ประเทศออสเตรเลียฟังดูเหมือนจะเป็นดินแดนที่ไกลจากตัวเรามากๆ แต่รู้ไหมว่า ประเทศออสเตรเลียนั้นใกล้ชิดกับประเทศไทยเรามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งองค์กรหนึ่งที่สำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจของออสเตรเลียก็คือ RBA (Reserve Bank of Australia) หรือธนาคารกลางออสเตรเลีย เพื่อให้เข้าใจกับธนาคารกลางออสเตรเลียมากขึ้น บทความนี้จึงเตรียมเนื้อหาสำคัญหลายอย่างเพื่อเจาะลึกและเข้าใจกลไกการทำงานขององค์กรนี้
ฉบับย่อโดย Thaiforexbroker.com
- RBA (Reserve Bank of Australia) หรือ ธนาคารกลางของออสเตรเลีย มีหน้าที่ดูแลเสถียรภาพค่าเงิน ระบบการเงิน และออกธนบัตร โดยมีเป้าหมายคุมเงินเฟ้อที่ 2-3%
- อัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุด ในการควบคุมเศรษฐกิจ โดยขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อและลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- RBA มีคณะกรรมการกำหนดนโยบาย นำโดยผู้ว่าการ RBA และสมาชิกจากหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันประชุมหารือและตัดสินใจในการกำหนดนโยบายทางการเงิน
- ปัจจัยที่จะส่งผลต่อภาพรวมของออสเตรเลียรวมถึงค่าเงินดอลล่าออสเตรเลีย ดูเหมือนจะต้องพึ่งพาการค้าขายระหว่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกแร่ธาตุ
ทำความรู้จักกับ RBA และภารกิจหลักที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ
- The Reserve Bank of Australia (RBA) คือธนาคารกลางของออสเตรเลีย ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติธนาคารกลางปี 1959
- มีหน้าที่หลักในการดูแลเสถียรภาพของสกุลเงิน ส่งเสริมการจ้างงานและสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสวัสดิการของชาวออสเตรเลีย
- RBA จะดำเนินการตามเป้าหมายเหล่านี้โดยผ่านภารกิจสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
- นโยบายการเงิน : RBA ดำเนินนโยบายการเงินเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2-3%
- เสถียรภาพระบบการเงิน : RBA จะทำงานเพื่อรักษาระบบการเงินและระบบการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ
- การออกธนบัตร : RBA เป็นผู้ออกธนบัตรของประเทศออสเตรเลียและให้บริการด้านการธนาคารแก่รัฐบาลออสเตรเลียและหน่วยงานต่างๆ
- RBA ยังรับผิดชอบในการบริหารจัดการทองคำและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของออสเตรเลียอีกด้วย
อัตราดอกเบี้ย
RBA จะใช้กลไกการปรับขึ้น-ลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบ อัตราเงินเฟ้อและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนี้…
- ขึ้นอัตราดอกเบี้ย : เมื่อ RBA ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารพาณิชย์ก็จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตาม ทำให้ต้นทุนในการกู้ยืมสูงขึ้น ธุรกิจชะลอการลงทุนและการใช้จ่าย ปริมาณเงินในระบบลดลง ช่วยลดเงินเฟ้อ
- ลดอัตราดอกเบี้ย : เมื่อ RBA ลดดอกเบี้ยนโยบาย ต้นทุนในการกู้ยืมลดลง กระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่าย เพิ่มปริมาณเงินในระบบ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชน
- ภาคธุรกิจ : อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเพิ่มต้นทุนทางการเงินของธุรกิจ อาจทำให้ธุรกิจชะลอการลงทุน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ช่วยลดต้นทุน กระตุ้นการลงทุนและการขยายธุรกิจ
- ประชาชน : อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ส่งผลให้ประชาชนมีเงินเหลือใช้จ่ายน้อยลง ในทางกลับกัน อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยลดภาระหนี้สินและเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน

บทบาทของ RBA ในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ กรณีศึกษา ปี 2022-2023
ช่วงปี 2022-2023 ออสเตรเลียเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น RBA ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 0.1% ในเดือนเมษายน 2022 เป็น 4.1% ในเดือนมิถุนายน 2023 การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนี้ส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวลง แม้จะยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2-3% ก็ตาม
ผู้ดูแลระบบเงินตรา: การออกธนบัตรและเหรียญกษาปณ์
นอกจากการกำหนดนโยบายการเงินแล้ว RBA ยังรับผิดชอบในการออกธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพียงพอต่อความต้องการ
