การเทรด Forex ไม่จำเป็นว่าคุณต้องมาเป็นเทรดเดอร์แบบ Full-Time เสมอไป หลายๆ คนเลือกที่จะเทรดควบคู่กับทำงานประจำไปด้วย กลายเป็นว่าสร้างรายได้ 2 ทาง ซึ่งเหมาะกับยุคปัจจุบันนี้มาก แต่การจะทำงานประจำควบคู่กับเทรด Forex ไปด้วย มันยากไหม? บทความนี้มีเคล็ดลับง่ายๆ มาบอกครับ
Highlight บทคัดย่อ
- แบ่งเวลาเทรดกับเวลางานให้ชัดเจนและเลือกเทรดคู่เงินที่มี Session ตรงกับที่เราว่าง โดยเลือกเทรดเพียง 1-2 คู่ ก็เพียงพอ
- คำนวณ Lot Size อย่างปลอดภัย ถ้าทุนน้อยควรเริ่มต้นด้วย Lot Size ขนาดเล็ก 0.01–0.02 Lot ต่อออเดอร์ ถ้าทุนมากขึ้นค่อยปรับขึ้นทีละนิด
- ใช้ Pending Order เป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องรับเข้าออเดอร์ในทันที เน้นใช้คำสั่ง Pending Order และวาง Stop Loss / Take Profit ทุกครั้ง
- เลือกแพลตฟอร์มเทรดที่ใช้ง่ายและโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อความสะดวกในการใช้งานไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามและความปลอดภัยของเงินทุน
- ลองใช้ Copy Trade / EA หากเราไม่รู้จะเริ่มเทรดยังไง ก็ลองศึกษาการเทรดของเทรดเดอร์คนอื่นๆ หรือใช้โรบอทเทรดให้เราในช่วงเวลางาน
5 เคล็ดลับเทรด Forex คู่งานประจำ
5 เคล็ดลับนี้จะแนะนำให้คนที่กำลังทำงานประจำอยู่และอยากเทรด Forex เพื่อเป็นรายได้เสริมคู่กันไป ว่าควรต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง? และมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้การเทรดง่ายขึ้นไม่กระทบงานประจำด้วย
1. แบ่งเวลาเทรด ก่อน-หลังเลิกงาน
- เพื่อไม่ให้กระทบงานประจำการจัดเวลาเทรดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นหาเวลาเทรดก่อนหรือหลังเลิกงานก็ได้ เพราะตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
- โดยเฉพาะเวลาหลัง 19:00 น. เป็นต้นไป เป็นช่วงที่ ตลาดยุโรปและอเมริกา เปิดพร้อมกัน ทำให้มีกราฟราคาวิ่งค่อนข้างแรง โดยเฉพาะใน คู่เงินหลัก เช่น EUR/USD, GBP/USD หรือ USD/JPY
- ดังนั้นเราอาจจะเลือกเทรดคู่เงินหลักสัก 1-2 คู่เพื่อไม่ให้ยากเกินไปในการรับมือกับตลาด ซึ่งเหมาะกับมือใหม่หรือคนที่มีเวลาไม่มากแบบนี้ แถมช่วงเวลาที่ตลาดวิ่งก็ตรงกับหลังเลิกงานพอดี

2. คำนวณ Lot Size แบบปลอดภัย
- เมื่อเราจัดการเรื่องเวลาเทรดได้แล้ว ต่อมาต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของพอร์ตก่อนครับ ต้องยอมรับว่าการเทรดในช่วงเวลาจำกัด ก่อน-หลังเลิกงาน เราไม่สามารถเทรดด้วย Lot Size ใหญ่เพื่อรับความเสี่ยงแบบปกติได้
- โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น ถ้าพอร์ตเรา เงินทุนน้อย (100-200$) ควรเริ่มจาก Lot ขนาดเล็ก เช่น 0.01–0.02 Lot ต่อออเดอร์ เพื่อควบคุมความเสี่ยงไม่ให้กระทบพอร์ตมากเกินไปในกรณีที่ตลาดไปผิดทางจากที่คาดไว้
- แต่ถ้าพอร์ตมีเงินทุนเริ่มเยอะขึ้น ประมาณ 500-1,000$ ขึ้นไป ก็ลองใช้โปรแกรมคำนวณ Lot ตามเว็บไซต์ทั่วไปหรือตามโบรกเกอร์ก็มีฟีเจอร์นี้ เช่น Exness, OctaFx เมื่อโปรแกรมคำนวณมาให้แล้วเราอาจจะปรับลดเองอีกเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยอีกขั้น

3. Pending Order สำคัญมาก
- แน่นอนว่าคนที่ทำงานประจำคงไม่มีเวลาจ้องกราฟทั้งวันหรอก…การเรียนรู้ที่จะใช้ Pending Order ในการออกคำสั่งเทรดจึงจำเป็นมากๆ
- Pending Order มันคือการตั้งคำสั่งล่วงหน้า เช่น Buy Limit, Sell Limit, Buy Stop หรือ Sell Stop ให้เปิดออเดอร์เมื่อราคามาถึงจุดที่คุณกำหนดไว้ล่วงหน้า
- จะอธิบายแต่ละคำสั่งแบบง่ายๆ ดังนี้ครับ
- Buy Limit = ให้เข้า Buy เมื่อราคาลดลงถึงจุดที่เราตั้งไว้ แล้วคาดว่าจะดีดขึ้น
- Sell Limit = ให้เข้า Sell เมื่อราคาขึ้นถึงจุดที่เราตั้งไว้ แล้วคาดว่าจะร่วงลง
- Buy Stop = ให้เข้า Buy เมื่อราคาทะลุขึ้นไปถึงจุดที่ตั้งไว้ แล้วคาดว่าจะขึ้นต่อ
- Sell Stop = ให้เข้า Sell เมื่อราคาทะลุลงมาถึงจุดที่ตั้งไว้ แล้วคาดว่าจะลงต่อ
- อย่าลืม! วาง Pending Order ไปแล้ว ใส่ Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) ควบคู่ไปกับคำสั่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง หากราคาวิ่งไม่เป็นไปตามแผน ก็จะได้ไม่เจ็บมากครับ หลักการวาง SL/TP อาจจะใช้ Risk/Reward เข้ามาช่วยครับ

