ทำไมต้องเทรด Forex? …ข้อดีที่นักลงทุนควรรู้

เรามาอยู่ในยุคที่การลงทุนไม่ใช่แค่การซื้อทองคำเก็บไว้หรือซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรเพียงอย่างเดียวแล้ว…ยุคนี้การลงทุนส่วนมากเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การซื้อ-ขายสินทรัพย์ต่างๆ หรือที่เราเรียกว่า “การเทรด” ซึ่งการเทรดนี้ก็มีหลากหลายสินทรัพย์ แต่เราจะมาเน้นกันที่สกุลเงินต่างประเทศหรือ Forex ว่า “ทำไมคุณถึงต้องเทรด Forex…มันมีดีอะไร?


Highlight บทคัดย่อ

  • เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดการเทรด Forex ขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือเหตุผลด้านพื้นฐานตลาด
    1. ตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่สุดในโลก
    2. ตลาด Forex มีสภาพคล่องสำหรับการเทรดสูงมาก
    3. ตลาด Forex เปิด 24/5
  • ส่วนที่สองคือเหตุผลด้านความนิยมมี 2 ข้อด้วยกันคือ การเทรด Forex สามารถเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อยได้และการเข้าถึงตลาด Forex ทำได้ง่ายโดยผ่านโบรกเกอร์ Forex ที่มีมากมายในตลาด
  • ส่วนที่สามคือเหตุผลเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของการเทรด Forex คือ Forex สามารถใช้ Leverage ได้สูงมาก (กำไร/ขาดทุน สูงด้วย) และสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

7 เหตุผลว่าทำไมต้องเทรด Forex

ผมมีเหตุผลสั้นๆ แค่ 7 ข้อ (สั้นมั้ย?) ที่จะบอกคุณว่า การเทรด Forex มีข้อดีที่แตกต่างจากการลงทุนอื่นๆ ยังไงบ้าง?

1. ตลาดใหญ่ที่สุดในโลก

  • ข้อมูลล่าสุดจาก Bank for International Settlements (BIS) ระบุว่ามูลค่าการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ทั่วโลกเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 7.5 ล้านล้าน USD
    • ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของการซื้อขาย Forex คือ สหราชอาณาจักร มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 4.045 ล้านล้านUSD/วัน รองลงมาคือ USA 1.377 ล้านล้านUSD/วัน
  • ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตลาด Forex ไม่มีมูลค่าซื้อขายที่ลดลงเลย นั่นก็เพราะทุกประเทศทั่วโลกต้องมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินกันอยู่ตลอด = ตลาดแห่งนี้ก็การันตีให้รายย่อยได้เทรดได้อีกยาวนาน
แผนภูมิแสดงสัดส่วนการซื้อขายในตลาด Forex
ที่รายย่อยส่วนใหญ่เทรดกัน ก็คือเทรดแบบ Spot = ตกลงซื้อขาย “ณ ราคาตลาดตอนนั้นทันที” (นิยมเป็นที่ 2 ของตลาด) หลายคนเข้าใจผิดว่าการใช้ Pending Order คือการซื้อ-ขายแบบ Futures…ไม่ใช่จ้า! มันแค่การคำสั่งที่ตั้งไว้ล่วงหน้า เพื่อเทรดแบบ Spot ในราคาที่เราพอใจเท่านั้นเอง

2. เปิด 24/5

  • ตลาด Forex เปิด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะอิงตามเวลาการเปิดปิดของธนาคารกลางของประเทศสกุลเงิน (Market Sessions) เช่น
    • ช่วงเช้ามืด (ประมาณ 4:00 – 7:00 น.): เป็นช่วงที่ตลาด Sydney เปิดทำการ สกุลเงินที่เริ่มมีการซื้อ-ขายและเริ่มมีผลกระทบก็คือ AUD, NZD
    • ช่วงเช้า (ประมาณ 7:00 น.): ตลาดญี่ปุ่นเริ่มเปิด สกุลเงิน JPY (เยนญี่ปุ่น) ก็เริ่มขยับ
    • ช่วงบ่าย (ประมาณ 15:00 น.): ตลาดยุโรปเปิดทำการ สกุลเงิน EUR (ยูโร) และ GBP (ปอนด์) เริ่มวิ่ง
    • ช่วงค่ำ (ประมาณ 19:00 น.): ตลาดอเมริกาเปิดทำการและจะคึกคักมากเพราะ USD รันวงการแล้ว
  • ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีข่าวสาร+ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อค่าเงินให้แข็งหรืออ่อน แต่ถ้าเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ธนาคารก็จะปิด กราฟราคาก็นิ่งไม่มีการซื้อขาย
เวลาเปิดปิดตลาด Forex Market Sessions ตามเวลาประเทศไทย
อิงจากเวลาประเทศไทยแล้ว คู่เงินที่คึกคักที่สุดในการซื้อขายเป็นช่วงตั้งแต่ 14:00 น. – 03:00 น. ของอีกวันเพราะเป็นช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทำการ สกุลเงินหลักทั้งหลายจะเริ่มวิ่งแรง เช่น USD, EUR, GBP

3. ทุนน้อยก็เทรดได้!

