Carry Trade ดีไหม? วิธีเลือกคู่เงินและการทำกำไรในระยะยาว

กลยุทธ์การเทรด Forex หรือสไตล์ในการทำกำไรของเทรดเดอร์นั้นมันมีมากมายในโลกของ Forex แต่เท่าที่สังเกตมาส่วนมากจะรู้จัก Scalping, Swing Trade พวกนี้มากกว่า น้อยคนมากจะรู้จักกับ “Carry Trade” ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้กับการเทรดสไตล์นี้มากยิ่งขึ้นครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • Carry Trade คือกลยุทธ์ที่เน้นทำกำไรสองทางคือ 1) จากค่า Swap ที่เป็นบวกจากการถือสถานะข้ามคืนในคู่เงินที่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 2) จากกำไรเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้
  • ปัจจัยในการเลือกคู่เงินเพื่อในการ Carry Trade คือ
    1. ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย
    2. การเลือกสกุลเงินรอง
    3. คุณภาพของโบรกเกอร์ Forex
  • ข้อดีของการ Carry Trade คือสร้างรายได้ 2 ทาง, ไม่ต้องเทรดบ่อย, ทำกำไรระยะยาวและผลตอบแทนคุ้มค่า(ถ้าถูกทาง)
  • ส่วนข้อเสียคือค่าเงินอาจผันผวนไปผิดทาง, ใช้ระยะเวลานานถือครอง, ค่า Swap อาจจะเปลี่ยนได้และใช้เงินทุนค่อนข้างเยอะ

Carry Trade คืออะไร?

  • Carry Trade คือสไตล์การเทรดรูปแบบหนึ่งที่เน้นในการสร้างกำไร 2 ทาง แต่ไม่ใช่ 2 ทางแบบ Buy/Sell นะครับ แต่คือ…
    1. กำไรจากค่า Swap ในแต่ละวัน
    2. กำไรจากการเทรดถูกทาง
  • คือโดยทั่วไปการเทรด Forex จะมีค่า Swap หรือที่เรียกกันว่า Rollover Interest คือดอกเบี้ยที่จะได้รับหรือต้องจ่ายสำหรับการถือสถานะข้ามคืน (overnight)
  • ค่า Swap นี้เราสามารถดูได้ในแพลตฟอร์มการเทรดได้เลยครับ โดยตาราง Swap จะมี 2 ฝั่งคือ Long / Short ถ้าค่า Swap ฝั่งไหนเป็นบวกก็หมายความว่าเปิดฝั่งนั้นข้ามคืนจะได้ดอกเบี้ยตามอัตรานั้นเลย แต่ถ้าเป็นลบก็คือเราต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์
  • ดังนั้น การเทรดแบบ Carry Trade ก็จะเน้นการถือสถานะระยะยาวหลายวันขึ้นไป โดยเน้นไปที่ค่า Swap ฝั่งไหนเป็นบวก ก็จะเล็งเข้าออเดอร์ฝั่งนั้นที่ระดับแนวรับ/แนวต้าน หรือ Demand/Supply Zone
ค่า Swap คืออะไรและดูได้จากที่ไหนในโปรแกรมเทรด
ตัวอย่างค่า Swap คู่เงิน EURUSD โดยมี Swap Long -9.98 ถ้าเราเปิด Long ข้ามคืนเราต้องจ่ายเรทนี้/คืน และค่า Swap Short 3.42 ถ้าเราเปิด Short ข้ามคืน เราจะได้ดอกเบี้ยเรทนี้ต่อคืน

การเลือกคู่เงินสำหรับ Carry Trade

การจะเลือกเทรดคู่เงินแบบ Carry Trade เราต้องรอบคอบในการเลือกและควรจะหาข้อมูลพวกปัจจัยพื้นฐานของคู่สกุลเงินที่เราสนใจเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและลดความเสี่ยงจากความผันผวน ดังนี้ครับ

