อย่างที่รู้กันว่าทองคำคือสินทรัพย์ปลอดภัยและตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคำถามว่า ราคาทองคำจะพุ่งไปแตะระดับ 50,000 บาทต่อบาทได้หรือไม่? และหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจบ้าง? บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของสถานการณ์ราคาทองคำ พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่อาจผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งทะยานไปสู่ระดับ 50,000 บาท !!!
ฉบับย่อโดย Thaiforexbroker.com
- ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและอุปสงค์ทองคำที่เพิ่มขึ้น ล้วนสนับสนุนให้ราคาทองคำมีโอกาสแตะ 50,000 บาท
- นักวิเคราะห์หลายแห่งเห็นตรงกันว่าราคาทองคำสามารถขึ้นได้อีก โดยราคา 50,000 บาท นั้นโอกาสเป็นไปได้จริง!
- ราคาทองคำที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งด้านบวกและลบ เช่น กระตุ้นการส่งออกและการลงทุน หรืออาจจะทำให้กำลังซื้อลดลงและมีความเสี่ยงเงินเฟ้อ
ปัจจัยหนุนราคาทองคำพุ่งสูง
ราคาทองคำมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงตลอดเวลา แล้วปัจจัยอะไรบ้างล่ะที่จะทำให้ทองคำราคาขึ้น แล้วมันทำให้เพิ่มขึ้นได้ยังไงบ้างจากปัจจัยเหล่านี้
ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
- เศรษฐกิจโลกถดถอยเกิดจากสาเหตุเช่น ภาวะเงินเฟ้อ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
- และในยามที่เศรษฐกิจโลกซบเซา นักลงทุนมักจะมองหา “สินทรัพย์ปลอดภัย” เพื่อรักษามูลค่าของเงินทุนและทองคำก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เสมอ ด้วยคุณสมบัติคือ
- มูลค่าคงที่ : ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง ไม่ผูกติดกับเศรษฐกิจหรือรัฐบาลใด จึงรักษามูลค่าได้ดีในภาวะวิกฤต
- สภาพคล่องสูง : ทองคำสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
- ป้องกันเงินเฟ้อ : ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง มูลค่าของเงินสดและธนบัตรจะลดลง แต่ทองคำมักจะรักษามูลค่าเดิมหรืออาจเพิ่มขึ้นได้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
- ด้วยประวัติความเป็นมาที่ยาวนานบวกกับอเมริกามีตลาดทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เงินดอลล่าห์สหรัฐ ถือเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายทองคำในตลาดโลกโดยปริยาย
- ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินดอลลาร์กับราคาทองคำจึงเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม ก็คือ “เมื่อใดที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ราคาทองคำในตลาดโลกก็จะปรับตัวสูงขึ้น” และมันก็ส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศไทยด้วย
อุปสงค์ทองคำเพิ่มขึ้น
- นอกเหนือจากปัจจัยทางเศรษฐกิจแล้ว วัฒนธรรมและความเชื่อก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อความต้องการทองคำ โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย(จีนและอินเดีย) ที่มีประชากรจำนวนมาก
- จากสถิติรายงานว่าประเทศที่มีความต้องการทองคำมากที่สุดในโลก 10 ประเทศ เป็นประเทศในทวีปเอเชียกว่า 6 ประเทศ
- ปัจจัยที่ทำให้ประชากรในประเทศแถบเอเชียต้องการทองคำจำนวนมาก เกิดจาก..
- ทองคำถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่ง การครอบครองทองคำแสดงถึงความมั่นคงทางการเงินและความสำเร็จในชีวิต
- สัมพันธ์กับเศรษฐกิจของจีนและอินเดียมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้รายได้ของประชากรเพิ่มสูงขึ้น และมีกำลังซื้อมากขึ้น ส่งผลต่อความต้องการทองคำทั้งด้านความเชื่อและการลงทุน

ราคาทองคำแตะ 50,000 บาท เป็นไปได้หรือไม่?
