XAU คืออะไร? ทำไมนักลงทุนถึงเรียกทองคำว่า XAU?

เทรดเดอร์สายทอง เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมทองคำถึงถูกเรียกว่า “XAU”? เบื้องหลังรหัสลับนี้ซ่อนความหมายและเรื่องราวอันน่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และระบบการเงินโลกอะไรบ้าง? และบทความนี้จะพาดำดิ่งสู่โลกของ XAU ไขความลับของสัญลักษณ์นี้ พร้อมเจาะลึกเหตุผลที่นักลงทุนทั่วโลกใช้เรียกทองคำ


ฉบับย่อโดย Thaiforexbroker.com

  • XAU คือ รหัสมาตรฐานสากล ISO 4217 ที่ใช้ระบุทองคำในตลาดการเงิน โดย X หมายถึงสินค้าโภคภัณฑ์ และ AU มาจากภาษาละติน แปลว่าทองคำ
  • ราคา XAU/USD ในตลาด Forex มีความผันผวน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และอุปสงค์-อุปทาน
  • การลงทุนในทองคำ มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ทองคำแท่ง เหรียญทองคำ เครื่องประดับทองคำ กองทุน ETF ทองคำ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Futures) และ Forex (XAU/USD) ซึ่งแต่ละรูปแบบ มีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมกับนักลงทุนแตกต่างกัน

XAU คืออะไร? ความหมายและความสำคัญ

  • ในแวดวงการเงินและการเทรดนั้น สัญลักษณ์ของสกุลเงินต่างๆ จะเชื่อมโยงกับระบบมาตรฐาน ISO 4217 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) กำหนดขึ้น
  • แต่ทองคำไม่ได้ถูกจัดเป็น “สกุลเงิน” แต่เป็น “สินค้าโภคภัณฑ์” ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้รหัสสกุลเงินแบบเดียวกับ USD, EUR, หรือ JPY ISO 4217 จึงได้กำหนดให้ใช้ “X” นำหน้ารหัสสินค้าโภคภัณฑ์
  • สัญลักษณ์ XAU แต่ละตัวอักษรมีความหมายดังนี้
    • ตัวอักษร X ถูกใช้เพื่อบอกว่าสินทรัพย์นั้นเป็น “ดัชนี” หรือ “สินค้าโภคภัณฑ์” ซึ่งในที่นี้ ทองคำถูกจัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ใช่สกุลเงิน
    • AU มาจากคำว่า “Aurum” ในภาษาละติน ซึ่งแปลว่า “ทองคำ” สัญลักษณ์นี้ยังถูกใช้ในตารางธาตุ ในวิชาเคมี ที่ใช้ Au เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุทองคำ
  • XAU เป็นรหัสที่เกิดขึ้นจากความจำเป็นในการมีมาตรฐาน เพื่อใช้ระบุทองคำในตลาดการเงินโลกและด้วยการใช้งานอย่างแพร่หลาย จึงทำให้ XAU กลายเป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับทองคำอย่างแยกไม่ออกในปัจจุบัน
สัญลักษณ์ XAU
สัญลักษณ์ XAU ถูกกำหนดขึ้นตามมาตรฐาน ISO 4217 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) กำหนดขึ้น เพื่อใช้ระบุสกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ

XAUUSD คืออะไร?

  • เทรดเดอร์หลายคนคงจะชินกับ XAUUSD มากกว่า XAU แบบเพียว ๆ นั่นก็เพราะ XAU/USD คือสัญลักษณ์ที่ใช้สำหรับการซื้อขายทองคำแบบ Spot ในตลาด FOREX โดยทองคำ (XAU) จะถูกซื้อขายเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD)
  • ราคาของมันแสดงถึงต้นทุนของทองคำหนึ่งออนซ์ในหน่วยดอลลาร์สหรัฐ เช่น XAU/USD = 2647.85 ก็เท่ากับว่า เราจะซื้อทองคำ 1 ออนซ์ เราจะต้องจ่ายเงิน 2,647.85 ดอลลาร์สหรัฐ
  • ราคา XAU/USD นี้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
    • อุปสงค์และอุปทานของทองคำ
    • ความแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
    • สภาวะเศรษฐกิจโลกและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ
  • ซึ่งนักลงทุนและผู้ที่สนใจสามารถติดตามราคา XAU/USD ได้แบบเรียลไทม์ ผ่านแพลตฟอร์มเทรดหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการข้อมูลการเงิน
หน้าจอการซื้อขายทองคำ (XAU/USD)
หน้าจอการซื้อขายทองคำ (XAU/USD) บนแพลตฟอร์มเทรด Forex มีคอนเซปต์เหมือนกับการเทรดคู่สกุลเงินทั่วไป คือ สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยใช้เครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์ เช่นเดียวกับการเทรด Forex

อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนราคาทองคํา?

