วิธีอ่าน price structure หาความน่าจะเป็นการเปลี่ยนเทรน
ปกติเมื่อเราดูเทรน การที่เทรนจะไปต่อ เช่นกรณี เทรนขาขึ้น ราคาต้องสามารถทำ higher highs ตามด้วย higher lows ได้และ new highs เราก็จะถือว่าเป็น resistance ปกติ ถ้าราคาทำเทรนราคาต้องเบรคแล้วไปทำ higher high ใหม่ แต่ทางกลับกันถ้าราไม่สามารถเบรคและปิดบนได้ แต่ตรงกันข้ามราคาเบรคและปิดล่าง low ได้ตอนนี้ต้องรู้ว่าราคากำลังสื่อสารข้อมูลใหม่กับท่าน
ที่เลข 1 เป็น Higher High ปกติที่ตามแต่ราคาลงมาที่เลข 2 ราคาก็ทำหรือตามด้วย Higher low แต่หลังจากราคาทำ Higher low เลข 2 ราคาไม่สามารถเบรคและปิดบนและทำ higher high ใหม่ได้อีก แต่ตรงกันข้ามที่ลข 3 กลับเป็น Lower High แรกที่เกิดขึ้น หากท่านดูตอนทำเทรนขึ้นมาจะเห็นว่าราคาทำ higher highs ตามด้วย higher lows เราสามารถถือได้ว่า Higher high แต่ละจุดเป็น Resistance level ราคาขึ้นมาต่อได้เมื่อราคาเบรค resistance level ที่ high และไปทำ new high ใหม่ได้
มาดูที่เลข 4 หลังจากราคาทำ Lower high เพราะไม่สามารถเบรค Higher High ที่เลข 1 ได้แต่ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลมากพอที่จะสื่อถึงการเปลี่ยนเทรน เราอาจนับเป็นว่าไม่มีเทรดเดอร์อยากจะเปิด buy ต่อเพราะราคาขึ้นมาเยอะ จุดที่ทำกำไรน้อยแล้ว และถ้าเปิดไปก็จะเสี่ยงสูงหรือแล้วแต่เหตุผล ที่ชาร์ตบอกเราคือ buy market orders ไม่มากพอที่จะเบรค sell limit orders ที่ higher high ความสำคัญอยู่ตรงที่บาร์ที่ลูกศรชี้ ราคาสามารถเบรค low ที่เลข 2 ได้ด้วยบาร์ยาวๆ และปิดต่ำกว่าได้ด้วย ตรงนี้ละที่เราจะเริ่มมองหาหรือหาโอกาสเทรด trend reversal
แค่ดูว่า higher highs ตามด้วย higher lows และตามด้วย lower high ยังไม่พอ เราต้องการเห็นร่องรอยที่เปิดเผยว่ามีความต้องการเข้าเทรดจริงๆ เป็นสำคัญประกอบด้วย ดูลักษณะที่ราคาเบรคและปิดที่ level นั้นๆ หลักการนี้สามารถประยุกต์เข้ากับการมอง support/resistance ได้หมด
พอราคามาถึงที่เลข 5 ตอนนี้เราสามารถถือได้ว่ามีการเปลี่ยนเทรนเพราะราคาได้ทำ lower high ก่อนที่เลข 3 และ ตามด้วย lower low ที่เลข 5 จุดต่อไปเราก็สามารถคาดได้ว่าราคาน่าจะทำ Lower high ต่อ
มองย้อนดูปริบทที่เกิดขึ้นจากเลข 1 จนมาถึง เลข 5 ท่านจะเห็นว่าชาร์ตบอกนัยหลายอย่าง หรือถ้าเข้าใจเรื่อง order flow ก็จะมองออกว่าขาใหญ่สร้าง price structure นี้เพื่อเข้าเทรดอย่างไร หรือมองแบบ momentum หรือ impulsive move ท่านจะเห็นว่าเกิดที่เลข 3 มาถึงเลข 5 ท่านจะเห็นว่า impulsive move เกิดเพราะขาใหญ่เข้าเทรดและต้องการเอาชนะพื้นที่ตรงข้าม การที่ราคาชนะฝั่งตรงข้ามโดยเฉพาะที่เป็น demand/support ตามภาพตัวอย่างเป็นเรื่องจำเป็นเพราะ จะทำให้มี trapped traders เกิดขึ้น