แม้ว่าราคาทองคำดูจะปรับตัวทำราคาสูงขึ้นตลอดเวลาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีคำถามที่น่าสนใจว่า ราคาทองคำจะสามารถแตะ 50,000 บาทได้หรือไม่? ทีมงานได้รวบรวมบทวิเคราะห์จากแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจมาให้อ่านกันครับ

- บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปถึง 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในไทยมีโอกาสแตะ 50,000 บาท แต่ขึ้นอยู่กับทิศทางค่าเงินบาทด้วย
- โดยทาง วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส บอกเหตุผลว่า
- มีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า ความผันผวนและสงคราม
- บวกกับคนไทยนิยมลงทุนในทองคำและมีช่องทางการซื้อขายที่สะดวก
- ในส่วนของ MTS Gold มองว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มขาขึ้นและมีโอกาสแตะ 50,000 บาทในปี 2568 แต่กำลังซื้อของคนไทยอาจตามไม่ทัน เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
- MTS Gold ยังให้คำแนะนำอีกว่า แนะนำให้ลงทุนทองคำระยะสั้น ประมาณ 3 เดือน และขายทำกำไรเมื่อมีจังหวะ หรือลงทุนแบบออมระยะยาว เพื่อเป็นเงินออม
- และในอีกหลายสำนักข่าวรวมถึงการคาดการณ์ราคาทองคำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ มองว่าราคาทองคำจะยังไม่หยุดเท่านี้ และมีโอกาสพุ่งไปแตะ 50,000 บาท เช่นกัน
- ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้มีความคิดเห็นตรงกันก็คือปัญหาสงครามระหว่าง อิสราเอลกับอิหร่านที่ดูแล้วน่าจะพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ ตรงกับปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคแห่ไปลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น
ราคาทองคำไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

การวิเคราะห์แนวโน้มและความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะขึ้นไปถึง 50,000 บาท
- แนวโน้มระยะยาว : จากกราฟจะเห็นว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยทำ New Low ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และมีจุดสูงสุดใหม่ (New High) ที่ทำลายสถิติเดิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
- ปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยพื้นฐานหลายอย่าง ยังคงสนับสนุนการขึ้นของราคาทองคำ เช่น
- ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
- อัตราเงินเฟ้อและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
- ความผันผวน : ราคาทองคำมีความผันผวนสูงและมีการปรับฐานเป็นระยะ ดังนั้น แม้จะมีโอกาสขึ้นไปถึง 50,000 บาท แต่ก็อาจมีการปรับตัวลดลง ในระหว่างทางก่อนที่จะขึ้นไปถึงเป้าหมาย
ผลกระทบหากราคาทองคำแตะ 50,000 บาท
หากราคาทองคำในประเทศไทยแตะ 50,000 บาทจริง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง ทั้งในด้านบวกและด้านลบ ดังนี้
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
ด้านบวก
- ไทยเป็นผู้ส่งออกทองคำรายใหญ่ ราคาที่พุ่งสูง ทำให้ธุรกิจส่งออกทองคำ โกยรายได้เข้าประเทศ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้
- ทองคำเป็นแหล่งดึงดูดนักลงทุน ราคาที่พุ่งอาจจูงใจนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับทองคำ เช่น เหมืองทอง, โรงงานผลิตเครื่องประดับ
ด้านลบ
- ทองคำแพง คนซื้อน้อยลงกระทบธุรกิจค้าทอง โดยเฉพาะทองรูปพรรณ อาจต้องปรับตัวหาช่องทางใหม่ๆ ในการขาย
- ทองคำเป็นวัตถุดิบ ราคาแพง ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการสูงขึ้น อาจผลักดันเงินเฟ้อ สินค้าแพง ค่าครองชีพสูง
ผลกระทบต่อผู้ลงทุน
- ราคาทองคำขึ้น นักลงทุน ที่ซื้อไว้ก่อนหน้ามีโอกาสขายทำกำไร แต่ต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
- มีช่องทางการลงทุนในทองคำหลายรูปแบบในปัจจุบัน เช่น ทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณและกองทุน ETF ซึ่งเราจะเจาะประเด็นนี้กันในหัวข้อต่อไป
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทองคำ
- ราคาทองคำที่สูงขึ้น อาจทำให้ผู้บริโภค ชะลอการซื้อทองรูปพรรณ เนื่องจากมีราคาแพง ส่งผลกระทบต่อยอดขายของร้านค้าทองคำ แต่ความต้องการทองคำแท่งเพื่อการลงทุนและการออมอาจเพิ่มขึ้น
- อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ เช่น ผู้ผลิตเครื่องประดับ จะต้องปรับตัว รับมือกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

ทองคำแท่ง vs. ทองรูปพรรณ vs กองทุน ETF ทองคำ เลือกแบบไหนดี?
