eToro คือโบรกเกอร์ที่เปรียบเสมือนผู้บุกเบิกด้าน Social Trading และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากฟีเจอร์เด่นอย่าง CopyTrader อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ชาวไทยต้องทราบคือ eToro ได้ยุติการให้บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ปี 2021 และไม่รับลูกค้าใหม่จากประเทศไทยในปัจจุบัน
ความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของ EToro

- eToro เป็นโบรกเกอร์ที่เปิดให้บริการในหลายประเทศทั่วโลก และมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่งครับ
- มีการแยกบัญชีเงินของลูกค้าออกจากบัญชีของบริษัทตามมาตรฐานสากล สามารถดูรายละเอียดได้จากหัวข้อ eToro Money บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- แม้ว่า eToro จะไม่ได้เป็นสมาชิกของ The Financial Commission แต่ก็ยังได้รับการกำกับดูแลจากองค์กรทางการเงินที่เชื่อถือได้จากหลายประเทศอยู่เช่นกันครับ
- เว็บไซต์ของ eToro มีความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลสำคัญอย่างครบถ้วน ทั้งที่อยู่บริษัท ช่องทางติดต่อ ข้อตกลงการใช้บริการ และรายชื่อผู้บริหารอย่างชัดเจน
องค์กรกำกับดูแลตรวจสอบ ( license )

- สหราชอาณาจักร (FCA) Financial Conduct Authority
- ใบอนุญาตเลขที่: 583263
- จดทะเบียนในชื่อ: eToro (UK) Ltd
- ที่อยู่: 24th floor, One Canada Square, Canary Wharf, London E14 5AB
- ไซปรัส (CySEC) Cyprus Securities and Exchange Commission
- ใบอนุญาตเลขที่: 200585
- จดทะเบียนในชื่อ: Etoro (Europe) Ltd
- ที่อยู่: 4, Profiti Ilias Street, Kanika Business Centre, 7th Floor, Germasogia, CY-4046 Limassol
- มอลตา (MFSA) Malta Financial Services Authority
- ใบอนุญาตเลขที่: C 97952
- จดทะเบียนในชื่อ: ETORO MONEY MALTA LTD
- ที่อยู่: 68, Northfields, Penthouse 10, Vjal L-Indipendenza, Mosta, Malta MST 9026
- อาบูดาบี (FSRA) Financial Services Regulatory Authority, ADGM
- ใบอนุญาตเลขที่: 220073
- จดทะเบียนในชื่อ: eToro (ME) Ltd
- ที่อยู่: Office 207 and 208, 15th Floor, Al Sarab Tower, ADGM Square, Al Maryah Island, Abu Dhabi
- ออสเตรเลีย (ASIC) Australian Securities & Investments Commission
- เลขประจำตัว: ABN: 46 621 283 369
- จดทะเบียนในชื่อ: ETORO AUSTRALIA PTY LTD
- ที่อยู่: Potts Point, NSW 2011
- เซเชลส์ (FSA) Financial Services Authority Seychelles
- ใบอนุญาต: SD076 (มีการกำกับดูแลจริง แต่ยังไม่พบเลขที่ใบอนุญาตบนเว็บไซต์ทางการ)
- จดทะเบียนในชื่อ: eToro (Seychelles) Ltd
- ที่อยู่: eToro Suites S45, Second Floor, Espace Building, Victoria, Mahe, Seychelles
- สหรัฐอเมริกา (FinCEN) Financial Crimes Enforcement Network
- ใบอนุญาตเลขที่: FinCEN #31000204884179 (ตรวจสอบรายชื่อในฐานข้อมูล Excel พบว่า eToro USA LLC มีอยู่จริง)
- จดทะเบียนในชื่อ: eToro USA LLC
- ยิบรอลตาร์ (FSC) Gibraltar Financial Services Commission
- ใบอนุญาตเลขที่: 116348
- จดทะเบียนในชื่อ: eToro X Limited
