ถ้าพูดถึงการเทรดคู่เงินหลักในตลาด Forex เชื่อว่าหลายคนต้องมีคู่ USDJPY อยู่ในลิสต์แน่นอน คู่เงิน 2 สกุลนี้คือขั้วมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจากฝั่งเอเชียและอเมริกา ความสัมพันธ์ของคู่เงิน USDJPY ยังมีอะไรที่น่าสนใจและชวนติดตามอย่างมากในบทความนี้มีมาเสิร์ฟให้ถึงที่แล้วครับ
Highlight บทคัดย่อ
- Correlation ของคู่เงินในตลาด Forex คือการดูว่าคู่เงิน 2 คู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน (Positive Correlation) หรือทิศทางตรงกันข้าม (Negative Correlation)
- สำหรับคู่เงิน USDJPY จะดู Correlation ผ่านดัชนี Dollar Index (DXY) และ Yen Index (JXY)
- DXY คือดัชนีที่ใช้วัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล
- ในขณะที่ JXY คือดัชนีที่ใช้วัดค่าเงินเยนญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ
- การใช้ Correlation เพื่อวิเคราะห์คู่เงิน USDJPY สามารถทำได้โดยใช้ DXY เป็นตัวนำทางและ JXY เป็นตัวเสริม เช่น หาก DXY แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและ JXY อ่อนค่าลง ก็จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าควรเปิดสถานะ Buy USDJPY
- การใช้ Correlation มีข้อดีคือช่วยยืนยันสัญญาณเทรด, บริหารความเสี่ยงและช่วยให้เข้าใจปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาได้ลึกซึ้งขึ้น แต่มีข้อจำกัดคือความสัมพันธ์ของคู่เงินไม่คงที่ตลอดเวลา จึงต้องติดตามอย่างสม่ำเสมอ
Correlation ใน Forex
- Correlation คือความสัมพันธ์ในการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินต่างๆ มันคือการดูว่าคู่เงิน 2 คู่ มีแนวโน้มที่จะวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน (Positive Correlation), ทิศทางตรงกันข้าม (Negative Correlation) หรือไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย (No Correlation)
- ซึ่งเทรดเดอร์ที่เทรดหลายคู่เงินความสัมพันธ์นี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันจะเอาไว้ใช้ในการวางแผน + บริหารความเสี่ยง เช่น
- และเมื่อตอนเกริ่นนำเราพูดถึงคู่เงิน USDJPY โดยคู่เงินนี้จะมีความสัมพันธ์กับ DXY = Dollar Index และ JXY = Yen Index โดยตรง

Dollar Index (DXY) คืออะไร?
- Dollar Index หรือ DXY คือดัชนีที่ใช้วัดมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักของโลกทั้ง 6 สกุล
- การอ่านกราฟ DXY คร่าวๆ คือถ้า DXY ขึ้น = ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินทั้ง 6 แต่ถ้า DXY ลง = ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินทั้ง 6
- DXY จึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่เทรดเดอร์ Forex, ทองคำ, น้ำมันและสินทรัพย์ต่างๆ ใช้ติดตามเพื่อประเมินทิศทางตลาดการเงินโลกนั่นเอง

Yen Index (JXY) คืออะไร?
- Yen Index คือดัชนีที่ใช้วัดมูลค่า (แข็งหรืออ่อน) ของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เมื่อเปรียบเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักอื่น คล้ายๆ กับ Dollar Index (DXY) ที่ใช้วัดค่าเงินดอลลาร์เลยครับ
- แต่ตระกร้าสกุลเงินของ JXY ต่างจาก DXY ที่เป็นมาตรฐานกลางของโลก JPY Index ไม่มีมาตรฐานแบบตายตัว และน้ำหนักสกุลเงินในตะกร้าก็ขึ้นกับสูตรที่ผู้จัดทำเลือกใช้