4. แพลตฟอร์มเทรดต้องใช้ง่าย
- การทำงานประจำหากเราจะใช้คอมพิวเตอร์ของที่ทำงานมาเทรดส่วนตัวก็จะดูยังไงอยู่ ดังนั้นควรเลือกแพลตฟอร์มเทรดที่รองรับได้บนมือหรืออุปกรณ์หลายๆ ชนิด เพราะบางครั้งเราอาจต้องเปิดดูกราฟหรือจัดการออเดอร์ผ่านมือถือระหว่างพักกลางวัน
- ส่วนเรื่องอินเทอร์เฟซของแอปก็ควรใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีฟีเจอร์พื้นฐานครบ เช่น การวาง Pending Order, การตั้ง Stop Loss / Take Profit, การดูกราฟและแจ้งเตือนราคาสำคัญ รวมถึงควรโหลดไวและไม่เกิด Slippage ในเวลาสำคัญ
- อย่าลืมให้ความสำคัญกับโบรกเกอร์ด้วยนะครับเพราะแพลตฟอร์มที่ดีมันก็เป็นผลมาจาก โบรกเกอร์นั้นมีคุณภาพและปลอดภัย ครับ ดังนั้นแพลตฟอร์มดี = เทรดลื่น, โบรกเกอร์ดี = พอร์ตปลอดภัย มันต้องคู่กันครับ

5. ใช้ Copy Trade / EA
- สุดท้ายหากการเริ่มเทรดด้วยตัวเองยังยากไปสำหรับเราเพราะยังไม่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์กราฟหรือวางแผนการเทรด การใช้ Copy Trade หรือ EA (Expert Advisor) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
- Copy Trade คือระบบที่ให้เราสามารถติดตามการเทรดของเทรดเดอร์มืออาชีพแบบอัตโนมัติ เช่น ถ้าเราเลือกติดตาม MasterX เมื่อเขาเปิดออเดอร์ ระบบก็จะเปิดออเดอร์เดียวกันในบัญชีของเราแบบเรียลไทม์
- ข้อดีคือเราสามารถเรียนรู้แนวคิดการเทรดจากมือโปรไปพร้อมกับสร้างผลตอบแทนได้ด้วย
- ข้อเสียคือการเลือก Copy ต้องเลือกให้ดีและรอบคอบ หากเลือกผิดอาจจะขาดทุนแทน
- ส่วน EA คือโปรแกรมหรือบอทเทรดอัตโนมัติที่ทำงานตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ล่วงหน้า เช่น เข้า Buy เมื่อราคาแตะแนวรับที่ราคา xx เมื่อราคาวิ่งไปถึงระบบก็จะ Buy ให้เรา
- ข้อดีคือเทรดได้ 24 ชั่วโมงไม่หยุด และไม่ใช้อารมณ์ในการเทรด
- ข้อเสียคือต้องเลือก EA ที่มีการทดสอบและรีวิวเชื่อถือได้ ถ้าไปเจอ EA ห่วยๆ บอกเลยว่าเสี่ยงพอร์ตแตกได้

วิดีโอเกี่ยวกับการเทรด Forex ควบคู่งานประจำ
มีวิดีโอตัวหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ Mack Gray เทรดเดอร์และยูทูปเบอร์ออกมาแชร์ประสบการณ์และคำแนะนำในการ เทรด Forex แบบ Day Trading ควบคู่กับการทำงานประจำไปด้วย จะน่าสนใจและมีเคล็ดลับเหมือนกับบทความของเราหรือไม่ต้องติดตามดูครับ
- Focus นาทีที่ 01:48 ความสำคัญของวินัยและการบริหารเวลา
- Focus นาทีที่ 02:46 หาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรดให้ได้
- Focus นาทีที่ 03:44 ศึกษา Trading Session
- Focus นาทีที่ 05:48 แนะนำให้ใช้ช่วงพักกลางวันที่ทำงานให้เกิดประโยชน์
- Focus นาทีที่ 06:17 แรงจูงใจและการเอาชนะข้อแก้ตัว
สรุป
หลายคนอาจจะมองการเทรด Forex ควบคู่กับการทำงานประจำไปด้วยจะกลายเป็นเพิ่มความยุ่งยากไปอีก แต่ผมกลับมองว่ามีข้อได้เปรียบมากกว่าคือเราเทรด Forex โดยแบ่งเวลาไปทำงานด้วยดีกว่าต้องนั่งเฝ้าหน้าจออีก เพราะมันทั้งกดดันและเครียดมากๆ อีกทั้งทำงานประจำไปด้วยเราก็ยังมีรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
สิ่งสำคัญอยู่ที่ความขี้เกียจและวินัยของเราเท่านั้น ที่เราจะเอาชนะมันได้หรือไม่…หวังว่าบทความนี้จะเป็นเคล็ดลับเล็กๆ ที่พาเทรดเดอร์ Part-Time ทุกคนทำกำไรได้เยอะๆ เหมือนเทรดเดอร์ Full-Time นะครับ
ทีมงาน : thaiforexbroker.com