- ที่อยู่: Unit 3.06 Madison Building, Midtown, Queensway, Gibraltar
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ประวัติองค์กร และประวัติการดำเนินงาน

ข้อมูลบริษัทและประวัติโดยย่อ
- eToro ก่อตั้งขึ้นในปี 2007
- ผู้ก่อตั้งคือ Yoni Assia และ Ronen Assia
- สัญชาติของผู้ก่อตั้ง: อิสราเอล
- จุดเริ่มต้นของบริษัทคือการพัฒนาแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่าย เข้าถึงได้สำหรับทุกคน
- เริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์มเทรดฟอเร็กซ์ และต่อมาได้ขยายไปยัง หุ้น, คริปโตเคอเรนซี, และ ETF
- ปัจจุบัน eToro เปิดให้บริการในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
- มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 2,522 คน
- คติประจำบริษัทคือ: “A world where everyone can trade and invest in a simple and transparent way”
- ที่อยู่สำนักงานใหญ่: 24th floor, One Canada Square, Canary Wharf, London, E14 5AB, United Kingdom ดูแผนที่ Google Map
- ที่อยู่สำนักงานใกล้ประเทศไทย (ออสเตรเลีย): eToro AUS Capital Limited, L3 – 60 Castlereagh street, Sydney NSW 2000, Australia ดูแผนที่ Google Map
ประเภทและลักษณะของโบรกเกอร์
- ประเภทโบรกเกอร์: Hybrid Broker
- ไม่มีข้อมูลเปิดเผยเกี่ยวกับ Liquidity Provider
- ให้บริการในภาษาหลักมากกว่า 20 ภาษา เช่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส จีน สเปน อิตาลี รัสเซีย เวียดนาม ฯลฯ
- ไม่มีการเปลี่ยนแบรนด์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
- สิ่งที่ใช้ดึงดูดลูกค้า คือ ความน่าเชื่อถือจากใบอนุญาตที่ได้รับจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำหลายประเทศ นั่นเองครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหาร
Yoni Assia
- ตำแหน่ง: ผู้ก่อตั้งและ CEO
- สัญชาติ: อิสราเอล
- มีบทบาทสำคัญในวงการคริปโต โดยเคยร่วมเขียน Whitepaper สำหรับ Colored Coins ร่วมกับ Vitalik Buterin
- เคยให้สัมภาษณ์ว่าตลาดสหรัฐอเมริกาจะเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของบริษัทในอนาคตอีกด้วยครับ แหล่งข่าว: ch
Ronen Assia
- ตำแหน่ง: ผู้ร่วมก่อตั้ง
- สัญชาติ: อิสราเอล
- เคยให้สัมภาษณ์ถึงมุมมองการเปลี่ยนแปลงในตลาดคริปโตและกลยุทธ์ของ eToro ในการปรับตัวแหล่งข่าว: com
ระดับความนิยมของ EToro ในไทยและต่างประเทศ

ระดับความนิยมและจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก
- มียอดผู้เข้าเว็บไซต์จากทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 823,000 ครั้งต่อเดือน (ข้อมูลจาก Ubersuggest)
- ข้อมูลโซเชียลมีเดีย
- มีผู้ติดตามบน Facebook page (ชื่อเพจ: eToro) มากถึง 5 ล้านคน
- บน YouTube (ชื่อช่อง: eToro) มีผู้ติดตามอยู่ที่ 96,200 คน
- และบน Instagram (ชื่อบัญชี: etoro_official) ก็มีผู้ติดตามประมาณ 151,000 คน
ชื่อเสียงของ eToro ในไทย
- eToro เริ่มเข้าทำการตลาดในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 โดยมีการเปิดเพจ eToroThai บน Facebook