แม้ว่าทองคำจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจผันผวน แต่ราคาของทองคำก็ยังคงได้รับผลกระทบจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกอยู่ดี โดยทั่วไปแล้วราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยดังนี้

  • ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับดอลลาร์สหรัฐ : ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการกำหนดราคาทองคำ ดังนั้น เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น (ค่าเงินสูงขึ้น) ราคาทองคำมักจะลดลง ในทางกลับกันเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำมักจะสูงขึ้น
  • ทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง : ในช่วงเวลาที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือวิกฤตการณ์ต่างๆ นักลงทุนมักจะหันมาลงทุนในทองคำ เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงและรักษามูลค่าได้ดี ทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มสูงขึ้นและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
  • อัตราดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากการกำหนดของ FED มักจะส่งผลให้ราคาทองคำลดลง เนื่องจากนักลงทุนจะหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น พันธบัตร
  • อุปทานของทองคำ : ปริมาณการผลิตทองคำจากเหมือง รวมถึงปริมาณทองคำสำรองของธนาคารกลาง ก็มีผลต่อราคาทองคำเช่นกัน หากมีการผลิตทองคำเพิ่มขึ้น หรือธนาคารกลางขายทองคำออกมา อาจทำให้ราคาทองคำลดลง
  • ความต้องการทองคำ : ทั้งในส่วนของการใช้ในอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการใช้ในเชิง การลงทุน เช่น ทองคำแท่ง เหรียญทอง และ ETF ทองคำ หากความต้องหารเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นย่อมส่งผลต่อราคาทองคำ
  • เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ : เหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น สงคราม ความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นของนักลงทุน อาจทำให้ราคาทองคำผันผวนได้
ปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ
ปัจจัยทั้ง 6 อย่างนี้ ล้วนมีความสำคัญและส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดโลก นักลงทุนควรติดตามและวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในทองคำ

การลงทุนในทองคำ (XAU)

การลงทุนในทองคำ (XAU) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหลายคน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน จนเกิดการวิเคราะห์ต่างๆ มากมายว่า ทองคำจะสามารถแตะบาทละ 50,000 ได้หรือไม่? ซึ่งก่อนอื่นเรามาดูช่องทางในการลงทุนในทองคำกันก่อนดีกว่าว่ามีช่องทางไหนกันบ้าง

รูปแบบการลงทุนในทองคำ

  1. ทองคำแท่ง (Physical Gold)
    • สำหรับนักลงทุนที่เน้นความมั่นคงในระยะยาวและต้องการสัมผัสทองคำจริงๆ “ทองคำแท่ง” คือคำตอบที่ชัดเจน
    • ข้อดีคือ มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ง่าย แต่มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและมีความเสี่ยงเรื่องการสูญหายหรือถูกลักขโมย
  2. การซื้อขายทองคำผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Futures)
    • การทำสัญญาซื้อขายทองคำในอนาคตตามราคาที่กำหนดในปัจจุบัน นักเก็งกำไรสามารถใช้สัญญาเหล่านี้ในการทำกำไรจากความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นโดยไม่ต้องถือครองทองคำจริง
    • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร แต่มีความเสี่ยงสูงและต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ ในการลงทุน
  3. การซื้อขายทองคำในตลาด Forex (XAU/USD)
    • การลงทุนรูปแบบนี้ สามารถเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาทองคำเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำกำไรจากความผันผวนผ่านแพลตฟอร์มการเทรด Forex
    • โดยเราสามารถซื้อหรือขายคู่นี้ได้เหมือนการเทรดสกุลเงินอื่นๆ และใช้เทคนิคการวิเคราะห์ราคาเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาด
    • การลงทุนรูปแบบนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น และสามารถรับความเสี่ยงได้สูง
  4. กองทุนรวมทองคำ (Gold ETFs)
    • “กองทุน ETF ทองคำ” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในทองคำ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การถือครองทองคำจริงเท่านั้น
    • นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนนี้ในตลาดหลักทรัพย์ได้ ทั้งสะดวกและมีสภาพคล่องสูง แต่มีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ
    • เมื่อเราซื้อ กองทุน ETF ทองคำแล้ว กองทุนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซื้อทองคำแท่งมาถือครอง โดยเราเป็นเจ้าของหน่วยลงทุนในกองทุน ซึ่งมีมูลค่าอ้างอิงกับราคาทองคำจริงนั่นเอง
  5. หุ้นเหมืองทองคำ (Gold Mining Stocks)
    • นี่คือการลงทุนกับทองคำทางอ้อมที่น่าสนใจ หุ้นเหมืองทองคำ คือ หุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขุดทองคำ โดยเราจะลงทุนในหุ้นของบริษัทเหล่านี้
    • ถ้าราคาทองคำขึ้น บริษัทเหมืองทองคำก็จะขายทองคำได้ในราคาที่สูงขึ้น ทำให้มีกำไรมากขึ้น และนักลงทุนก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงตามไปด้วย
  6. ทองคำออมทรัพย์ (Gold Saving Plan)
    • อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากลงทุนในทองคำจากการสะสมทองคำทีละน้อย โดยมีหลักการคล้ายๆ กับการออมเงิน แต่แทนที่เราจะสะสมเงินสดเราจะสะสมทองคำแทน
    • ผู้ให้บริการ (เช่น ร้านทอง บริษัทหลักทรัพย์) จะมีแผนการออมให้เลือก เช่น ออมรายเดือน ออมรายไตรมาส โดยกำหนดระยะเวลา และจำนวนเงิน (หรือน้ำหนักทองคำ) ที่ต้องการออมในแต่ละงวด
    • เมื่อครบกำหนดตามแผนการออม เราสามารถเลือกรับเป็นทองคำแท่งหรือเหรียญทอง ตามน้ำหนักที่เราสะสมไว้หรืออาจจะขายคืนให้กับผู้ให้บริการเพื่อรับเป็นเงินสดก็ได้
รูปแบบการลงทุนในทองคำ
รูปแบบการลงทุนในทองคำที่หลากหลาย ซึ่งการเลือกรูปแบบการลงทุน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น วัตถุประสงค์การลงทุน ระยะเวลา ความเสี่ยงที่ยอมรับได้และความรู้ความเข้าใจ

