ประโยชน์ของ EMA ที่จะช่วยให้คุณทำกำไรในตลาด Forex

ถ้าใครเคยได้อ่านบทความ กลยุทธ์เทรดด้วย EMA 3 เส้น ก็คงจะรู้จักเส้น EMA มาบ้างแล้ว แต่บทความนั้นจะเน้นไปที่การเทรดแบบละเอียด ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงภาพรวมประโยชน์ของเส้น EMA ที่มีต่อการเทรด Forex ครับ

Highlight บทคัดย่อ

EMA (Exponential Moving Average) เป็น MA ประเภทหนึ่งที่คำนวณโดยให้น้ำหนักกับราคาล่าสุดมากกว่าราคาในอดีต ทำให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาได้เร็วกว่า SMA
ประโยชน์หลักของ EMA ข้อ 1 คือช่วยระบุแนวโน้มได้รวดเร็วกว่า SMA ส่วนข้อ2 มันใช้เป็นแนวรับ/แนวต้านแบบไดนามิกได้ (ยิ่ง Period เยอะ ยิ่งแข็งแกร่ง)
ส่วนข้อ 3 เส้น EMA ใช้ระบุสัญญาณการเข้าเทรดได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายมากรวมถึงข้อ 4 ถ้าหาก EMA Period สูงมันจะช่วยกรองสัญญาณรบกวนจาก TF เล็กได้เยอะมาก
ข้อ 5 เส้น EMA สามารถประยุกต์+ยืดหยุ่นใช้ได้กับทุก TF และอินดิเคเตอร์อื่น แต่ต้องระวังในเรื่องการ Set Period ควรต้องเหมาะสมกับสไตล์รวมถึงอย่าใช้แค่ EMA วิเคราะห์อย่างเดียว

EMA คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์มืออาชีพถึงนิยมใช้?

EMA มันคือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) ชนิดหนึ่งครับ แต่มีความแตกต่างกันตรงที่การคำนวณของเส้น EMA จะใช้สูตรที่ให้น้ำหนักกับราคาปัจจุบันมากกว่าราคาในอดีตครับ
เหตุผลที่เทรดเดอร์มืออาชีพนิยมใช้ EMA ก็เพราะ

1. ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้รวดเร็ว
2. ใช้ดูแนวโน้มแม่นยำ ไม่ค่อยมีสัญญาณหลอก
3. ประยุกต์ใช้กับหลาย Timeframe และหลายกลยุทธ์เทรดได้
4. ช่วยระบุแนวรับแนวต้านแบบเคลื่อนไหว (Dynamic)
5. ใช้ระบุสัญญาณเข้าเทรดได้อย่างชัดเจน

วิธีการตั้งค่าอินดิเคเตอร์ EMA บนแพลตฟอร์มเทรด — การ Set Up EMA สำหรับแพลตฟอร์มเทรดพื้นฐานอย่าง MT5 ให้เทรดเดอร์เข้าไปค้นอินดิเคเตอร์ในหมวด Moving Average จากนั้นส่วนของ Method ให้เลือกไปที่ Exponential เพราะ Simple = SMA

5 ประโยชน์ของ EMA ในการใช้เทรด

จากเหตุผลที่เทรดเดอร์นิยมใช้เส้น EMA ในการเทรดมันก็คือประโยชน์ของอินดิเคเตอร์ตัวนี้นั่นเองและนี่ก็คือ 5 ประโยชน์ของเส้น EMA ที่โคตรจะสำคัญต่อการเทรด Forex ครับ

1. ช่วยระบุแนวโน้ม (Trend) ได้เร็วกว่า SMA

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า MA = Moving Average ส่วน EMA = Exponential Moving Average และ SMA = Simple Moving Average
EMA จะใช้สูตรคำนวณที่ซับซ้อนกว่าโดยให้น้ำหนักกับราคาปัจจุบันมากกว่าทำให้เส้นนี้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่าแบบ SMA
พอการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าก็เท่ากับลด Lagging Effect ไปด้วย อย่าลืมอินดิเคเตอร์พวก MA มักจะตามหลังราคาค่อนข้างช้า แต่ EMA จะเร็วกว่า SMA แน่นอน ซึ่งดูจากรูปภาพได้เลยครับ

กราฟเปรียบเทียบความเร็วของเส้น EMA กับ SMA — ในรูปภาพเทรนด์กำลังเปลี่ยนจาก Up Trend เป็น Down Trend ซึ่งเส้น EMA ตอบสนองต่อการเปลี่ยนเทรนด์เร็วกว่าเส้น SMA ชัดเจน