- ต่อมาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2021 มีการแจ้งหยุดให้บริการแพลตฟอร์มนี้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
- วิธีการทำตลาดของ eToro ในไทยคือผ่านทาง Facebook ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเทรด ข่าวเศรษฐกิจ รวมถึงข่าวนอกปฏิทินที่ส่งผลต่อ CFD
- กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับความนิยมในไทยส่วนใหญ่จะเป็นนักเทรดที่สนใจในระบบ CopyTrade
- ข้อมูลโซเชียลมีเดียในไทย
- เพจ Facebook ภาษาไทย (ชื่อเพจ: eToroThai) มีผู้ติดตามประมาณ 4 ล้านคน
- ไม่มีช่อง YouTube หรือ Instagram ที่เป็นทางการในประเทศไทย
- ไม่มีข้อมูลยอดเข้าชมเว็บไซต์จากประเทศไทยที่สามารถยืนยันได้ในตอนนี้ครับ
ขั้นตอนการสมัคร เปิดบัญชี
ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่สามารถสมัครได้
รีวิวจากเทรดเดอร์ทั่วโลก

เมื่อพูดถึง eToro หนึ่งในโบรกเกอร์ระดับโลกที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าการดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของประสบการณ์การใช้งานได้ชัดเจนมากขึ้นครับ ซึ่งจากแหล่งรีวิวยอดนิยมอย่าง ForexPeaceArmy และ Trustpilot ก็มีความคิดเห็นหลากหลายทั้งแง่บวกและแง่ลบ ดังนี้ครับ
รีวิวจากเว็บไซต์ ForexPeaceArmy (FPA)
- คะแนนรีวิว: 1.726 / 5 จำนวนผู้รีวิว 230 คน
- ถือว่าคะแนนค่อนข้างต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ที่อาจไม่ดีนักในสายตาผู้ใช้งานบางกลุ่ม
รีวิวจากเว็บไซต์ Trustpilot
- คะแนนรีวิว: 4.2 / 5 จำนวนผู้รีวิว 27,985 คน
- คะแนนระดับนี้ถือว่าค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นในระดับเดียวกัน ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่มองว่า eToro ให้บริการที่ดีพอสมควรนั่นเองครับ
ปัญหาที่พบบ่อยจากผู้ใช้งาน
แม้ว่า eToro จะได้รับคะแนนรีวิวดีในบางแพลตฟอร์ม แต่ก็มีผู้ใช้งานบางส่วนที่พบปัญหาในการใช้งาน โดยเฉพาะเรื่องการให้บริการลูกค้าและการจัดการบัญชี ซึ่งมีรายละเอียดที่ถูกรายงานไว้ดังนี้ครับ
- ฝ่ายบริการลูกค้าไม่ช่วยเหลือเท่าที่ควร อ้างอิงจาก ForexPeaceArmy
- บางรายถูกล็อคบัญชี และไม่ได้รับเงินคืน อ้างอิงจาก ForexPeaceArmy เช่นกัน
- ปัญหาในการถอนเงิน แม้จะติดต่อฝ่ายซัพพอร์ตแล้วก็ตาม อ้างอิงจาก Trustpilot
โดยรวมแล้ว ถึงแม้ eToro จะได้รับคะแนนรีวิวที่ดีในภาพรวมจากแหล่งใหญ่ๆ อย่าง Trustpilot แต่ก็ยังมีบางกรณีที่ลูกค้าเจอปัญหาด้านบริการและการจัดการบัญชี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานใหม่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีด้วยครับ
หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ eToro ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่อาจต้องศึกษารายละเอียดให้รอบด้านก่อนเสมอเช่นกันครับ
Copytrade ของ Etoro

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ทำให้ eToro โดดเด่นเหนือโบรกเกอร์หลายเจ้าก็คือระบบ CopyTrade ซึ่งเหมาะมากสำหรับมือใหม่หรือคนที่อยากลงทุนแต่ไม่มีเวลาศึกษาตลาดอย่างลึกซึ้ง เพราะระบบนี้ช่วยให้คุณสามารถ “คัดลอก” การเทรดของนักลงทุนมืออาชีพได้แบบเรียลไทม์นั่นเองครับ
CopyTrade คืออะไร?
- เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้คุณเลือกเทรดเดอร์คนเก่ง ๆ จากทั่วโลก แล้ว กดติดตามเพื่อคัดลอกพอร์ตและกลยุทธ์การเทรดของเขาโดยอัตโนมัติ
- ไม่ต้องวิเคราะห์เอง ไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอ แค่เลือกคนที่คุณมั่นใจ แล้วระบบจะจัดการทุกอย่างให้เองครับ
- ถ้าเขากำไร คุณก็กำไร ถ้าเขาขาดทุน คุณก็ขาดทุนตามในสัดส่วนที่คุณตั้งไว้
จุดเด่นของ CopyTrade บน eToro
- ใช้งานง่ายมาก แค่ไม่กี่คลิกก็สามารถ Copy เทรดเดอร์ที่ต้องการได้ทันที
- สามารถดูสถิติเชิงลึกของนักเทรดแต่ละคนได้ เช่น ผลตอบแทนย้อนหลัง ความเสี่ยง ระยะเวลาการเทรด ฯลฯ
- ตั้งวงเงินลงทุนได้ตามต้องการ เริ่มต้นขั้นต่ำเพียง $200 ต่อคนที่คุณต้องการ Copy
- สามารถหยุด Copy ได้ทุกเมื่อ โดยที่ยังควบคุมเงินของตัวเองได้เต็มที่
- มีระบบจัดอันดับ Popular Investor เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหานักเทรดที่น่าสนใจ
จุดเด่นของ CopyTrade บน eToro
- ใช้งานง่ายมาก แค่ไม่กี่คลิกก็สามารถ Copy เทรดเดอร์ที่ต้องการได้ทันที
- สามารถดูสถิติเชิงลึกของนักเทรดแต่ละคนได้ เช่น ผลตอบแทนย้อนหลัง ความเสี่ยง ระยะเวลาการเทรด ฯลฯ
- ตั้งวงเงินลงทุนได้ตามต้องการ เริ่มต้นขั้นต่ำเพียง $200 ต่อคนที่คุณต้องการ Copy
- สามารถหยุด Copy ได้ทุกเมื่อ โดยที่ยังควบคุมเงินของตัวเองได้เต็มที่
- มีระบบจัดอันดับ Popular Investor เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหานักเทรดที่น่าสนใจ
แพลตฟอร์มเฉพาะในการเทรดของ etoro

สำหรับใครที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีฟีเจอร์ครบถ้วน eToro ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะเรื่องของแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทั้งมือใหม่และนักลงทุนทั่วไปที่ไม่ต้องการอะไรยุ่งยากนั่นเองครับ
ประเภทแพลตฟอร์มที่ eToro ให้บริการ
- แพลตฟอร์มเทรดผ่านเว็บไซต์ (Web Platform)
- ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย ดูทันสมัย เหมาะกับนักลงทุนทั่วไป
- มีข้อมูลข่าวสารและแผนภูมิราคาพร้อมให้ใช้งานแบบเรียลไทม์
- แอปพลิเคชันบนมือถือ (Mobile App)
- รองรับทั้งระบบ iOS และ Android
- ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันเหมือนบนเว็บครบถ้วน
- สามารถเทรดได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่พลาดโอกาสลงทุน
จุดเด่นของแพลตฟอร์ม eToro
- CopyTrader ระบบคัดลอกการเทรดจากนักเทรดมืออาชีพ เพียงเลือกคนที่คุณเชื่อมั่น ระบบก็จะเทรดตามให้โดยอัตโนมัติ
- Social Trading มีระบบคล้ายโซเชียลมีเดีย ที่ให้เทรดเดอร์พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และติดตามกันได้
- Multi-Asset Platform รองรับการลงทุนหลากหลายประเภท ทั้ง ฟอเร็กซ์, หุ้น, คริปโต, สินค้าโภคภัณฑ์, ETF และดัชนีต่าง ๆ
- Virtual Portfolio บัญชีทดลองสำหรับฝึกเทรดก่อนใช้เงินจริง เหมาะมากสำหรับผู้เริ่มต้นครับ
แล้ว MT4 / MT5 ล่ะ? มีให้ใช้ไหม?