  • เงินทุนในการเริ่มต้นเทรด Forex เมื่อเทียบการลงทุนแบบอื่นๆ นั้นถือว่าน้อยมากๆ บางโบรกเกอร์ให้เริ่มต้นฝากเงินแค่ 100 บาท! ก็เริ่มเทรดได้แล้ว เช่น โบรกเกอร์ Markets4you
  • บางครั้ง โบรกเกอร์ Forex ก็แจกโบนัสให้เทรดฟรีๆ ไม่ต้องฝาก แถมกำไรจากการเทรดก็ถอนได้ด้วย! ถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งสำหรับการเทรด Forex ที่การลงทุนอื่นๆ ยากจะเลียนแบบ

4. Leverage

  • ต่อจากเรื่องเงินทุนน้อยก็เริ่มเทรด Forex ได้ ปัจจัยก็มาจากการมี Leverage ให้ใช้นี่แหละครับ ซึ่ง Leverage มันก็คืออัตราส่วนอำนาจการซื้อขายที่โบรกเกอร์ให้เรายืมเพื่อเทรดได้มากขึ้น เช่น
    • ถ้าคุณมีเงิน 1,000 บาท ปกติเราก็เทรดสินทรัพย์ได้ในราคาไม่เกิน 1,000 บาท แต่เมื่อใช้ Leverage เช่น 1:100 โบรกเกอร์จะให้ยืมอำนาจในการซื้อขายเพิ่มขึ้น 100 เท่า = ตอนนี้สามารถทำการซื้อขายในตลาดได้เสมือนกับว่าคุณมีเงิน 100,000 บาท
  • ส่วนนี้สำคัญเพราะมันมีเรื่องต้องระวัง! เช่นกัน
    • เมื่อคุณเทรดด้วยเงิน 100,000 บาท หากราคาขยับไปในทางที่คาดการณ์ไว้แค่ 1% ก็จะได้กำไร 1% ของ 100,000 บาท ซึ่งก็คือ 1,000 บาท กลับกันถ้าตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง 1% คุณก็จะขาดทุน 1% ของ 100,000 บาท ซึ่งก็คือ 1,000 บาท เช่นกัน
การทำงานของ Leverage ในตลาด Forex
Leverage เป็นเครื่องมือที่ทำให้การเทรดทำกำไรได้มากขึ้นก็จริงแต่มันก็ส่งผลให้การขาดทุนมากขึ้นพอๆ กัน เทรดเดอร์มือใหม่ต้องเข้าใจและใช้ Leverage อย่างเหมาะสม

5. สภาพคล่องสูง

  • อย่างที่บอกไปว่าตลาด Forex เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก จึงไม่แปลกเลยที่ในตลาดจะมี “ผู้เล่น” ทั้ง รายใหญ่ และรายย่อยเต็มไปหมดและนั่นก็ทำให้สภาพคล่องในตลาด Forex สูงมาก
  • พอ สภาพคล่อง สูงก็ทำให้การซื้อ-ขายเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง คำสั่งซื้อ/ขาย จะถูกจับคู่และดำเนินการได้เกือบจะทันที

6. ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

  • นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตลาด Forex เลยล่ะครับ การที่เราสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงก็เพราะ เราทำการซื้อขายเป็นคู่สกุลเงินไม่ได้ซื้อสินทรัพย์นั้นมาเก็บไว้เฉยๆ แบบซื้อถูกมาขายแพงอะไรแบบนั้น
  • อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ถ้ามีเงิน 1,000 บาทไทย อยากเทรดคู่เงิน AUDUSD
    • ถ้าเราวิเคราะห์ว่า AUD จะแข็งค่ากว่า USD ก็กด Buy ซื้อ AUD เพื่อเก็งกำไร
    • แต่ถ้าเห็นว่า USD จะแข็งค่ากว่า AUD ก็กด Sell (ขาย AUD ถือ USD เพื่อเก็งกำไรแทน)
  • คือเราจะมองสกุลเงินหลัก (Base Currency) ซึ่งคือ AUD เป็น “สินค้า” และ USD คือ “ป้ายราคาต่อสินค้า 1 ชิ้น”
  • ดังนั้นกราฟราคาที่เราดูอยู่และเห็นตัวเลขด้านขวา = ราคาในหน่วยสกุลเงินตัวหลังต่อ 1 หน่วยสกุลเงินตัวหน้า ซึ่งในตัวอย่างที่ยกมาก็คือ AUDUSD
การทำกำไรในตลาด Forex ทั้งขาขึ้นและขาลง
กราฟคู่เงิน AUD/USD อยู่ที่ประมาณ 0.65930 ซึ่งหมายความว่า 1 AUD มีค่าเท่ากับ 0.65930 USD การที่เรา Buy = เราเก็ง AUD ถ้ากราฟราคาขึ้นเราได้กำไร (ซื้อถูกขายแพงแบบปกติ) ถ้า Sell = เราเก็ง USD ถ้ากราฟราคาลงเราได้กำไรเพราะเราถือ USD ไว้ตอนที่ AUD แข็ง (USD อ่อน) แต่ตอนนี้ AUD อ่อน (USD แข็ง) (เหมือนซื้อถูกขายแพงแค่สลับด้าน)

