ถ้าใครเคยเทรด Forex แบบ Manual ไม่ใช้ EA เชื่อว่าคงจะเคยเห็นกราฟราคาเกิดช่องว่างแน่นอน…มันคือ Market Gapปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด Forex ค่อนข้างบ่อยและวันนี้เราจะหาคำตอบร่วมกันว่ามันเกิดจากอะไร? และเราควรใช้ประโยชน์จากมันยังไงดี?
Highlight บทคัดย่อ
- Market Gap คือช่องว่างราคาที่เกิดขึ้นระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้ากับราคาเปิดของแท่งถัดไป เนื่องจากไม่มีการซื้อขายในช่วงราคานั้น
- สาเหตุที่เกิด Market Gap ก็เพราะหลังจากข่าวแรงช่วงตลาดปิดสุดสัปดาห์ ทำให้เทรดเดอร์ถอน Limit Order รวมถึงสภาพคล่องต่ำ ซึ่งวันธรรมดาจะเห็นเป็นแท่งเทียนใหญ่ยาวแทน Gap
- การเทรดในช่วง Market Gap แบบนี้ต้องใช้หลักการ Gap-Fill คือแนวคิดที่ว่าราคาจะย้อนกลับไปปิดช่องว่างที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งมีข้อดีคือWin Rate สูง, เข้าใจง่ายและสามารถใช้ได้กับทุกคู่สกุลเงิน
- แต่ข้อเสียคือกลยุทธ์นี้ยังมีความเสี่ยงเพราะไม่ใช่ทุก Gap จะถูกปิดเสมอไป และบาง Gap อาจใช้เวลานานมากรวมถึงเรื่องช่วงเวลาในการเทรดกลยุทธ์นี้อาจจะไม่สะดวกสำหรับทุกคน
Market Gap คืออะไร? เกิดจากอะไร?
- Market Gap คือช่องว่างที่เกิดขึ้นบนกราฟราคา ระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้ากับราคาเปิดของแท่งถัดไป โดยที่ไม่มีการซื้อขายในช่วงราคาระหว่างนั้นเลย
- เหตุผลทีทำให้ตลาด Forex เกิด Market Gap ก็คือ…
-
- ช่วงตลาดปิด/ข่าวแรง: เมื่อตลาดปิดทำการและมีข่าวสำคัญเกิดขึ้น ราคาจะ “กระโดด” ในตอนเปิดตลาดวันจันทร์ เพื่อสะท้อนข่าวสารนั้นจนเกิดช่องว่างของราคา
- การถอน Limit Orders: ต่อจากข้อ 1 เช่นหากมี ข่าวสำคัญ เกิดขึ้น เทรดเดอร์หลายๆ คนจะป้องกันความเสี่ยงโดยการถอนคำสั่งซื้อขายแบบ Limit Order ออกก่อนตลาดปิด เมื่อไม่มีคำสั่งซื้อ/ขายที่รออยู่ หากตลาดเปิดด้วยออเดอร์จำนวนมากในทิศทางเดียว ก็จะไม่มีออเดอร์ฝั่งตรงข้ามมาจับคู่ ทำให้ราคากระโดดข้ามทันที = เกิด Gap
- สภาพคล่อง ต่ำ: ในช่วงเวลาที่ตลาดยังไม่เปิดทำการเต็มรูปแบบ ปริมาณการซื้อขายจะลดลง=สภาพคล่องต่ำ หากมีออเดอร์จำนวนมากเข้าสู่ตลาดในแบบฝั่งเดียวกัน (เช่น Buy หนักมาก) โดยไม่มีออเดอร์ฝั่งตรงข้ามมารองรับอย่างเพียงพอ ก็อาจทำให้เกิด Market Gap ได้ง่ายขึ้น
- สรุปง่ายๆ อีกทีคือ Gap เกิดจากการที่ไม่มีออเดอร์ฝั่งตรงข้ามมาจับคู่ เนื่องจากเทรดเดอร์หลายคนกังวลกับข่าวใหญ่ช่วงวันหยุด จนถอน Limit Order ไป เมื่อเปิดตลาดมาพบว่ามีออเดอร์ฝั่งเดียวกันเยอะมาก ราคาจึงสร้าง Gap ขึ้นมา แต่ถ้าเป็นวันธรรมดาเราก็จะเห็นเป็นแท่งเทียนใหญ่+ยาวมากว่าเกิด Gap