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย

  • ขอยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจง่ายๆ เลยนะครับ เช่น คู่เงิน GBPJPY สมมติว่า GBP มีอัตราดอกเบี้ยประมาณ 4.25% ต่อปี และ JPY มีดอกเบี้ย 0.5% ดังนั้นส่วนต่างของคู่เงิน GBPJPY จึงเป็น 4.25-0.5 = 3.75% ต่อปี
  • หากเรา Long GBP/JPY (ซื้อ GBP และขาย JPY) = กำลังถือสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า (GBP) และขายสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า (JPY) ค่า Swap สำหรับฝั่ง Long มักจะเป็นค่าบวก
  • แต่หากเรา Short GBP/JPY (ขาย GBP และซื้อ JPY) = กำลังขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า (GBP) และถือสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า (JPY) ค่า Swap สำหรับฝั่ง Short มักจะเป็นค่าลบ
  • ส่วนข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินสามารถหาได้จาก Forex Factory หรือ Investing.com ก็ได้ซึ่งค่า Swap ก็มีสูตรการคำนวณโดยเอาส่วนต่างดอกเบี้ยมาคำนวณด้วยนั่นเอง
ตัวอย่างคู่เงินที่เหมาะกับการทำ Carry Trade
ตัวอย่างสกุลเงินอย่าง JPY ที่มักจะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำทำให้จับคู่กับสกุลเงินอื่นๆ แล้วเกิดส่วนต่างดอกเบี้ยค่อนข้างมากและทำให้ค่า Swap มักจะเป็นบวกในฝั่ง Long เพราะสกุลเงิน JPY มักเป็น Quote Currency

การเลือกคู่เงินรอง (Minor Pairs)

  • การดูปัจจัยที่นโยบายของประเทศสกุลเงินนั้นถือเป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ เพราะนโยบายเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยของประเทศนั้น จะส่งผลต่อ Carry Trade แน่นอน
  • ตัวอย่าง คู่เงินหลัก (Major Pairs) เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY มักจะมีสภาพคล่องสูงแต่ค่า Swap กลับไม่สูงมากนัก
  • ผิดกับ คู่เงินรอง เช่น AUD/JPY, NZD/JPY, GBP/JPY ก็มีสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับการทำ Carry Trade และมักจะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจกว่า

การเลือกโบรกเกอร์ Forex

  • คุณภาพของโบรกเกอร์ Forex มีผลกระทบต่อค่า Swap เหมือนกันนะครับเพราะโบรกเกอร์คุณภาพสูง มักจะมีแนวโน้มที่จะเสนอค่า Swap ที่ดีกว่าหรือยุติธรรมกว่าให้แก่เทรดเดอร์ แต่ไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์จะมีค่า swap ที่เป็นบวกนะครับ อย่าเข้าใจผิดเพราะมันมีค่าธรรมเนียมภายในอีก ต้องเช็คของแต่ละโบรกเกอร์ให้ดี
  • ทั้งเรื่องของความโปร่งใสในค่า Swap, การเข้าถึงสภาพคล่อง, การเสนอค่า Swap ที่คงที่และแข่งขันได้ ปัจจัยพวกนี้จำเป็นต้องใช้ โบรกเกอร์ที่ดีที่สุด เท่านั้น
  • กลับกันโบรกเกอร์คุณภาพต่ำอาจไม่มีความโปร่งใสในการกำหนดค่า Swap และอาจมีการปรับเปลี่ยนค่า Swap อย่างไม่เป็นธรรมแก่เทรดเดอร์
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่มีคุณภาพเพื่อทำ Carry Trade
เว็บ Thai Forex Broker รีวิวโบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดในประเทศไทยมาให้เรียบร้อยแล้ว เทรดเดอร์ที่กำลังมองหาโบรกเกอร์คุณภาพในการทำ Carry Tradeสามารถหาข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์นี้ได้เลย