2. ใช้เป็นแนวรับแนวต้านแบบไดนามิก

ประโยชน์ต่อมาอย่างที่หลายคนน่าจะรู้ว่า เส้น Moving Average นั้น เราสามารถใช้มันเป็นแนวรับ/แนวต้านแบบไดนามิกได้ด้วย ก็คือแนวรับ/แนวต้านที่เคลื่อนที่ไปตามแนวโน้มราคาไม่ได้อยู่แค่ระดับราคาใดราคาหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งเส้น EMA เนี่ยจะใช้เป็นแนวรับ/แนวต้านแบบไดนามิกด้วยเช่นกันและหากเลือก EMA Period ที่สูงขึ้นเช่น EMA 100, 200 แนวรับ/แนวต้านของเส้น EMA ก็จะแข็งแกร่งมาก
เพราะถ้า Period สูงจะคำนวณจากข้อมูลราคาจำนวนมากในอดีตร่วมกับปัจจุบัน เช่น EMA 200 จะใช้ราคาปิด 200 แท่งย้อนหลัง ทำให้มันสะท้อนแนวโน้มหลักหรือ “ภาพใหญ่” ของตลาดได้ดีกว่า

เส้น EMA ที่มี Period สูงทำหน้าที่เป็นแนวรับ-แนวต้านที่แข็งแกร่ง — จากรูปภาพเส้น EMA ที่ค่า Period สูง เช่น EMA 200 จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง ราคาจะวิ่งมาทดสอบไม่บ่อยมากยกเว้นจะเปลี่ยนเทรนด์จริงๆ แตกต่างจาก EMA 20,50 ที่ราคามีการ Breakout บ่อย

3. ระบุสัญญาณซื้อ/ขาย ชัดเจน

ประการต่อมาเส้น EMA หากเราใช้ 2 เส้น โดย Period ของแต่ละเส้นแตกต่างกันพอสมควร เช่น EMA 9 และ EMA 21 จะใช้ในการระบุการเข้าเทรดได้อย่างชัดเจน
วิธีใช้ระบุการเข้าเทรดให้ดูการตัดกันของเส้น EMA สองเส้น เช่น ถ้าเราใช้เส้น EMA 9 และ EMA 21
- หากเส้น EMA 9 ตัดขึ้นเส้น EMA 21 = สัญญาณเข้า Buy
- หากเส้น EMA 9 ตัดลงเส้น EMA 21 = สัญญาณเข้า Sell
อีกวิธีหนึ่งก็ใช้ในการให้น้ำหนักว่าเราควรเทรดฝั่งไหน Buy หรือ Sell โดยเราจะดูที่ตำแหน่งราคากับเส้น EMA
- ถ้าราคาวิ่งเหนือเส้น= แนวโน้มขาขึ้น → เล่นหน้า Buy
- ถ้าราคาวิ่งใต้เส้น= แนวโน้มขาลง → เล่นหน้า Sell

สัญญาณขาย (Sell) จากการที่เส้น EMA 9 ตัดลงต่ำกว่าเส้น EMA 21 — เส้น EMA สามารถระบุสัญญาณการเข้าเทรดที่ชัดเจนจากการตัดกันของเส้น EMA ทั้ง 2 เส้นถ้าเส้นตัดลงล่างเป็นโอกาสในการ Sell ถ้าตัดขึ้นบนเป็นโอกาสฝั่ง Buy แต่ถ้าเส้นขนานกันยังไม่ตัดกัน ราคาวิ่งเหนือเส้นให้เล่น Buy วิ่งใต้เส้นให้เล่น Sell

4. ช่วยกรองสัญญาณหลอก (False Signal)

การใช้เส้น EMA ที่ Period สูง เช่น EMA 200 จะช่วยกรองความผันผวนระยะสั้น (Noise) ของตลาดจาก TF เล็กออกไป ทำให้เทรดเดอร์ไม่ต้องกังวลว่าทำไมราคาถึงเปลี่ยนแนวโน้มบ่อย ตราบใดราคายังไม่ตัดเส้น EMA Period ใหญ่ = แนวโน้มยังไม่เปลี่ยน
เส้น EMA Period ใหญ่แบบนี้มีประโยชน์โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่าง Choppy Market ถ้าไปใช้เส้น EMA Period ต่ำ อาจจะโดนสัญญาณหลอกกระจุย

การใช้ EMA 200 ช่วยกรองสัญญาณหลอกใน Timeframe เล็ก — การเทรดบน TF เล็ก เทรดเดอร์จะเจอสัญญาณหลอก+ความผันผวนที่ค่อนข้างบ่อย หากเลือกใช้เส้น EMA Period สูง เช่น EMA 200 จะช่วยกรองเรื่องพวกนี้เยอะ สังเกตจากรูปภาพเส้น EMA 200 เจอ Breakout หลอกน้อยมากเทียบกับ EMA 21

5. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน

เส้น EMA จัดได้ว่าเป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยเฉพาะเมื่อนำไปประยุกต์ใช้กับอินดิเคเตอร์อื่นและ Time Frame ต่าง ๆ
ตัวอย่างการใช้เส้น EMA ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ
- RSI: หาก RSI เข้าเขต oversold และราคาสัมผัส EMA แนวรับ = มีโอกาสกลับตัวขึ้นสูง
- MACD: ใช้เส้น EMA ช่วยยืนยันสัญญาณ MACD crossover
ส่วนการใช้เส้น EMA กับ Timeframe ต่างๆ ก็จะแตกต่างกันไปตามสไตล์การเทรด เช่น
- TF เล็ก: ใช้เส้น EMA Period สั้นๆ เพื่อหาจังหวะเข้าเทรดสไตล์ Scalping
- TF ใหญ่: ก็จะใช้ดูใช้ดูแนวโน้มหลัก, แนวรับแนวต้าน เพื่อเทรดในสไตล์ Swing Trade หรือ Position