การใช้ Correlation เทรด USDJPY
การเทรด USDJPY ต้องใช้ Correlation กับ DXY และ JXY เพราะคู่เงินนี้คือการ “ต่อสู้กัน” โดยตรง ดัชนีทั้งสองจะสะท้อนความแข็งค่าในภาพรวมตลาด ทำให้เราวิเคราะห์ได้แม่นยำกว่าการวิเคราะห์แค่กราฟคู่เงิน USDJPY อย่างเดียว
1. ใช้ Dollar Index เป็นตัวนำทาง
- ถ้า DXY แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง = แนวโน้ม USDJPY มักจะขยับขึ้นตาม (เพราะ USD แข็ง)
- ถ้า DXY อ่อนค่าลงแรง = มีโอกาสที่ USDJPY จะอ่อนตาม (เพราะ USD อ่อน)
2. ใช้ Yen Index เป็นตัวเสริม
- ถ้า DXY ขึ้น + JXY ลง = สัญญาณ Buy USDJPY แข็งแรงมาก
- ถ้า DXY ลง + JXY ขึ้น = สัญญาณ Sell USDJPY ชัดเจน
- ถ้า DXY และ JXY เคลื่อนสวนกันแรงๆ ก็เทรดได้มั่นใจขึ้น (สัญญาณชัด) เหมือนเอาสองตัวมาประกบกันเพื่อยืนยันทิศทาง
3. ใช้คู่เสริมในการยืนยัน
- บางครั้งกราฟ USDJPY ทำทรงขึ้นแต่ DXY ไม่ได้ขึ้นตาม อาจจะเป็นเพราะเงินเยนอ่อนค่าไม่ใช่เพราะเงินดอลลาร์แข็งค่า เราอาจจะไม่มั่นใจที่จะเทรด
- ต้องมีคู่เงินเสริมเพื่อยืนยันทิศทางด้วย เช่น EUR/USD (คู่ตรงข้าม USD) ถ้า EUR/USD ลงแรง + USD/JPY ขึ้น แปลว่า USD แข็งจริงหรือดู EURJPY ถ้า EURJPY ลงแต่ USDJPY ขึ้น = ความแข็งมาจาก USD ไม่ใช่ JPY

- ลองดู DXY ตั้งแต่ช่วงตุลาคม-ต้นปี 2025 จะเห็นว่า DXY ทำทรงขึ้นแสดงถึง USD แข็งค่า

- ลองดู JXY ในช่วงเวลาเดียวกัน (ตุลาคม-ปีใหม่ 2025) จะเห็นว่าค่าเงินเยนอ่อนค่าลง
- สิ่งที่เราตระหนักได้ในช่วงเวลานี้คือ การเทรด USDJPY ควรเน้นเล่นที่ฝั่ง Buy ไหม? เราไปดูกราฟราคา USDJPY ในช่วงเวลาเดียวกันครับ