Market Gap กับกลยุทธ์ “Gap-Fill”
เมื่อเกิด Market Gap ขึ้นก็ไม่ต้องตกใจไปครับ เราสามารถใช้โอกาสนี้หาจังหวะในการเทรดได้ ซึ่งทั่วโลกเขาเรียกการเทรด Market Gap กันว่า “Gap-Fill” ก็คือราคาสร้าง Gap ขึ้นมามันจะย้อนกลับไปปิด Gap นั้นในอนาคต
สาเหตุที่ทำให้ Gap ถูกย้อนกลับมาเติมเต็ม
- การตอบสนองเกินจริงของข่าว: เพราะบางครั้ง Gap เกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อข่าวหรือเหตุการณ์ที่เว่อเกินไป เมื่อปล่อยให้อารมณ์ตลาดสงบราคาก็จะเคลื่อนที่ไปปิด Gap นั้นเอง
- การปิดทำกำไรจากเทรดเดอร์: เทรดเดอร์ที่เข้าเทรดในช่วงก่อนเกิด Gap อาจเริ่มปิดออเดอร์ทำกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมาย ทำให้ถึงคราวของออเดอร์ฝั่งตรงข้ามบ้างที่จะดันราคาไปปิด Gap เดิม
- แนวรับ/แนวต้านจาก Gap: ขอบบนหรือขอบล่างของ Gap มักจะทำหน้าที่เป็น แนวรับ/แนวต้าน สำคัญในอนาคต และเมื่อราคาเคลื่อนที่กลับมาทดสอบแนวรับ/แนวต้านที่เกิดจาก Gap นั้นๆ ก็เติมเต็ม Gap

ตัวอย่างการเทรด Gap-Fill

- กรณีเมื่อเราเจอ Gap ก่อนเริ่มเทรดเราต้องพิจารณา 3 อย่างนี้ก่อน
-
- ปริมาณการซื้อขาย: ถ้าดูแล้วมีแนวโน้มที่ Volume เทรดจะสูงขึ้น = Gap-Fill อาจจะเกิดขึ้นเร็ว
- แนวโน้มตลาด: ต้องดูก่อนว่าตอนนี้ตลาดกำลังอยู่ในเทรนด์ไหนหากตลาดมีแนวโน้มในทางเดียวกับ Gap ที่แข็งแกร่ง Gap อาจไม่ถูกเติมเร็วๆ นี้ แบบก็ควรเลี่ยงเทรดดีกว่า
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค: อย่างที่บอกไปว่าขอบบนหรือขอบล่างของ Gap จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ/แนวต้านด้วย ซึ่งเราจุดนี้เป็นตัวหาจังหวะเข้าเทรดได้ รวมถึงหา Price Action บริเวณนั้นด้วยจะยิ่งดี
- จากรูปภาพเกิด gap ดิ่งลง (ซึ่งเป็นวันศุกร์-วันจันทร์ ตามสูตร เป๊ะ) เราก็พิจารณาทั้ง 3 ข้อ ที่บอกไป ปรากฏว่า
- Volume = เพิ่มมากขึ้น อาจจะไม่มากแต่ก็ไม่ลดลง
- แนวโน้มตลาดเพิ่งเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น ดังนั้นเราจะให้น้ำหนักไปทางขาขึ้น = Gap มีโอกาสเติมเต็มได้
- ขอบล่างของ Gap เราจะมองเป็นแนวต้านทันที+Price Actionที่แสดงออกมา(วงกลม) เมื่อราคาทะลุแนวนี้ก็เป็นโอกาสเข้า Buy ที่ดี