ตัวอย่างทำกำไร Carry Trade

ตัวอย่างการทำกำไรจากกลยุทธ์ Carry Trade
ตัวอย่างการทำกำไรหากเราเทรดแบบ Carry Trade โดยใช้กราฟ AUDJPY กรอบเวลา Day ซึ่งต้องถือสถานะออเดอร์เป็นเวลานาน(ใน ตัวอย่าง คือ 1ปี 3 เดือน) แต่ถ้าเทรดถูกฝั่งก็รับกำไรพร้อมกับค่า Swap สำหรับฝั่งนั้น เหมือนเสือนอนกินแบบสบายๆ
  • จากรูปภาพเราเลือกคู่เงิน AUDJPY บน Timeframe Day ตามคุณสมบัติที่ได้กล่าวไปข้างต้นและเลือกใช้ โบรกเกอร์ XM ค่า Swap Long ของ AUDJPY = 4.59 USD/lot และทำการเทรดด้วยจำนวน 1 lot size (*โดยสมมุติว่า ค่า swap และ pip value คงที่ตลอด ซึ่งในโลกการเทรดจริง ค่าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด)
  • เมื่อเราดูค่า Swap แล้วก็เลือกเล่นฝั่ง Long เพื่อให้ได้ กำไรจาก Swap และต้องหาจุดเข้าเทรดที่มีแนวโน้มชนะ เพื่อที่กำไรจะได้มาจาก 2 ทาง คือ กำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาและกำไรจากค่า Swap
  • จากรูปจะเห็นว่าตรงกรอบสี่เหลี่ยมแนวนอนคือบริเวณแนวรับที่สำคัญ ที่ราคาไม่สามารถทะลุลงไปได้ ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจในการเปิด Long จากจุดนี้
  • สมมุติว่าเราเปิดสถานะ Long จากจุดนี้จริงและถือสถานะยาว ๆ ปล่อยให้ราคาขยับตามตลาด โดยวัดจากจุดสูงสุดที่ราคาทะลุขึ้นไปนั้น ใช้เวลา 472 วัน มีระยะการเคลื่อนที่รวมทั้งสิ้น 2,037.4 pips ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เราจะได้กำไรจากการเทรดที่ถูกทางประมาณ 16,931 USD (วิธีคิด: 2,037.4 pips × 8.31 ซึ่ง 8.31 คือค่า pip value ของ AUDJPY 1 lot แปลงเป็น USD) และกำไรจากค่า Swap ประมาณ 2,166 USD (วิธีคิด: 4.59 USD/วัน × 472 วัน)
  • เมื่อรวมกำไรทั้งสองส่วนนี้แล้ว กำไรโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 622,466 กว่าบาท ในระยะเวลา 1.3 ปี หรือประมาณเดือนละเกือบ 4 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นความคุ้มค่าที่น่าพอใจสำหรับระยะเวลาที่ถือสถานะยาว

ข้อดี-ข้อเสียของการ Carry Trade

เรามาดูกันบ้างว่าการใช้กลยุทธ์ Carry Trade นั้นเหมือนมีแต่ข้อดี ส่วนข้อเสียและข้อจำกัดมันมีอะไรบ้าง? ที่เราควรรู้ก่อนจะเริ่มลองเทรดด้วยกลยุทธ์นี้