- ธนบัตร : RBA เป็นผู้ออกธนบัตรของประเทศออสเตรเลีย โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและเพิ่มความทนทานในการใช้งาน
- เหรียญกษาปณ์ : RBA ร่วมกับ Royal Australian Mint เป็นหน่วยงานรัฐบาลที่รับผิดชอบในการผลิตเหรียญกษาปณ์ ในการออกแบบและผลิตเหรียญกษาปณ์
- ความสำคัญของการออกธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ก็คือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบเงินตราและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
บุคคลสำคัญและโครงสร้างการตัดสินใจของ RBA
เรื่องของบทบาทหน้าที่และเป้าหมายของ RBA ก็ผ่านไปแล้ว ทีนี้มาดูเรื่องโครงสร้างองค์กรของ RBA กันบ้างว่า องค์นี้มีการทำงานในลักษระไหนและใครคือบุคคลสำคัญในการออกนโยบายแต่ละครั้ง
- คณะกรรมการธนาคารกลางออสเตรเลีย (Reserve Bank Board) คือกลุ่มบุคคลสำคัญที่มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายต่างๆ ของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ยกเว้นนโยบายเกี่ยวกับระบบการชำระเงิน
- คณะกรรมการประกอบด้วยสมาชิก 9 คน ดังนี้
- สมาชิกโดยตำแหน่ง (Ex officio members): 3 คน ได้แก่ ผู้ว่าการ RBA (ประธานกรรมการ) รองผู้ว่าการ RBA (รองประธานกรรมการ) และเลขานุการกระทรวงการคลัง
- สมาชิกที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร (Non-executive members): 6 คนได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- คณะกรรมการจะประชุม 8 ครั้งต่อปี การประชุมจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น อัตราเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
โครงสร้างองค์กร RBA
- ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คนปัจจุบันคือ มิเชล บัลล็อค (Michele Bullock) เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา นับเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้
- รองผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (Deputy Governor) คือ Andrew Hauser เข้ารับตำแหน่ง วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
- เลขานุการกระทรวงการคลัง (Secretary to the Australian Treasury) คือ Steven Kennedy
- ประธานคณะกรรมการ (Reserve Bank Board Remuneration Committee) คือ Ian Harper
- คณะกรรมการตรวจสอบ (Reserve Bank Board Audit Committee) คือ Carolyn Hewson
- คณะกรรมการกําหนดค่า (Reserve Bank Board Remuneration Committee) คือ Iain Ross
- ประธาน – Australian Business Growth Fund : Elana Rubin
- ประธาน – คณะกรรมการกําหนดค่า : Carol Schwartz
- ประธาน – คณะกรรมการตรวจสอบของธนาคารกลาง : Alison Watkins

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและการตัดสินใจของ RBA
ใครที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับออสเตรเลีย พลาดไม่ได้เลยที่จะต้องรู้ถึงปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และการตัดสินใจของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)
- เมื่อเศรษฐกิจโลกขยายตัว ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์จากออสเตรเลียก็เพิ่มขึ้น หนุน AUD ให้แข็งค่า เพราะ ออสเตรเลียส่งออกแร่เหล็ก ถ่านหิน LNG เยอะมาก หากสินค้าเหล่านี้ราคาสูง AUD ก็แข็งค่าขึ้นตาม
- ธนาคารกลางทั่วโลกแข่งกันขึ้นดอกเบี้ย ดึงดูดเงินทุนไหลเข้าประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูง ถ้า RBA ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าประเทศอื่น AUD ก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
- ซึ่งข้อดอกเบี้ยก็ขึ้นอยู่กับว่า RBA คุมเงินเฟ้อได้ดีแค่ไหน? ถ้าเงินเฟ้อสูง RBA อาจขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ AUD แข็งค่าขึ้น
- เศรษฐกิจภายในประเทศออสเตรเลียเติบโต GDP ของประเทศก็จะโตตาม การจ้างงานดี AUD ก็แข็งค่าตาม
- ดุลการค้าของออสเตรเลีย มีการส่งออก-นำเข้า มากน้อยแค่ไหน? ถ้าส่งออกเยอะกว่านำเข้า เงินก็ไหลเข้าประเทศ ทำให้ AUD แข็งค่าได้
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างออสเตรเลียและจีน
จีนคือคู่ค้าอันดับต้นๆ ของออสเตรเลีย มีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของออสเตรเลีย ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจึงเป็นประเด็นที่นักลงทุนหรือใคที่มีความเกี่ยวข้องต้องจับตา แม้แต่ประเทศไทยของเรา
- ออสเตรเลียส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ไปจีนมหาศาล คิดเป็น 1 ใน 3 ของการส่งออกทั้งหมด โดยเฉพาะแร่เหล็ก ถ่านหิน และ LNG ที่จีนต้องการมาก เพื่อป้อนภาคอุตสาหกรรมและการผลิตพลังงาน
