู้เชี่ยวชาญดูแลและมีสถิติการบริหาร แต่มีข้อเสียคือไม่มีความยืดหยุ่น ขาดความโปร่งใสเรื่องสินทรัพย์ที่เทรด เป็นต้น

ทำความรู้จัก Copy Trade คืออะไร?

  • Copy Trade ก็คือการคัดลอกการเทรดของเทรดเดอร์คนอื่นโดยที่เราไม่ต้องวิเคราะห์หรือเทรดเอง แค่เลือกคนที่อยาก Copy การเทรดของเขา ระบบก็จะจัดการเปิดปิดออร์เดอร์ตามเทรดเดอร์คนนั้นโดยอัตโนมัติ ตามสัดส่วนเงินที่กำหนด เช่น
    • ถ้าเทรดเดอร์คนนนั้นเปิด Buy XAU ระบบก็จะเปิด Buy XAU ในบัญชีของเราเช่นกัน จะกำไรหรือขาดทุนเหมือนกัน แต่จำนวนเงินที่ได้ต่างกันนะ
  • จะอธิบายหลักการทำงานของ Copy Trade แบบง่ายๆ นะครับ
    1. เทรดเดอร์ (Trader): คนที่ทำการเทรดด้วยเงินของตัวเองและอนุญาตให้คนอื่น Copy กลยุทธ์
    2. ผู้ติดตาม (Follower): คนที่เลือก Copy การเทรดของเทรดเดอร์ โดยไม่ต้องเทรดเอง
    3. แพลตฟอร์ม (Platform): โปรแกรมตัวกลางที่เชื่อมโยงทั้งเทรดเดอร์และผู้ติดตาม คอยจัดการระบบ Copy แบบอัตโนมัติ รวมถึงเก็บข้อมูลผลการเทรดและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
    4. เงินทุน: ผู้ติดตามสามารถกำหนดเงินลงทุนได้ตามสะดวกโดยระบบจะคำนวนสัดส่วนเทียบกับเงินทุนของเทรดเดอร์
    5. กำไร/ขาดทุน: ผลกำไร-ขาดทุนของการ Copy จะได้เหมือนกันตามสัดส่วนเงินที่ลงทุนและผู้ติดตามสามารถหยุด Copy ได้ทุกเมื่อหากไม่พอใจผลลัพธ์
  • ระบบ Copy Trade จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่ค่อยมีเวลามานั่งเฝ้าจอหรือวิเคราะห์ตลาดนานๆ รวมถึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการ Passive Income
หลักการทำงานของระบบ Copy Trade
แต่ละโบรกเกอร์ที่มี Copy Trade ให้บริการ มีหลักการคล้ายกันคือ นักลงทุนแต่ละคนที่กดติดตามเทรดเดอร์คนเดียวกัน ระบบจะคำนวนสัดส่วนเงินทุนเทียบกับเทรดเดอร์ บัญชีของนักลงทุนแต่ละคนจะแยกจากกันมีเพียงแค่คำสั่งเทรดจากเทรดเดอร์เดียวกันเท่านั้น

PAMM คืออะไร? และทำงานอย่างไร?

  • PAMM คือระบบการลงทุนที่ให้นักลงทุนลงเงินไว้ในบัญชีเดียวและจะบริหารกองทุนนี้ด้วยผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) หรือก็คือเทรดเดอร์ โดยจะนำเงินก้อนนี้ไปเทรดในตลาด เช่น Forex หรือ CFD และแบ่งกำไรตาม%
  • หลักการทำงานของ PAMM คือ
    1. ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager): คนที่บริหารเงินุทนรวม เปิดบัญชี PAMM ขึ้นมา
    2. นักลงทุน (Investor): ฝากเงินเข้าบัญชี PAMM เพื่อให้ Fund Manager บริหารให้
    3. ระบบ PAMM: จะทำการคำนวณการแบ่งกำไร-ขาดทุนตามสัดส่วนเงินลงทุนของแต่ละคน
    4. ผลตอบแทน: กระจายให้แก่นักลงทุนตามสัดส่วน% ที่ลงทุนไว้และผู้จัดการกองทุนจะได้รับส่วนแบ่ง (Performance Fee) ตามที่ตกลงกันไว้
  • PAMM จึงเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาเทรดและต้องการ Passive Income คล้าย Copy Trade แต่เป็นการลงทุนแบบเบ็ดเสร็จ โดยไม่ต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใดๆ
หลักการทำงานของระบบบัญชี PAMM
ระบบ PAMM นักลงทุนและผู้จัดการกองทุนจะต้องลงเงินไว้ในบัญชีเดียวกันคือบัญชี PAMM ซึ่งระบบจะคำนวณสัดส่วนแบบชัดเจนก่อนเริ่ม และท้ายที่สุดกำไรที่จากการบริหารของผู้จัดการต้องหักค่าบริการตามที่กำหนด