- สำหรับคนที่เทรดฟอเร็กซ์มานาน คงคุ้นเคยกับ MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของเทรดเดอร์สายเทคนิคอล
- แต่สำหรับ eToro แล้ว ไม่มีการรองรับ MT4 หรือ MT5 ครับ
- แพลตฟอร์มของ eToro จะใช้ระบบที่พัฒนาขึ้นมาเองโดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะกับแนวคิดการลงทุนแบบ CopyTrading และ Social Trading มากกว่า
- ดังนั้นถ้าคุณเป็นสายวิเคราะห์กราฟแบบละเอียดหรือใช้ EA (Expert Advisor) ก็อาจต้องพิจารณาตรงนี้ก่อนครับ
ประเภทบัญชีเทรดของ EToro

- บัญชีค้าจริง (Real Account)
-
- บัญชีมาตรฐานสำหรับการเทรดด้วยเงินจริง
- รองรับสินทรัพย์หลากหลาย เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น ETF คริปโต และ CFD
- ใช้งานฟีเจอร์ CopyTrader และ Social Trading ได้ครบทุกอย่าง
- บัญชีทดลอง (Demo Account)
-
- บัญชีจำลองพร้อมเงินเสมือน $100,000 ให้ลองเทรดโดยไม่เสี่ยงเงินจริง
- ใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับบัญชีจริง
- บัญชีลูกค้าระดับมืออาชีพ (Professional Account)
-
- สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ปริมาณการซื้อขาย หรือพอร์ตการลงทุน
- ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการใช้เลเวอเรจที่สูงกว่า
- บัญชีองค์กร (Corporate Account)
-
- ออกแบบมาสำหรับธุรกิจ หรือผู้ให้บริการสัญญาณการเทรด
- ต้องมีเงินฝากขั้นต่ำในการเปิดใช้งาน เช่น $10,000 eToroDailyForex
- บัญชีอิสลาม (Islamic Account)
-
- เหมาะสำหรับลูกค้าตามหลักศาสนาอิสลาม ไม่คิดค่าธรรมเนียม overnight (swap)
- บัญชีเงินสกุล (Currency Accounts via eToro Money Wallet)
-
- รองรับทั้ง USD (บัญชีมาตรฐาน) และ EUR (สำหรับลูกค้า EU ใช้งานผ่าน SEPA)
- ช่วยลดค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเวลาฝากถอนหรือเปิดออเดอร์ด้วยสกุลเดียวกัน
หมายเหตุ: eToro ไม่มีบัญชีประเภท ECN, STP, Cent หรือบัญชี Swap-Free (บัญชีอิสลาม) แบบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ทั่วไปครับ เพราะเน้นการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับ Social Trading และลงทุนระยะยาวเป็นหลักนั่นเองครับ
การฝากถอนเงิน
เรื่องการฝากถอนเงินถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่นักเทรดทุกคนให้ความสนใจ เพราะถ้าระบบฝากถอนใช้งานยาก หรือใช้เวลานาน ก็อาจส่งผลต่อการลงทุนได้โดยตรง ซึ่งสำหรับ eToro แล้ว ระบบฝากถอนถือว่าค่อนข้างมาตรฐานและใช้งานง่ายพอสมควรเลยครับ
การฝากเงิน
- ช่องทางการฝากเงินที่รองรับ
- บัตรเครดิต / เดบิต (Visa, Mastercard)
- Internet Banking / Bank Transfer /PayPal /Neteller /Skrill /Rapid Transfer
- ยอดฝากขั้นต่ำ
- สำหรับครั้งแรก: โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ $50 – $200 ขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณอยู่