ข้อดี

  • โอกาสในการสร้างรายได้ 2 ทาง: ทางแรกคือสร้างกำไรจากการเทรดปกติ เช่นถ้าเราเทรดฝั่ง Long กราฟราคาพุ่งขึ้น โอเคเราได้กำไรส่วนนี้มา อีกส่วนคือค่า Swap ฝั่ง Long ตามที่โบรกเกอร์กำหนดก็จะได้ตามเรทนั้นต่อวัน
  • ไม่ต้องเทรดบ่อย: ด้วยความที่กลยุทธ์นี้เน้นการถือครองสถานะข้ามวัน เทรดเดอร์จึงไม่จำเป็นต้องเข้าเทรดบ่อยหรือปิดออเดอร์ซ้ำๆ
  • ลงทุนระยะยาว: Carry Trade เน้นไปที่การลงทุนระยะยาวจากกราฟราคาและค่า Swap รายวัน ดังนั้นจึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่สามารถอดทนรอผลตอบแทนได้
  • ผลตอบแทนคุ้มค่า: กรณีที่ยกตัวอย่างไป หากเราเข้าออเดอร์ที่ระดับราคาที่ดี ผลลัพธ์แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานแต่สุดท้ายมันก็คุ้มค่าถ้าได้ตามที่ตัวอย่างคำนวณ

ข้อเสีย

  • ราคาไปผิดทาง: ขึ้นชื่อว่าเทรด Forex ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน ถึงแม้ว่าเราจะเข้าเทรดในโซนหรือแนวที่คิดว่าแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ความผันผวนในตลาดอาจจะทำให้ราคาไปผิดทางได้ นั่นก็เท่ากับขาดทุนเลยนะ
  • ถือครองนานมาก: มันก็เป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับการถือครอง Position นานๆ ใครที่อดทนรอได้ก็อาจจะคุ้มค่า แต่มันก็สร้างความกังวลและเสียโอกาสไม่น้อย หากกราฟไปผิดทาง
  • ค่า Swap อาจจะเปลี่ยน: เมื่ออัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางของสกุลเงินนั้นเปลี่ยน การคำนวณค่า Swap ก็ต้องคำนวณใหม่ซึ่งอาจจะลดลง ไหนจะค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์คิดเพิ่มขึ้นมาอีก
  • เงินทุนต้องหนา: การจะ Carry Trade ให้คุ้มค่านั้น จำนวนเงินทุนต้องมีเยอะกว่าเทรดแบบระยะสั้น เพราะการถือครองที่คุ้มค่าต้องการการเปิดสถานะที่ค่อนข้างใหญ่และอดทนให้กราฟลากได้ถ้ากรณีผิดทาง


วิดีโอเกี่ยวกับ Carry Trade

 

เพื่อให้เข้าใจและมองเห็นภาพมากขึ้น ผมเลยไปค้นหาวิดีโอเกี่ยวกับ Carry Trade มาแชร์ให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกันครับ โดยเทรดเดอร์ในคลิปนี้อ้างว่าเขาได้รับเงินแทบจะทุกวัน! จากกลยุทธ์ Carry Trade นี้

  • Focus นาทีที่ 01:30 อธิบายกลยุทธ์ Carry Trade
  • Focus นาทีที่ 01:58 ตัวอย่างคู่เงินสำหรับ Carry Trade (CAD/JPY, EUR/USD, EUR/NZD)
  • Focus นาทีที่ 05:41 ข้อควรพิจารณา

สรุป

กลยุทธ์ Carry Trade จัดว่าเป็นกลยุทธ์ Forex ที่เน้นความรู้ด้านพื้นฐานของสกุลเงินมากกว่าแบบเทคนิค การที่เราเข้าใจพื้นฐานของสกุลเงินและการเลือกโบรกเกอร์ที่ให้ค่า Swap อย่างเป็นธรรม ใครจะไปเชื่อล่ะว่ามันจะกลายเป็น Passive Income อีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการเทรด Forex แบบปกติ

ดังนั้นสรุปแล้วกลยุทธ์ Carry Trade ดีไหม? ถ้าต้องการเทรดแบบไม่เสียโอกาสในแต่ละวันหรือช่วงข่าวสำคัญผมมองว่าไม่ดีครับ! แต่ถ้าต้องการเทรดแบบระยะยาว(มากๆๆๆ) และต้องการรายได้จากค่า Swap ด้วยก็แนะนำให้ทำได้ครับ

ทีมงาน : thaiforexbroker.com

 

สารบัญบทความ