เปรียบเทียบ Copy Trade และ PAMM แบบชัด ๆ

นี่คือตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Copy Trade และระบบ PAMM แบบเจอะหลายประเด็น เพราะหลายคนยังคิดว่ามันเหมือนกันอยู่

หัวข้อเปรียบเทียบ Copy Trade PAMM
หลักการทำงาน คัดลอกคำสั่งเทรดของเทรดเดอร์ที่เราสนใจ รวมเงินของนักลงทุนหลายคนให้เทรดเดอร์บริหารในบัญชีเดียว
การควบคุม ยืดหยุ่นสูง หยุดคัดลอก ปรับเงิน หรือเปลี่ยนเทรดเดอร์ได้ตลอดเวลา นักลงทุนไม่มีสิทธิ์ควบคุมคำสั่งใดๆ
การแบ่งผลกำไร ได้กำไรตามที่ระบบคำนวนสัดส่วนให้และหักค่าบริการ แบ่งกำไรตามสัดส่วนเงินลงทุนและหักค่าบริการ
ความโปร่งใส สูง เห็นคำสั่งเทรดทั้งหมดแบบเรียลไทม์ ต่ำ ไม่สามารถเห็นรายละเอียดการบริหารได้
ความนิยม สูงกว่า PAMM ต่ำกว่า Copy Trade

แม้ว่าระบบจะถูกออกแบบมาให้ทำงานโดยการเทรดหรือบริหารจากเทรดเดอร์คนใดคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ในด้านความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนการลงทุนรวมถึงความโปร่งใสยังแตกต่างกันอยู่

  • หากต้องการลงทุนแบบยืดหยุ่น+เรียนรู้การเทรดไปพร้อมๆ กันและสามารถเปลี่ยนแปลงได้บ่อยเลือก Copy Trade
  • แต่ถ้าต้องการการลงทุนแบบปล่อยให้มืออาชีพดูแลทุกอย่างเลือก PAMM

ข้อดีข้อเสียของ Copy Trade

เรามาดูกันบ้างว่าการ Copy Trade มันมีข้อดีและข้อเสียยังไงบ้าง

ข้อดี

  • ควบคุมเงินทุนได้เอง: ระบบของ Copy Trade ยังให้อิสระแก่นักลงทุนในการ Money Management เช่น หยุดคัดลอกหรือถอนเงินได้ตลอดเวลา บางแพลตฟอร์มสามารถกำหนดขนาด Lot, SL, TP ได้เองด้วย
  • ผลลัพธ์เรียลไทม์: ระบบ Copy Trade ผู้ติดตามสามารถเห็นได้เลยว่าเทรดเดอร์กำลังเทรดสินทรัพย์อะไร? ผลลัพธ์เป็นยังไง?
  • มีสถิติให้ตรวจสอบ: Copy Trade เกือบจะทุกแพลตฟอร์มมักจะมีสถิติย้อนหลังของแต่ละเทรดเดอร์ เช่น ผลตอบแทน, ระยะเวลาการเทรด, Win Rate, drawdown เป็นต้น
  • เหมาะกับมือใหม่: คือไม่จำเป็นต้องมีความรู้ลึกในด้านเทคนิคหรือ วิเคราะห์กราฟ ก็สามารถลงทุนสร้างรายได้
  • กระจายความเสี่ยงได้: ด้วยกับความยืดหยุ่นที่คุณสามารถควบคุมเงินได้เอง จึงสามารถแบ่งทุนหลายบัญชี ไป Copy คนอื่นๆ ได้