- สำหรับการฝากครั้งต่อไป: ขั้นต่ำ $50 (ในบางประเทศอาจต่ำกว่านี้)
- ระยะเวลาที่ใช้ในการฝาก
- ส่วนใหญ่จะเข้าทันที (โดยเฉพาะช่องทางที่เป็นแบบออนไลน์)
- ถ้าเป็นการโอนผ่านธนาคารอาจใช้เวลาประมาณ 3–5 วันทำการ
การถอนเงิน
- ช่องทางการถอนเงิน
- ถอนเงินผ่านช่องทางเดียวกับที่คุณใช้ฝากเงิน
- หากฝากผ่านบัตรเครดิต ก็จะถอนได้กลับไปยังบัตรเครดิตเท่านั้น
- ในกรณีที่ฝากผ่านหลายช่องทาง ระบบจะจัดลำดับการถอนให้ตามนโยบายของ eToro
- ยอดถอนขั้นต่ำ
- ถอนขั้นต่ำอยู่ที่ $30
- ค่าธรรมเนียมการถอน
- มีค่าธรรมเนียมการถอนเงิน $5 ต่อครั้ง
- ระยะเวลาในการถอนเงิน
- ปกติจะใช้เวลาประมาณ 1–3 วันทำการ
- แต่บางกรณีอาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับช่องทางที่ใช้และการตรวจสอบความปลอดภัยครับ

ช่องทางการติดต่อ
สำหรับใครที่ต้องการติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง eToro ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งานแพลตฟอร์ม การเปิดบัญชี หรือแจ้งปัญหาต่าง ๆ ทาง eToro ก็มีระบบซัพพอร์ตที่จัดไว้รองรับลูกค้าอยู่เหมือนกันครับ แม้จะไม่ได้หลากหลายเท่าโบรกเกอร์บางราย แต่ก็มีช่องทางพื้นฐานให้ใช้งานได้พอสมควรเลยทีเดียวครับ
รายละเอียดช่องทางการติดต่อของ eToro
- Live Chat บนหน้าเว็บไซต์
- มีให้ใช้งาน แต่ต้อง ล็อกอินเข้าสู่ระบบก่อน ถึงจะสามารถใช้งานได้
- ถือว่าเหมาะสำหรับลูกค้าที่มีบัญชีอยู่แล้ว และต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน
- อีเมล / แบบฟอร์มฝากข้อความ
- ไม่มีอีเมลตรงให้ติดต่อ แต่สามารถฝากข้อความผ่านหน้าเว็บไซต์ แล้วทางทีมงานจะตอบกลับผ่านทางอีเมล
- เหมาะสำหรับปัญหาที่ไม่เร่งด่วนมาก หรือใช้ในกรณีที่ไม่สามารถล็อกอินเข้า Live Chat ได้ครับ
- ไม่มีเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อ
- ลูกค้าไม่สามารถโทรสอบถามข้อมูลโดยตรงได้
- ถือว่าเป็นข้อจำกัดที่อาจไม่สะดวกสำหรับบางคน
- ไม่มี Line Official หรือช่องทางโซเชียลที่รองรับการซัพพอร์ตโดยตรง
- แม้จะมีเพจ Facebook แต่ไม่ได้ใช้เป็นช่องทางซัพพอร์ตหลักครับ
- ไม่มีทีมซัพพอร์ตภาษาไทย
- การติดต่อทั้งหมดจะเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ใช้งานบางกลุ่ม
สรุปข้อดี ข้อเสีย โดยผู้เชี่ยวชาญของ Thaiforexbroker
✅ ข้อดีของ eToro สำหรับคนไทย
- เป็นโบรกเกอร์ระดับโลก ที่มีใบอนุญาตจากหลายหน่วยงานกำกับดูแล เช่น FCA, ASIC, CySEC และอื่น ๆ ซึ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ดีครับ
- ใช้งานง่ายมาก ด้วยแพลตฟอร์มเดียวแบบ All-in-one ไม่ต้องเลือกบัญชีให้วุ่นวาย
- มีระบบ CopyTrader ที่ช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถเทรดตามมืออาชีพได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีประสบการณ์มาก
- มีบัญชีทดลอง (Demo Account) สำหรับฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง เหมาะกับมือใหม่ที่อยากลองก่อนเทรดจริง
