การเลือกคู่เงินเทรด

การเลือกคู่เงินเทรด

การเลือกคู่เงินเทรด

               ข้อดีของการเทรดฟอเรกคือมีคู่เงินมากมายให้เลือกเทรดและเดี๋ยวนี้โบรกเกอร์ให้บริการเทรดสินค้าอย่างอื่นไปได้เช่นพวกCFDs,Crypto,Engergicesเป็นต้นแต่สินค้าอย่างอื่นก่อนที่จะเทรดต้องดูเงื่อนไขแต่ละโบรกที่เสนอก่อนเช่นการเรียกmarignอย่างไรมากไปเปล่าเพราะสินค้าฟอเรกจะเรียกmarginน้อยให้เทรดไม่ต้องกังวลมากเกินไปถ้าไม่โอเวอร์เทรด

https://www.youtube.com/watch?v=8i-trCq-EpU

แต่การเทรดฟอเรกแม้มีหลายคู่เงินให้เลือกไม่ใช่ว่าแต่ละคู่จะเหมาะสำหรับเทรดทั้งหมดการเลือกคู่เงินเทรดมีผลต่อการเทรดมากเพราะท่านต้องเลือกคู่เงินที่เข้ากับรูปแบบการเทรดของท่านคู่เงินที่วิ่งช่วงที่เทรดเป็นหลัก ท่านจะได้มีเวลาวิเคราะห์หรือคู่เงินที่มีvolatilityสูงยิ่งเป็นการดีเพราะเมื่อเทรดเราต้องการเทรดตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาไม่ใช่ส่วนมากอยู่โหมดsidewayหรือconsolidaitonเราต้องการเทรดที่มีเทรดเดอร์สนใจเยอะเข้าเทรดเยอะคือมีliquidityเยอะเพราะถ้าเป็นตลาดที่มีliquidityสูงราคาจะไม่ฝันผวนมากหรือไม่โดนปั่นได้ง่าย

               โดยทั่วไปแนะนำให้เทรดเลือกคู่เงินที่มีvolatilityเยอะก็เลือกคู่เงินหลักๆก่อนเช่นEURUSD, USDJPY,GBPUSD,USDCHF,AUDUSD เป็นต้นแต่อีกอย่างหนึ่งที่ขอแนะให้เลือกคู่เงินเทรดด้วยการดู price structureประกอบก่อนว่าเปิดโอกาสให้เทรดหรือเปล่าจากประสบการณ์ที่เทรดมาเมื่อเปิดสแกนดูprice structureของคู่เงินที่จะเทรดโดยส่วนมากจะสแกนทั้งForex Major,Forex Minorsจะเลือกคู่เงินที่มีspread น้อยๆแสดงว่ามีการactiveเยอะและอีกอย่างพยายามเปิดคู่เงินอื่นๆที่สัมพันธ์เปรียบเทียบด้วยเช่นเมื่อเทรด AUDUSDแนะให้ดูAUDJPY,GBPAUD,EURAUDประกอบด้วยเพื่อช่วยยืนยัน

 

โดยการสแกนคู่เทรด ให้ดูชาร์ต D1 เป็นหลัก เพราะถ้าเห็น D1 ชัดเจน แสดงว่าต้องมีกลุ่ม trapped traders ประกอบในโครงสร้างล่าสุด เพราะถ้าชาร์ต D1 ชัดพอลงไป timeframe ย่อย จะเห็นข้อมูลชัดที่จะทำให้เทรดเดอร์พวกนี้ต้องออกจากตลาด

               อย่างเช่น USDCAD ตอนนี้ พอเห็นชาร์ตแบบนี้จะปิดชาร์ตไปเลยไม่พยามหาโอกาสเทรดจากชาร์ตแบบนี้ ถ้ายังสงสัยมองมาทางช้ายมือจะเข้าใจ นี่ถือว่าเป็นข้อดีของการเทรดด้วยชาร์ตก็ว่าได้ ถ้าเราเข้าใจหลักการทำงาน มองมาทางช้ายมือเราสามารถศึกษาด้วยตัวเองได้ หรือหาตัวอย่างประกอบได้

               การสแกนตลาดแต่ละคู่ก่อนเทรด จะช่วยให้ท่านเห็นระยะที่ราคาจะวิ่งแต่ละวันของคู่เงินนั้นได้ง่าย ท่านเลยจำเป็นต้องหาชาร์ตที่เห็น imbalance ที่อยู่ใกล้ เกิดขึ้นเป็นเบื้องต้นก่อน แล้วตามด้วยการวัดระยะทางที่ราคาจะวิ่งสัมพันธ์กับ imbalance แต่ละช่วงว่ามากพอที่จะเทรดหรือเปล่า