การใช้เส้น EMA เป็นแนวรับร่วมกับอินดิเคเตอร์ RSI ในโซน Oversold — จากรูปภาพคือตัวอย่างการใช้ EMA ร่วมกันอินดิเคเตอร์ RSI ซึ่งราคากำลังวิ่งมาแตะเส้น EMA 200 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับแข็งแกร่งอยู่ + กราฟ RSI กำลังเข้าโซน Oversold พอดี จึงเป็นโอกาสที่ราคาจะกลับตัวสูง

ข้อควรระวังเมื่อใช้ EMA

เอาจริงๆ เส้น EMA มีประโยชน์แบบย่อยอีกมากมายแต่ก็มีข้อควรระวังที่เทรดเดอร์ควรเข้าใจก่อนจะเริ่มใช้งานเส้น EMA ดีกว่าไปเจอข้อจำกัดในระหว่างเทรด บางคนอาจจะทำตัวไม่ถูกส่งผลเสียต่อการเทรดได้

1. EMA ไม่เหมาะกับช่วง Sideway

ก็จริงอยู่ที่ว่าบางเส้น EMA จะกรองสัญญาณหลอกได้ แต่ถ้าตลาดมันเป็นแบบ Sideway/Choppy มันจะเพิ่มความยากในการกรองเข้าไปอีก ดังนั้นสภาวะแบบนี้ Indicators พื้นฐานอย่าง EMA อาจจะไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด

2. เลือก Period ให้เหมาะสม

Period ของเส้น EMA สามารถปรับได้หลาย Period มาก การจะเลือกใช้ Period ต้องคำนึงถึงสไตล์การเทรดของตัวเองและ Timeframes หลักในการเทรด เพื่อให้เส้น EMA ทำงานได้ผลดีที่สุด เช่น
- หากตั้งค่าสั้นเกิน (เช่น EMA 5) ก็จะอ่อนไหวต่อ Noise และผันผวนง่าย แต่ถ้าตั้งค่านานเกิน (เช่น EMA 200 บน TF เล็ก) สัญญาณจะช้า ไม่ทันจังหวะเข้าออก

3. อย่าใช้ EMA ตัวเดียวในการตัดสินใจเทรด

แนะนำให้ศึกษาเรื่อง Confluence ในการเทรดก่อน เพราะเส้น EMA เพียงตัวเดียวไม่เพียงพอต่อการวิเคราะห์แบบเชิงลึกให้แม่นยำได้ อย่างน้อยควรมีเครื่องมือหรืออินดิเคเตอร์มาช่วย 2-3 ตัว

ข้อควรระวัง 3 ข้อในการใช้งานอินดิเคเตอร์ EMA — แม้จะมีข้อดี+ประโยชน์มากมายแต่เทรดเดอร์ต้องระวังในเรื่องของการใช้เส้น EMA ในช่วง sideway รวมถึงการเลือก Period ให้เหมาะกับตัวเองและอย่าลืมว่าเส้น EMA ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เพื่อความแม่นยำด้วย

วิดีโอเกี่ยวกับเส้น EMA

ปัจจุบันนี้การมี AI เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเป็นสิ่งที่กำลังเติบโตในทุกอุตสาหกรรมเลยครับ และแน่อนในวงการเทรด Forex ก็เคยมีคนลองใช้งาน Chat GPT ในการช่วยเทรดคือให้ช่วยหาค่า Period ของ EMA ที่แม่นยำที่สุด อยากบอกว่าผลลัพธ์มันน่าสนใจมาก ลองติดตามรับชมกันครับ

Focus นาทีที่ 00:42 ChatGPT แนะนำค่า EMA 3 ค่า และเทรดเดอร์ได้เลือกใช้ EMA 10, 50, 200 มาทดสอบ
Focus นาทีที่ 02:22 ผลการทดสอบจากการใช้งานจริง 3 ปี + ผลลัพธ์ Equity
Focus นาทีที่ 04:18 กลยุทธ์การเทรดด้วย EMA Crossover
Focus นาทีที่ 07:44 ข้อแนะนำเพิ่มเติม

สรุป

ประโยชน์ของเส้น EMA นั้นตอบโจทย์สำหรับการเทรด Forex และการวิเคราะห์พื้นฐานตามตัวอย่าง 5 ข้อที่นำเสนอไปในบทความนี้ครับ ซึ่งเทรดเดอร์มือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเทรด Forex อยากให้ EMA เป็นเครื่องมือในการเริ่มต้นเทรด Forex ไปก่อนครับเพราะง่ายและปรับใช้ได้หลากหลายมาก

แต่ว่า EMA นั้นมันไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ครบครันไปในทุกๆ เรื่อง ตรงนี้จึงอยากจะฝากให้เทรดเดอร์ทุกคนอย่าไปคาดหวังว่าการใช้เส้น EMA ในการวิเคราะห์อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว ระวังจะโดนตลาดสอนบทเรียนเอานะครับ