- จะเห็นว่าช่วงเวลาดังกล่าวราคา USDJPY ก็ทำ Trend ขึ้น ซึ่งถ้าเราเล่น Buy ตาม DXY/JXY ที่เราวิเคราะห์ไป ยังไงก็มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า
- ขอย้ำว่าการใช้ Correlation ก็เพื่อเป็นปัจจัยเสริมในการวิเคราะห์เพื่อให้น้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น รายละเอียดการเข้าเทรดเราก็ยังต้องใช้ Price Action, Indicators หรือ ระบบเทรด แบบเฉพาะอยู่ดี
ข้อดีและข้อจำกัดของการใช้ Correlation
เราไปดูข้อดีและข้อจำกัดในการใช้ Correlation มาช่วยการเทรดว่ามันดียังไง? และในแง่มุมไหนที่เราควรใช้มันอย่างระมัดระวังบ้าง?
ข้อดี
- ยืนยันสัญญาณเทรด: Correlation ถือว่าเป็นหนึ่งใน Confluence ที่มีน้ำหนักมาก ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์และ Price Action เพื่อยืนยันสัญญาณได้
- บริหารความเสี่ยง: การรู้ความสัมพันธ์ของคู่เงิน เราจะกระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น เช่น หากเปิด Buy EURUSD แล้วเราก็ไม่ควรไปเปิด Buy GBPUSD เพิ่มอีก เพราะจะมีความเสี่ยงในทิศทางเดียวกันเป็นสองเท่า
- เข้าใจปัจจัยขับเคลื่อนราคาแบบเชิงลึก: ปัจจัยที่ทำให้กราฟขยับเราอาจจะรู้แบบพื้นฐาน แต่ Correlation จะช่วยให้รู้ลึกขึ้น เช่น เมื่อ USDJPY ขึ้น แต่ DXY นิ่ง หมายความว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้มาจากความแข็งแกร่งของ USD แต่มาจากความอ่อนแอของ JPY
ข้อจำกัด
- ความสัมพันธ์ไม่คงที่: Correlation ไม่ได้เป็นค่าคงที่ตลอดเวลา ดังนั้นถ้าจะใช้มันก็ต้องติดตามอย่างสม่ำเสมอ
- ยากสำหรับมือใหม่: เทรดเดอร์ที่เพิ่งเริ่มต้นแค่ดูกราฟอย่างเดียวก็งงแล้ว ยิ่งต้องมาดู 2-3 กราฟเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างกัน ก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
- เป็นปัจจัยเสริมเท่านั้น: Correlation ไม่ได้ให้สัญญาณเข้าเทรดโดยตรง ควรใช้อินดิเคเตอร์หรือ Price Action ด้วย อย่าเข้าใจผิดไปใช้มันเพียงอย่างเดียวล่ะ

วิดีโอเกี่ยวกับ Correlation
ในคลิปนี้จะพูดถึงการใช้ TradingView สำหรับ การเทรดด้วย ความสัมพันธ์ (Correlations) ระหว่างสินทรัพย์ อาจจะมีทั้งหุ้น, Forex ปนๆ กันไป แต่ถือว่ามีประโยชน์และน่าสนใจครับ ว่า “วิธีการ” ที่เขาใช้นั้น ทำอย่างไร…
- Focus นาทีที่ 01:04 เริ่มจากอธิบายแนวคิดหลักของความสัมพันธ์ (Correlations)
- เครื่องมือใน TradingView: มี 2 วิธีในการดูความสัมพันธ์
- ฟังก์ชัน ‘Compare’ นาทีที่ 01:53
- ตัวบ่งชี้ ‘Correlation Coefficient’ นาทีที่ 05:00
- Focus นาทีที่ 09:29 ตัวอย่างการเทรด EURUSD และ GBPUSD โดยเน้นมองหาจุดที่ราคาวิ่งสวนทางกันและใช้โอกาสนี้ในการซื้อและขายสวนทางกัน
สรุป
การใช้ Correlation เทรดคู่เงิน USD/JPY เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือเสริมการเทรดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะครับ…โดยเฉพาะการใช้ DXY/JXY มาช่วยในการวิเคราะห์ สำหรับบางคนถือว่าเป็นเรื่องใหม่และอาจจะต่อยอดจากความรู้ตรงนี้เพื่อหาระบบเทรดเจ๋งๆ มาทำกำไรก็ได้
ยังไงก็ตามอยากจะฝากถึงเทรดเดอร์ทุกคนว่าควรใช้ Correlation ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ที่ทีมงานได้สอนไปในบทความอื่นๆ ด้วยนะครับเพื่อกรองสัญญาณให้แม่นยำขึ้น หวังว่าความรู้ครั้งนี้จะตามมาพร้อมกับกำไรก้อนโตนะครับ
อ้างอิง
- Currency Correlation: https://www.babypips.com/tools/currency-correlation
- Dollar Index: https://thaibrokerforex.com/dollar-index
- ระบบเทรด: https://forexthai.in.th/forex-trading-system
- Federal Reserve: https://thaibrokerforex.com/federal-reserve-bank/
ทีมงาน: thaiforexbroker.com