- และจีนก็ทุ่มเงินลงทุนในออสเตรเลีย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน และภาคธุรกิจต่างๆ สร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ
- ซึ่งความสัมพันธ์นี้ส่งผลต่อค่าเงิน AUD อยู่ไม่น้อยเพราะถ้าความสัมพันธ์ที่ดี AUD ก็จะแข็งค่า เนื่องจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกันหากความสัมพันธ์แย่ AUD อ่อนค่า
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กับบทบาทสำคัญต่อต่อค่าเงิน AUD
อย่างที่ทราบกันดีว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ดังนั้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน AUD
- ราคาแร่เหล็ก : แม้ราคาจะลดลงไปบ้างแต่ยังทรงตัวในระดับสูง ซึ่งเป็นผลดีต่อ AUD เนื่องจากจีนยังคงมีความต้องการแร่เหล็ก เพื่อใช้ในโครงสร้างพื้นฐานและภาคอุตสาหกรรม
- ราคาถ่านหิน : ความต้องการถ่านหินทั่วโลกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากอินเดียและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ราคาถ่านหินพุ่งสูงขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อ AUD
- ราคา LNG : ยุโรปต้องการ LNG เพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ทำให้ราคา LNG พุ่งสูงขึ้นและหนุนค่าเงิน AUD ให้แข็งค่าขึ้น
- ราคาทองคำ : ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ซึ่งเป็นผลดีต่อ AUD เพราะออสเตรเลียเป็นจ้าใหญ่ในการส่งออกแร่ทองคำของโลก

เป้าหมายเงินเฟ้อ 2-3% ของออสเตรเลีย
ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นพ้องกันว่าเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับนโยบายการเงินของออสเตรเลีย คือ การบรรลุอัตราเงินเฟ้อที่ 2-3%
ทำไมต้อง 2-3%?
- อัตราที่ 2-3 % เป็นอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำพอทำให้ราคาสินค้าและบริการค่อนข้างคงที่ ประชาชนและธุรกิจตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เช่น การลงทุน การออม การใช้จ่าย
- เป้าหมายนี้เป็นเสมือนสมอยึดเหนี่ยวความคาดหวังของทุกคน ทำให้เชื่อมั่นว่า RBA จะคุมเงินเฟ้อได้ เศรษฐกิจจะไม่ผันผวนรุนแรง
- เป้าหมายเงินเฟ้อนี้เพื่อให้นโยบายการเงินมีบทบาทในการลดความผันผวนของผลผลิต เช่น
- ในช่วงที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง RBA ก็สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้
เป้าหมายเงินเฟ้อ 2-3% จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ RBA ใช้ดูแลเศรษฐกิจออสเตรเลีย ให้เติบโตมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990

วิดีโอคลิปเกี่ยวกับการแถลงการณ์ของ RBA ถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ย
มีคลิปวิดีโอจากช่อง 9 News Australia ที่เกี่ยวกับการให้เหตุผลของ RBA ว่าทำไมถึงยังคงกษาอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ซึ่งในวิดีโอมีการอธิบายเหตุผลและผลกระทบหากปรับขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง
- Focus นาที 00:01 RBA ยังคงชั่งน้ำหนักระหว่างการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม กับ การผ่อนคลายนโยบายการเงิน
- Focus นาที 00:48 ข้อมูลสำคัญที่ต้องจับตา ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานสัปดาห์หน้า และอัตราเงินเฟ้อรายไตรมาส ปลายเดือนนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจในอนาคต
- Focus นาที 01:10 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) วิพากษ์วิจารณ์การใช้จ่ายของรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ RBA คงดอกเบี้ยในระดับสูง
สรุป
Reserve Bank of Australia (RBA) หรือ ธนาคารกลางออสเตรเลียก็เหมือนกับธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศที่เราเคยได้รู้จักในบทความก่อนๆ ซึ่งหน้าที่หลักอย่างแท้จริงของพวกเขาก็คือการรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับ 2-3%
ซึ่งทาง RBA ก็มือเครื่องมือทางการเงินสำคัญที่ใช้ควบคุมเศรษฐกิจอย่างการปรับอัตราดอกเบี้ย จึงเป็นเหมือนการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ของ RBA เพราะมันส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชน ดังนั้น RBA จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีน
น่าสนใจอย่างมากว่าในอนาคตออสเตรเลียจะเดินหมากไปในทิศทางใดและจะสร้างแรงกระเพื่อมอย่างไรต่อประเทศไทยเราบ้าง พร้อมความคาดหวังของอัตราเงินเฟ้อที่ 2-3% จะมีโอกาศได้เห็นในเวาลาอันใกล้นี้หรือไม่