- จากรูปอยากให้ใช้ Pending Order: Buy Stop เหนือขอบล่างของ Gap เพื่อยืนยันว่าราคามีแนวโน้มจะวิ่งขึ้นจริง
- ผลลัพธ์ = Gap-Fill Complete!! ได้กำไรจาก Gap-Fill ไปในรอบนี้
ปล. *เทรดเดอร์ควรตระหนักไว้ว่า ไม่ใช่ทุก Gap จะถูกปิดเสมอไปและบาง Gap อาจใช้เวลานานมากๆ กว่าจะถูกเติมเต็มก็ได้
ข้อดีของกลยุทธ์ Gap-Fill
- Win Rate สูง: มันมีการเก็บ ข้อมูล และออกมาเผยว่ากว่า 80% ของช่องว่างราคา(Gap) ที่มีขนาดมากกว่า 20 pips จะถูกปิดภายใน 2 วัน
- เข้าใจโคตรง่าย: ช่องว่างราคาบนกราฟสามารถสังเกตได้ง่าย+เข้าใจง่ายมาก ทำให้เทรดเดอร์ทั้งมือใหม่/มือเก่าสามารถมองเห็นโอกาสในการเข้าเทรดได้อย่างชัดเจน
- ใช้ได้กับหลายคู่เงิน: ทุก คู่สกุลเงิน มีโอกาสเกิด Gap เหมือนกันหมด เท่ากับว่ากลยุทธ์ Gap-Fill ใช้ได้กับทุกคู่เงินเช่นกัน
ข้อเสียของกลยุทธ์ Gap-Fill
- ยังมีความเสี่ยง: ถ้าเราเทรดโดยอิงกับ Gap เพียงอย่างเดียว=มีความเสี่ยง เพราะไม่มีหลักประกันว่าราคาจะกลับมาปิดช่องว่างเร็วหรืออาจไม่ปิดเลยก็ได้ ยิ่ง Overtrade ยิ่งเสี่ยงสุดๆ
- ต้องตัดสินใจเร็ว: เทรดเดอร์ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพราะช่องว่างของราคาอาจถูก Gap-Fill ในเวลาสั้นๆ ทำให้มีโอกาสเข้าเทรดจำกัด
- เวลาในไทย: อย่างที่บอกไปว่าการเกิด Gap มักจะเกิดเช้าวันจันทร์ เวลาตี 4 !!! หลายคนอาจจะไม่สะดวกเวลานี้และการ Gap-Fill ก็อาจจะเกิดก่อนที่เราจะตื่นด้วยซ้ำ

วิดีโอเกี่ยวกับการเทรด Market Gap
วิดีโอนี้สอน วิธีการเทรด Price Gaps ที่ค่อนข้างจะครอบคลุมทั้ง การรวม Price Gaps กับ Key Levels และอินดิเคเตอร์พื้นฐาน รวมถึงมีตัวอย่างจากกราฟจริงให้ผู้อ่านเห็นภาพกลยุทธ์การเทรดได้ชัดขึ้น
- Focus นาทีที่ 00:17 ประเภทของ Gap
- Focus นาทีที่ 00:52 Gap Fill
- Focus นาทีที่ 02:43 กลยุทธ์การเทรดที่สำคัญ เช่น การรวม Price Gaps เข้ากับ Key Levels / Bollinger Band Breaks
- Focus นาทีที่ 08:10 Gap Fill Completion ที่ Key Level
สรุป
การเกิด Market Gap เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ มันสะท้อนถึงอารมณ์ของเทรดเดอร์ได้เป็นอย่างดีและเราก็ควรจะเข้าใจถึงเหตุผลและมองโอกาสนี้ใช้ในการหาจังหวะเข้าเทรดให้ได้ ซึ่งจังหวะเก็บตกแบบนี้แหละมันสามารถช่วยปั้นพอร์ตของเราให้โตได้เลยนะ
หวังว่าช่องว่างทางราคาที่เราได้พูดกันมาในบทความนี้มันจะเติมเต็มช่องว่างของโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex แก่เทรดเดอร์ทุกๆ ท่านนะครับ
อ้างอิง: trendspider.com/learning-center/gap-fill-trading-strategies/
ทีมงาน : thaiforexbroker.com