               ชาร์ต GBPJPY จะเห็นว่ากรอบเลข 1 แม้มี buyging pressure เข้ามาหลังจากมี บาร์ยาวๆ ขึ้นมาก่อน  แต่ราคาไม่ได้บอกว่าราคาเอาชนะพื้นที่ supply เลข 1 ได้หรือเปล่า และราคาก็ไม่สามารถเบรกลงมาเพื่อไปต่อได้ด้วย แต่ถ้าสมมุติวันที่เราเปิดชาร์ตมาเป็นวันที่อยู่ในกรอบเลข 3 เป็นวันที่ 1 หรือที่ 2 ก็ได้ (ดูบาร์ D1 ในกรอบสีเขียวมี 2 บาร์) ท่านจะพบว่ามี imbalance ความสมดุลย์ออเดอร์ก่อนขึ้นไม่กี่วันเป็นเพราะผลจากการเข้าเทรดของขาใหญ่ที่ต้องการจะดันราคาไปต่อ ที่เรามั่นใจเพราะราคาสามารถเอาชนะ supply พื้นที่เลข 1 ได้ โดย 2 วันนี้เราก็จะเปิดชาร์ต gbpjpy และหาโอกาสเปิด buy เป็นหลัก

               พอเห็นคู่เงินที่มี price structure แบบนี้ท่านเก็เปิดชาร์ตย่อยประกอบ ในที่นี้เป็นชาร์ต H1

               ดูระยะห่างประกอบ วัดจากเส้นล่างไปหาเส่นบน คู่ GBPJPY ตามโครงสร้างนี้ระยะได้ 230 pips ได้ มากพอที่ราคาจะวิ่งไปต่อได้ง่ายและทำกำไร เส้น vertical line เป็นวันแรก ท่านจะเห็นโอากสการเทรดที่ชัดเจนถึง 3 ครั้ง แม้ครั้งที่ 3 ราคาวิ่งไปแล้ว แต่ระยะที่ราคาจะไปยังอีกมาก จนกว่าราคาไปถึงเส้นด้านบนก็ค่อยออก

               อีกอย่างหนึ่ง เมื่อท่านเห็น price structure ของคู่เงินไหนที่ได้เงื่อนไข เช่นท่านเห็นอย่างด้านบน GBPJYP เป็นคู่เงินตระกูล GBP แนะให้ท่านเปิดคู่อื่นที่จับคู่กับค่าเงิน GBP ด้วยเช่น GBPUSD, GBPAUD,GBPCHF,GBPCAD, EURGBP ท่านอาจเห็นโอกาสเดียวกันเกิดขึ้นและยังเป็นการ correlation คู่เงินเป็นการยืนยันการเคลื่อนไหวของคู่เงินนั้นได้

               ดูจากเส้น veretical line ที่ตีไว้เวลา 2019.01.21 ท่านจะเห็นว่าอีก 2 คู่เงินนี้ก็มี price structure แบบเดียวกันมีแต่ EURGBP วิ่งสวนทางกัน แต่โครงสร้างโดยรวมเหมือนกัน เมื่อท่านดูแบบนี้ ท่านจะก็จะได้คู่เงินเทรดเพิ่ม GBPJPY GBPUSD และ EURGBP เป็นต้น

               อีกอย่างหนึ่งในการเลือกคู่เงินเทรด เนื่องจากแนะให้เทรดคู่เงินที่มี volatility ที่มี Liquidity เยอะ ก็ต้องไม่ลืม maket session เพราะถ้าเป็นช่วงที่ตลาดคู่เงินนั้นๆ เปิดราคาก็จะวิ่งดี

ข้อมูลจาก จาก https://www.forexfactory.com/market.php

               หลายๆ เทรดเดรอก็ได้ใช้ Average True Range (ATR) เป็นตัวช่วยวัด volatility แต่ละวันที่จะเทรด แต่หลัการที่เสนอมาแม้จะเน้นเรื่อง volatility แต่มีเรื่องออเดอร์เป็นตัวหลัก และดู price structure ที่เกิดขึ้นเพื่ออธิบายเรื่องออเดอร์ เพราะตลาดฟอเรกแต่ละวันมีการเคลื่อนไหวต่างกันไปตามเกมขาใหญ่ที่ต้องการ เพราะด้วยความที่ขาใหญ่เทรดได้ทุนหนาเลยปั่นราคาและสามารถถือออเดอร์หลายวันได้ถ้าต้องการ  หรือสร้าง price structure เพื่อดึงออเดอร์เข้าตลาดก่อน การดู price structure ของคู่เงินแต่ละวันที่เกิดขึ้นก่อนเพื่อวิเคราะห์แต่ละวันเราจะรู้ว่า วันนี้ครวจะเทรดคู่ไหน เพราะราคาสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตลาด เมื่อท่านเทรดเป็นหรือเข้าใจหลักการทำงานเรื่องออเดอร์และอ่าน price structure เป็น คู่เงินที่วิ่งจะเป็นคู่เงินที่ท่านเลือกเทรด ท่านจะไม่ชอบคู่เงินที่วิ่งในกรอบหรือ sideway เป็นหลัก เพราะหลักการเทรดคือเก็งกำไรจากราคาเคลื่อนไหว ถ้าคู่ไหนไม่เห็น imbalance ที่อยู่ใกล้ๆ ที่เพิ่งเกิดแนะให้หาคู่อื่นเทรด เพราะตลอดฟอเรกมีคู่ให้เลือกเทรดมากมาย  

ทีมงาน : thaiforexbroker.com