- รองรับสินทรัพย์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฟอเร็กซ์ หุ้น คริปโต ETF ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์
- ระบบ Social Trading ช่วยให้สามารถพูดคุย วิเคราะห์ และติดตามนักเทรดคนอื่นได้ในแพลตฟอร์มเดียว
- มีเว็บไซต์และเพจภาษาไทย แม้ปัจจุบันจะหยุดให้บริการในไทย แต่ข้อมูลบางส่วนยังเข้าถึงได้
- เหมาะกับนักลงทุนทั่วไป ที่ต้องการเทรดแบบง่าย ๆ ไม่เน้นวิเคราะห์กราฟเชิงเทคนิคมากนักครับ
❌ ข้อเสียของ eToro สำหรับคนไทย
- ไม่มีซัพพอร์ตภาษาไทย ทั้งในแชทและอีเมล ทำให้การขอความช่วยเหลืออาจลำบากสำหรับคนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ
- ไม่มี MT4 / MT5 ให้ใช้งาน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับเทรดเดอร์สายเทคนิคอลที่ต้องการใช้ EA หรืออินดิเคเตอร์ขั้นสูง
- ค่าธรรมเนียมถอนเงิน $5 ต่อครั้ง ซึ่งถือว่าแพงกว่าหลายโบรกเกอร์
- ถอนขั้นต่ำ $30 อาจเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคน โดยเฉพาะมือใหม่ที่เริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อย
- ไม่มีการให้บริการในประเทศไทยโดยตรงแล้ว ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ซึ่งอาจทำให้บางบริการเข้าถึงยากขึ้น
- การติดต่อซัพพอร์ตต้องล็อกอินก่อน และไม่มีเบอร์โทร หรือช่องทางรวดเร็วอื่นอย่าง Line
- มีรีวิวแง่ลบบ้างจากผู้ใช้งานจริง เช่น การถอนเงินล่าช้า หรือบัญชีถูกล็อก ซึ่งควรอ่านและพิจารณาก่อนใช้งานครับ
บทสรุปควรเลือก eToro หรือไม่?
สำหรับนักลงทุนชาวไทยที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ระดับโลกที่ใช้งานง่ายและมีความน่าเชื่อถือ eToro ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยจุดแข็งด้านแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาให้เหมาะกับนักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะระบบ CopyTrader ที่ช่วยให้มือใหม่สามารถลงทุนตามมืออาชีพได้อย่างสะดวก
อย่างไรก็ตาม eToro อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ MT4/MT5 หรือเทรดแบบเทคนิคอลลึก ๆ และยังไม่มีทีมซัพพอร์ตภาษาไทย ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคน ดังนั้นก่อนเปิดบัญชี ควรศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน และเลือกให้ตรงกับสไตล์การลงทุนของตัวเองจะดีที่สุดครับ
เอกสารอ้างอิง
- Thai Broker Forex. (n.d.). เทรดกับ eToro ปลอดภัยไหม? ข้อดี ข้อเสีย มีคำตอบ. https://thaibrokerforex.com/is-it-safe-to-trade-with-etoro/
- ThaiForexBroker. (n.d.). รีวิวโบรกเกอร์ eToro ข้อดี ข้อเสีย อัปเดตล่าสุด. https://www.thaiforexbroker.com/etoro-review/
- Forex Peace Army. (n.d.). eToro Review. https://www.forexpeacearmy.com/forex-reviews/3731/etoro-review
- Trustpilot. (n.d.). eToro Reviews. https://www.trustpilot.com/review/www.etoro.com