เพราะเทรดเดอร์พวกนี้จะเป็นแหล่งที่มาออเดอร์แบบที่ต้องเกิดเพราะต่างกันไปคือถ้าเป็นเทรดเดอร์ที่รอเข้าจะไม่เดือดร้อนเพราะจะเข้าเทรดหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเทรดเดอร์ที่มีออเดอร์ที่เปิดอยู่ในตลาด อย่างในตัวอย่าง trapped traders ที่เลข 2 เพราะเป็นเทรดเดอร์ที่เปิด long positions ตั้งแต่ราคาลงมาเทสหรือมาทำ higher low ที่เลข 2 ตอนแรก เลยมาถึงตอนที่ราคาเบรคลงไปอย่างรวดเร็ว ราคามาถึงพื้นที่เลย 6 ดูลักษณะที่ราคามาถึงพื้นที่นี้มาแล้วเด้งไม่สามารถปิดบนได้เลย มีก่อนบาร์สุดท้าย ถึอว่าปิดบนมาหางบาร์น้อยมากแต่บาร์ต่อมาราคาก็ลงอีกแบบเดิม trapped traders พวกที่ว่าเริ่มไม่มีทางเลือกแค่ว่าจะเสียน้อยหรือเสียมากเลยทำให้จำต้องออก เลยมีแต่ sell market orders เข้ามา ยิ่งพอราคาปิดใต้กรอบสีเขียวก็ตรรกะแบบเดียวกับที่ทำด้านบน และสังเกตดูว่าราคามักจะเทรดที่พื้นที่มี trapped traders เป็นหลัก เพราะขาใหญ่ต้องการออเดอร์จากพวกนี้ด้วยในการออกจากตลาดเพื่อเร่งราคา
จะเห็นว่าความสำคัญของลักษณะราคาเบรคและราคาปิดไม่มีหางบาร์เลยยิ่งดี เมื่อเกิดขึ้นตรงจุดที่เป็นการพัฒนาการของเทรนสื่อความหมายอะไรให้ท่านได้เยอะมาก
ภาพนี้จุดเลข 1 จะเป็นแบบที่ยกตัวอย่างภาพด้านบนตอนลงมา แต่ท่านจะไม่เห็นราคาทำ lower high ก่อนแบบด้านบน แต่ราคาทำ Lower low นั่นบอกว่า จุดแรกที่เข้าเทรดห่างจากจุดที่เบรคที่เข้าเทรดอีกรอบระยะห่างเยอะ ถ้าราคาลงไปทำ Lower low แล้วราคาอาจมาทำ Lower High ที่การเข้าเทรดครั้งแรกหรือที่จุดเบรคก็ได้จะเห็นบ่อยแบบนี้ ตอนที่ราคาเบรคลงทำให้เริ่มมองหากลับเทรนจะเห็นชัดที่บาร์หลังจากบาร์ที่ราคาเบรคและปิดราคาเด้งกลับมาและมีหางยาวๆ เกิดขึ้นเพราะ trapped traders บางส่วน
วิธีเบื้องต้นเมื่อท่านหาพื้นที่เป็นเช่น แนวรับ แนวต้าน สิ่งที่สำคัญที่บอกมาคือ ศึกษาดูว่าราคาเข้าถึง ราคาเจาะพื้นที่ได้เปล่า (เพราะมองพื้นที่เป็นโชนๆ) ถ้าราคาเบรค ราคาเบรคอย่างไร ราคาปิดอย่างไร ราคาเด้งจากพื้นที่อย่างไร พวกนี้ก็จะให้ท่านเห็นปริบทของแต่ละจุดที่เกิดขึ้นแบบไดนามิคได้ ภาพล่าสุดท่านจะเห็นว่าราคากลับมาถึงพื้นที่ ราคาก็เด้งอย่างภาพแรก แต่ท่านดูราคาเด้งออกมาบาร์สั้นๆ และ 2 บาร์ตามก็อยู่แถวพื้นที่เดียวกัน ราคาไม่สามาถปิดต่ำกว่า demand ที่เกิดใกล้ๆ ได้ราคาขึ้นไปเบรคและปิดบนอีก เลยทำให้ราคาขึ้นไปต่อจนถึง Lower High ด้านบนค่อยลง นั่นเลยบอกว่าเมื่อท่านดู dynamic support/resistance ในที่นี้คือ high/low ที่เกิดขึ้นตอนราคาวิ่งไปเบรคหรือเด้ง ดูลักษณะการวิ่งเช่น บาร์ยาวๆ แล้วราคาปิดประกอบท่านจะเห็นความเป็นไปได้เปลี่ยนไปตลอด ว่าราคาจะไปทางไหนก่อน และให้มองพื้นที่ๆ มีพวก trapped traders ประกอบให้ดี ว่ามีเงื่อนไขอะไรที่จะทำให้พวกนี้ออกจากตลาด แล้วท่านจะมองหาเป็นว่าราคาจะเปลี่ยนเทรนตอนไหน ตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ราคาทำ swings หรือราคาเปลี่ยนข้างเลย
ทีมงาน : thaiforexbroker.com