กราฟเปล่า เราก็เทรด

กราฟเปล่า เราก็เทรด

กราฟเปล่า เราก็เทรด

กราฟเปล่า เราก็เทรด เป็นเรื่องปกติที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ (รวมทั้งตัวผมเอง) ชื่นชอบที่จะใช้ indicators เพราะด้วยความที่พวกมันมีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่ดูเหมือนจะทำให้เราสามารถทำกำไรจากตลาดได้ ซึ่งถ้าเราใช้ indicator ใส่เข้าไปในกราฟ และดูกราฟย้อนหลัง เราจะเห็นจุดเข้าซื้อต่างๆ และดูเหมือนว่ามันแม่นมาก แน่นอน indicator ย้อนหลังทุกตัวนั้น เทพ และเทพ แม่น สุด สุด และองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับ indicator คือ มันดูเหมือนจะง่าย!! แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อเรามาอยู่มาอยู่ในตลาดจริงๆ ช่วงเวลาจริงในตลาด มันไม่ง่ายเลย  จากประสบการณ์ของเอง.. กดดันครับ

การใช้ indicator เป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจเข้าเทรด มักจะขาดทุน ไม่สามารถทำกำไรได้ เมื่อเทียบกับการเทรดกราฟย้อนหลังพอพูดเรื่องข้อเสียของ indicator บางคนอาจจะไม่เห็นด้วย บางคนเห็นด้วย จริงๆทุกระบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป แต่จากประสบการณ์แล้ว อะไรที่มันชัดเจน มีจุดเข้าออเดอร์ที่ชัดเจนจนเกินไป มักจะไม่กำไรให้ต่อเนื่องได้ วันนี้ผมเลยมานำเสนอแนวทางการเทรดอีกแบบ ที่ไม่ใช้ indicator คือ เทรดด้วยกราฟเปล่า เพื่อชี้วัดจุดเข้าออร์เดอร์กันครับ

1 : อ่านเทรนให้ออก

การที่เราจะทำการเข้าเทรดเปิดออร์เดอร์ กระบวนการตัดสินใจต่างๆไม่สามารถที่จะละเลยการอ่านโครงสร้างของตลาดที่จะเข้าเทรดได้เลย การทำความเข้าใจโครงสร้างของตลาดนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานและจำเป็นต้องมี และสำคัญมากๆที่เราทุกคนต้องรู้ แต่ถ้าใครยังไม่รู้ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเบื้องต้นกันครับ โครงสร้างของตลาดคือการตีความจาก จุด High และ จุด Low ของราคา เช่น HL, LL, LH พวกนี้เรียกว่าจุด swing high low นั่นเอง การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานนั้นจะช่วยให้เรา

มองเห็นภาพว่าทิศทางของตลาดนั้นไปในทิศทางไหนกันแน่ คือ : ตลาดขาขึ้น , ตลาดขาลง และ ตลาด Sideway ไม่เกินนี้หรอก


ในภาพ GBP/USD  เทรนขาลง และ เหมือนจะสิ้นสุดขาลง แต่ Forex อะไรก็เกิดขึ้นได้

การดูเทรนของกราฟ

คงจะเกิดคำถามว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเทรนมันอยู่ในทิศทางไหน ขึ้นหรือลง หลายคนพยายามใช้พวก indicator เข้ามาระบุว่ามันคือเทรนขึ้นหรือลง ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออะไรเลย วิธีการง่ายๆก็คือ การมองจุด swing high low เช่นในตลาดขาขึ้น ตลาดจะทำจุด high ขึ้นเรื่อยๆ ตลาดขาลงก็จะทำจุดต่ำลงเรื่อยๆ มันดูเหมือนง่ายเกินไปใช่ไหมครับ แต่ความจริงแล้วมันใช้แค่นั้นจริงๆ เมื่อผู้อ่านพยายามฝึกการอ่านโครงสร้าง อีกไม่นานก็จะสามารถรู้เทรนของตลาดได้

แม้ว่าเราจะรู้แนวโน้มของตลาดแล้ว สิ่งที่ต้องจำไว้เสมอก็คืออย่าพยายามไล่ราคาในขณะที่ราคากำลังทำ high หรือ low ใหม่ แต่สิ่งที่เราต้องทำคือการพยายามเข้าในจังหวะการพักตัวของราคา หรือ sell high / buy low เหมือนที่เราพูดกันติดปากนั่นเอง  

ตลาด Sideway คือการที่ราคาจะวิ่งในกรอบทำ high และ low ในช่วงของกรอบราคา นั่นคือการทำวง  swing high และ low อยู่ในช่วงจุด swing high low เก่า ควรจะรอ ไม่ควรเข้าเทรด

2 : หาจุดกลับตัวของเทรน

หลังจากที่เราสามารถอ่านเทรนของตลาดได้เรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปที่เราต้องทำคือการระบุจุดกลับตัวของเรา โดยทั่วไปอาจจะใช้   Fibonacci levels,  Pivot Points,   Pinbar  แต่เราจะไม่ใช้เครื่องมือเหล่านี้เลย ผมคิดว่าแค่เส้นแนวนอนกับเส้น Trend line ก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคา เพียงแค่เราพยายามหาจุดที่จะเป็นการกลับตัวที่มีคุณภาพมากๆ แล้ววางเส้นแนวนอน หรือ Trend line ลงเข้าไปในกราฟในกราฟด้านบนเราระบุโครงสร้างของตลาดแล้ว มองตลาดว่าเป็นเทรน Sideway และระบุจุดกลับตัวของราคาไว้

จากภาพ คือ หาจุด Pinbar  แล้ว รอ นิด หลุดทะลุมาก็เปิด ออร์เดอร์  Sell  เลย

3 : รอสัญญาณเข้าเทรด

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันแล้วครับ นั่นคือการรอสัญญาณการเข้าเทรดจากระบบของเราเช่น การรอสัญญาณจาก Price Action, การรอสัญญาณจากการ breakout ของราคา หรืออะไรก็แล้วแต่ ในที่นี้ผู้เขียนชอบสัญญาณจากแท่งเทียนมาก เพราะมันสามารถมองเห็นได้ง่าย และส่วนใหญ่แม่นยำ อันนี้ขึ้นอยู่กับระบบการเข้าเทรดของแต่ละคนเลยนะครับ

ในภาพ เริ่มแรกเราตีเส้นแนวรับและแนวต้านไว้ก่อน จากนั้นตั้ง Buy Stop และ Sell Stop ไว้ครับ รอ BreakOut  หลุดทะลุมาลงมาเกี่ยว  pending ที่เราตั้งไว้

ส่งท้าย สำหรับคนที่จะเทรดแนวนี้นะครับ ผมขอแนะนำให้จดบันทึกการเข้าเทรดทุกครั้ง ว่าคิดและตัดสินใจยังไง การทำสิ่งเหล่านี้ จะทำให้เราวิเคราะห์เทรนได้เฉียบขาดขึ้นมาก ผมเองก็ใช้เทคนิคนี้ในการเข้าเทรดจริงๆกับตลาดครับ และสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญไม่ยากและตัดสิ่งรบกวนออกได้เยอะครับ  ส่วนตัวก็ยังคงไปใช้ Indicator ช่วยเทรดเหมือนเดิมครับ ไม่ค่อยชอบวิเคราะห์เอง เพราะ ผิดตลอด ..

ทีมงาน : thaiforexbroker.com