จากที่กล่าวไว้ก่อนหน้า เกี่ยวกับการลงทุนในทองคำ มีทางเลือกหลากหลายทั้งทองคำแท่ง ทองรูปพรรณและกองทุน ETF ทองคำ แต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน สามารถดูได้จากตารางเปรียบเทียบนี้
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของการลงทุนในทองคำแต่ละแบบ
ปัจจัย | ทองคำแท่ง | ทองรูปพรรณ | กองทุน ETF ทองคำ |
ราคา | ใกล้เคียงราคาโลก | บวกค่ากำเหน็จ | อิงราคาโลก + ค่าธรรมเนียม |
สภาพคล่อง | ซื้อขายง่าย | ขายคืนไม่ได้ราคาเต็ม | ซื้อขายสะดวก |
ความเสี่ยง | ต่ำ | เสี่ยงค่ากำเหน็จ | ต่ำ |
ค่าใช้จ่าย | ค่าเก็บรักษา | ค่ากำเหน็จ | ค่าธรรมเนียม |
ความสะดวก | เก็บรักษาเอง | พกพาสะดวก | ซื้อขายออนไลน์ |
เหมาะสำหรับ | ลงทุนยาว | เครื่องประดับ + ลงทุน | ลงทุนสั้น |
การลงทุนทองคำแบบทองคำแท่งกับทองคำรูปพรรณจะมีรูปแบบหลักที่เหมือนกัน แตกต่างกันเล็กน้อยลงที่ทองคำรูปพรรณจะมีค่ากำเหน็จ ส่วนกองทุน ETF คือการลงทุนทองคำในรูปแบบออนไลน์ซึ่งตอบโจทย์ด้านความสะดวกและรวดเร็วในการซื้อขายกว่าทั้ง 2 แบบ
วิดีโอเกี่ยวกับภาพรวมอนาคตของการลงทุนทองคําในประเทศไทย
มีวิดีโออยู่คลิปหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากเกี่ยวกับ “ทองคำลุ้นแตะ 50,000 ? จับสัญญาณราคาทองพุ่ง” เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความของเราโดยตรง และในวิดีโอมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจมากมาย
- Focus นาทีที่ 2:50 การเปลี่ยนแปลงของราคาทองในปัจจุบัน
- Focus นาทีที่ 5:27 การเติบโตของการลงทุนทองคำแบบออนไลน์
- Focus นาทีที่ 10:41 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคํา โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคําอาจสูงถึง 50,000 ถึง 60,000 บาท
- Focus นาทีที่ 16:18 การคาดการณ์ระยะยาวสําหรับราคาทองคํา
สรุป
แม้ว่าในปัจจุบันราคาทองคำดูเหมือนจะสูงอยู่แล้ว แต่นักวิเคราะห์และหลายหน่วยงานยังมองว่าทองคำมีโอกาสที่ราคาจะพุ่งสูงได้มากกว่านี้ โดยให้เหตุผลหลักๆ ไปในทางเดียวกันคือ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกบวกกับภาวะสงครามหลายแห่งที่ตึงเครียดกว่าเดิม ล้วนหนุนให้ราคาทองตำมีสิทธิที่จะแตะ 50,000 ในอนาคต ซึ่งอาจจะเป็นปีหน้า
ทั้งนี้สิ่งที่เราควรตระหนักคือการลงทุนในทองคำรูปแบบต่างๆ ทั้งการซื้อทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณที่มีมาอย่างยาวนานและกองทุน ETF ทองคำรวมถึงการซื้อขายทองคำตามแอพลิเคชั่นต่างๆ ที่แทบจะพลิกวงการซื้อขายทองคำไปจากเดิม ล้วนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่สิ่งสำคัญคือการศึกษาทำความเข้าใจและเลือกรูปแบบการลงทุน ที่เหมาะสมกับความต้องการและระดับความเสี่ยงของตนเอง เพื่อให้การลงทุนในทองคำเป็นไปอย่างมั่นคงและปลอดภัย