ข้อเสีย

  • ฝีมือเทรดเดอร์: ถ้าเจอเทรดเดอร์เก่งก็ดีไป แต่ถ้าเจอเทรดเดอร์ห่วยก็อาจขาดทุนได้ ถ้าขนาด Lot เข้าข่าย Overtrade
  • ค่าธรรมเนียม: ในการ Copy Trade จะมีระบบคิดค่าธรรมเนียมให้แก่เทรดเดอร์ที่เทรดให้เรา ซึ่งบางครั้งก็แพงมาก
  • ไม่เข้าใจกลยุทธ์ที่ใช้งาน: อย่างที่บอกไปว่าเหมาะกับมือใหม่ก็จริง แต่ Copy อย่างเดียวเราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยว่าเทรดยังไงหรือควรเข้าเทรดจุดไหน
ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนแบบ Copy Trade
ข้อดีของ Copy Trade โดยรวมแล้วได้ความสะดวกในเรื่องของเวลา, การควบคุมเงินทุนที่ยืดหยุ่นและมีข้อมูลของเทรดเดอร์ที่ต้องการ Copy อย่างชัดเจน แต่ก็มีข้อเสียคือเราจะไม่ได้ความรู้อะไรเลยรวมถึงในตลาด Forex ไม่มีอะไรที่คาดการณ์ได้ 100%

ข้อดีข้อเสียของ PAMM

ในส่วนของ PAMM ก็จะเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียในหัวข้อที่คล้ายๆ กับของ Copy Trade เช่นกัน

ข้อดี

  • บริหารโดยผู้เชี่ยวชาญ: เราไม่จำเป็นต้องเทรดเอง ให้ Fund Manager ที่มีประสบการณ์จัดการทั้งหมดแทน
  • แบ่งกำไรตามสัดส่วน: ระบบจะคำนวณกำไร-ขาดทุนและแบ่งตามสัดส่วน% เงินทุนที่ลงไว้ตอนแรก
  • ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ: การลงทุนในระบบ PAMM เป็นแบบเสร็จสรรพ เราแค่ลงทุนครั้งเดียวและรอดูผลลัพธ์เท่านั้น
  • มีสถิติการบริหาร: แพลตฟอร์ม PAMM จะมีข้อมูลสถิติของผู้จัดการกองทุน เช่น ผลตอบแทนย้อนหลัง, drawdown, ระยะเวลาการเทรด ให้เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ

ข้อเสีย

  • ไม่มีความยืดหยุ่น: ไม่สามารถเปิด/ปิดออร์เดอร์เองได้หรือกำหนด SL/TP ต้องยอมรับทุกการตัดสินใจของ Fund Manager
  • ขาดความโปร่งใส: PAMM จะไม่สามารถเห็นได้ว่าผู้จัดการกองทุนกำลังลงทุนกับสินทรัพย์ไหน เท่าไหร่ ไม่ชัดเจน
  • ไม่มีการันตีผลตอบแทน: แม้สถิติการบริหารของผู้จัดการจะดูดีแต่ไม่ได้การันตีผลงานในอนาคตว่าจะทำกำไรเหมือนเดิมได้
ข้อดี-ข้อเสียของระบบ PAMM จะคล้ายกับ Copy Trade เพราะการทำงานใกล้เคียงกันแต่ PAMM จะสะดวกกว่าในแง่ของการลงทุนที่ให้ผู้จัดการควบคุมคนเดียว 100% นักลงทุนไม่ต้องคอยตรวจเช็คบ่อยๆ แต่ก็แลกกับความโปร่งใสที่น้อยกว่าแบบ Copy Trade

สรุป

ไม่ว่าจะเป็น Copy Trade หรือ PAMM ทั้งคู่ต่างเป็นทางเลือกการลงทุนในตลาด Forex และ CDF ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับยุคใหม่นี้ ยุคที่นักลงทุนต้องคำนึงถึงการกระจายความเสี่ยงและการลงทุนในหลายๆ ทาง จะเลือกทางไหนก็ต้องชั่งน้ำหนักความต้องการและคุณสมับติของระบบที่เราจะลงทุนให้ดีนะครับ

หวังว่าผู้อ่านจะกระจ่างถึงความแตกต่างของการลงทุนใน Copy Trade และ PAMM อย่างครบถ้วน และหวังว่าทางเลือกหนึ่งในสองอย่างนี้จะตอบแทนผลลัพธ์เป็นกอบเป็นกำได้นะครับ

ทีมงาน : thaiforexbroker.com

สารบัญ