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในทองคำในรูปแบบต่างๆ

เรารู้จักรูปแบบการลงทุนในทองคำกันไปแล้ว ซึ่งก็มีทั้ง ลงทุนในทองคำแบบของจริงและลงทุนผ่านทางออนไลน์ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป..

รูปแบบการลงทุน ข้อดี ข้อเสีย
1. ทองคำแท่ง (Physical Gold)
  • มีความมั่นคงสูง
  • ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
  • สภาพคล่องสูง
  • มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ
  • มีความเสี่ยงต่อการสูญหาย
  • ต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่
2. การซื้อขายทองคำผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Gold Futures)
  • ใช้เงินลงทุนน้อย (Margin)
  • มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง
  • ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
  • มีความเสี่ยงสูง
  • มีความซับซ้อน
  • ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจ
3. การซื้อขายทองคำในตลาด Forex (XAU/USD)
  • ใช้เงินลงทุนน้อย (Leverage)
  • มีสภาพคล่องสูง
  • สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีความเสี่ยงสูงมาก (Leverage)
  • ราคาผันผวน
  • ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจ
4. กองทุนรวมทองคำ (Gold ETFs)
  • สะดวกสบาย ซื้อขายง่าย
  • สภาพคล่องสูง มีความโปร่งใส
  • ต้นทุนต่ำ
  • มีความเสี่ยงตามราคาทองคำ
  • มีค่าใช้จ่าย (เช่น ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ)
5. หุ้นเหมืองทองคำ (Gold Mining Stocks)
  • มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง
  • กระจายความเสี่ยง
  • ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ
  • มีความเสี่ยงสูง
  • ราคาผันผวน
  • ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ
6. ทองคำออมทรัพย์ (Gold Saving Plan)
  • สะดวกสบาย
  • ลดความเสี่ยง
  • ได้รับทองคำจริง
  • ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับราคาทองคำ
  • มีค่าใช้จ่าย
  • สภาพคล่องต่ำ

ตารางเปรียบเทียบนี้ แสดงให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสีย ของการลงทุนในทองคำแต่ละรูปแบบ ซึ่งมีความเหมาะสมกับนักลงทุน และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน


คลิปวิโอเกี่ยวกับที่มาของสัญลักษณ์ XAU

ทีมงานของเราไปเจอคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่ทำเนื้อหาการอธิบายที่มาของสัญลักษณ์ XAU ที่ใช้เรียกทองคำ ซึ่งในวิดีโอได้อธิบายได้อย่างเข้าใจได้ง่ายมากๆ พร้อมทั้งมีการตัดต่อที่ดูไหลลื่น เข้าถึงผู้ชมได้ทุกประเภท

  • Focus นาทีที่ 00:01 ที่มาของ XAU

สรุป

สัญลักษณ์ XAU มีที่มาในเชิงของความต้องการเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อป้องกันการสับสนในตลาดการเงินโลก จึงใช้ X ในการกำหนดสินค้าโภคภัณฑ์และ AU ในการเรียกทองคำ ซึ่งเรามักจะพบเห็นสัญลักษณ์นี้บ่อยๆ ในตลาดการเงิน การลงทุนไม่วาจะเป็นแบบ Spot , Future หรือตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ ก็ตาม

ทั้งนี้ สัญลักษร์ที่ดูเหมือนจะเป็นที่คุ้นเคยของเทรดเดอร์มากที่สุดคงหนีไม่พ้น XAUUSD เพราะทั้งสองสินทรัพย์นี้ (ทองคำและดอลล่าห์สหรัฐ) มีความเกี่ยวข้องกันในหลาย ๆ ปัจจัย อีกทั้งในปัจจุบันมีรูปแบบการลงทุนในทองคำที่อยู่ในระบบออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการถือครองทองคำจริงเพื่อการซื้อขายที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น การที่เรารู้เรื่องราวเหล่านี้จะทำให้เราตามทันยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น