7. เข้าถึงโบรกเกอร์ Forex ได้ง่าย

  • โบรกเกอร์ Forex คือบริษัทตัวกลางที่ทั้งเทรดตรงข้ามกับเราหรือส่งคำสั่งเราไปยังตลาดจริง (มีทั้ง 2 แบบ) ซึ่งในความเป็นจริงมีตัวเลือกโบรกเกอร์ Forex เยอะมากๆ
  • แต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีจุดขายที่น่าสนใจ เช่น ความน่าเชื่อถือ หรือการแจกโบนัส เพื่อดึงดูดเทรดเดอร์มาเทรดกับพวกเขาและในประเทศไทยก็มี โบรกเกอร์ที่คนไทยนิยมอย่างมาก เช่น โบรกเกอร์ XM, โบรกเกอร์ Exness, โบรกเกอร์ FBS เป็นต้น
  • ที่อยากจะเตือนคือโบรกเกอร์เป็นบริษัทเอกชนไม่ได้ผ่านการรับรองจาก กลต. ดังนั้นย่อมมีโบรกเกอร์ที่คุณภาพแย่+โกง ปะปนเข้ามาในตลาด เทรดเดอร์ต้องเลือกใช้บริการให้รอบคอบ ง่ายที่สุดเลยก็อ่าน รีวิวโบรกเกอร์ ของเว็บเราก็ได้ครับ!
5 โบรกเกอร์ Forex ที่นิยมในประเทศไทย
ในประเทศไทยมีโบรกเกอร์ที่คนไทยนิยมใช้งานมากมาย เช่น XM, Exness, HFM, IC Markets, FBS ด้วยเหตุผลทางด้านการตลาดและความสะดวกในการฝากถอน รวมถึงคนไทยชอบเทรดทองคำ โบรกเกอร์เหล่านี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี

วิดีโอ Forex Trading vs Stock Trading

 

อาจจะมีบางคนยังไม่เห็น ความแตกต่างระหว่างการเทรด Forex และการเทรดหุ้น โดยวิดีโอนี้จะเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างการเทรด Forex และการเทรดหุ้น ให้เห็นแบบช็อตต่อช็อต

  • Focus นาทีที่ 01:53 การเข้าถึงตลาด Forex vs Stock
  • Focus นาทีที่ 03:00 สภาพคล่อง (Market Liquidity) Forex vs Stock
  • Focus นาทีที่ 04:05 ความหลากหลายของเครื่องมือเทรด Forex vs Stock
  • Focus นาทีที่ 04:35 ความผันผวนของตลาด
  • Focus นาทีที่ 05:17 การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคระหว่าง Forex vs Stock
  • Focus นาทีที่ 07:23 Leverage และ Margin
  • Focus นาทีที่ 08:21 กฎระเบียบและการกำกับดูแล

สรุป

การเทรด Forex ดูจะเป็นตัวเลือกที่แตกต่างจากการลงทุนแบบอื่นๆ…แต่ขอบอกก่อนว่ามันไม่ใช่เส้นทางลัดสู่ความรวยเร็วอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่สิ่งที่ตลาดนี้มอบให้คือ “โอกาสที่ไร้ขีดจำกัด” เพราะด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก สภาพคล่องมหาศาลและการเปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและลงนั่นเอง

การมีตัวเลือกสำหรับการลงทุนที่หลากหลายย่อมเป็นกำไรสำหรับนักลงทุน เผื่อว่าจะได้จัดสรรเงินลงทุนให้ทำกำไรได้หลายช่องทาง หากคุณกำลังมองหาตลาดที่เปิดกว้าง เข้าถึงง่ายและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า Forex คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ

อ้างอิง

  1. มูลค่าการซื้อขาย Forex ต่อวัน: www.bis.org/statistics/rpfx22_fx.htm
  2. โบรกเกอร์โบนัสฟรีไม่ต้องฝาก: thaibrokerforex.com/no-deposit-bonus
  3. โบรกเกอร์ยอดนิยมในไทย: thaibrokerforex.com/the-most-popular-forex-broker-in-thailand

ทีมงาน : thaiforexbroker.com

สารบัญ