Path of least resistance
ไม่มีใครรู้ว่าราคาจะขึ้นลงหรือวิ่งในกรอบสิ่งที่เทรดเดอ์ ใช้เทรดแค่เทรดบนพื้นฐานที่ความเป็นไปได้สูงอยู่ข้างที่ตัวเองตัดสินใจแต่ที่รู้แน่ๆคือราคาขึ้นลงเพราะจำนวนออเดอร์เกินกันในการเข้าเทรดlimit orders ไม่พอกับmarket ordersที่เข้าไปราคานั้นๆ เลยต้องวิ่งไปหาliquidityที่ราคาต่อไปที่จำนวนพอกับจำนวนออเดอร์ที่มาจากmarket ordersถ้าไม่พอก็ไปต่อไปถ้าพอก็หยุดmarket ordersอีกข้างเกินเพราะmarket ordersฝั่งแรกใช้ไปหมดแล้วหรือไม่มาต่อเนื่องอีกฝั่งก็วิ่งหาlimit ordersอีกฝั่งราคาก็วิ่งเป็นวัฏจักรแบบนี้
ความจริงคือการเทรดไม่จำเป็นต้องมาสนใจว่าราคาจะขึ้นหรือจะลงหรือsidewayจุดประสงค์การเทรดคือทำกำไรดังนั้นไม่ต้องสนใจมากว่าราคาจะขึ้นลงเพราะราคามักจะวิ่งไปทางที่มันวิ่งไปง่าย(path of least resistance) เสมอดังนั้นแทนที่จะสนใจว่าราคาจะขึ้นหรือลงมาสนใจว่าทางไหนที่ราคาจะวิ่งไปง่ายกว่า และที่สำคัญข้อมูลพวกนี้สามารถเห็นได้จากชาร์ตแค่หลังจากได้ข้อมูลพวกนี้ วิเคราะห์แล้วตรวจดูว่า risk:rewardได้ตามที่กำหนดเหรือเปล่าก็สามารถเปิดเทรดตลาดที่เป็นไดนามิคได้ด้วยความเป็นไปได้สูงขึ้น
ราคาวิ่งขึ้นหรือลงเพราะจำนวนmarket ordersมีวอลลุมการเทรดที่เกินฝั่งตรงข้ามเหตุผลที่เกิดเพราะ
1.จำนวนฝั่งตรงข้ามไม่พอ(limit orders ที่ราคาวิ่งไป)กับmarket ordersทิ่วิ่งไป
2. เพราะmarket ordersเข้ามาเยอะและต่อเนื่องเพราะมีแต่เทรดเดอร์อยากเทรดเลยทำให้market ordersที่ราคานั้นๆเกินอีกฝั่งตลอด
3.เพราะพื้นที่นั้นๆไม่มีlimit ordersเพิ่มหรือมีน้อยแต่ไม่พอmarket orders
ผลที่ราคาวิ่งขึ้นอย่างง่ายที่เลข1 เพราะราคากลับมาพื้นที่แนวต้านที่จุดAหลายรอบ
ข้อ1มีการใช้ออเดอร์sell limit ordersไปหลายรอบเลยไม่ดึงดูดให้มีออเดอร์ใหม่มาจากเทรดเดอร์ที่รอเข้าให้เพิ่มมาอีกนี่คือlimit ordersลดลง
ข้อ 2 sell positonsที่อิงแนวต้านตัวนี้ก็จะตั้งstop lossด้านบนเส้นที่เป็นresistanceนี้ถ้าราคาตลาดมาแตะ stop lossก็จะทำให้เกิดbuy market ordersเข้าทันทีนี่คือแหล่งที่มาbuy market ordersที่จะเพิ่มจำนวน market orders
ข้อ 3. กลุ่มเทรดเดอร์อื่นที่รอเข้าเช่น buy breakoutก็จะตั้งbuy stopsเหนือเส้นAถ้าราคาไปถึงก็จะเปิด buy market ordersเข้ามาอีกทันที
4.กลุ่มที่รอเปิดเทรดเองเมื่อขาร์ตเปลี่ยนก็เทรดตาม จากที่กล่าวมาท่านจะพบว่าจำนวนออเดอร์ที่เกิดมาทั้งหมดจะมีแต่buy market ordersเลยทำให้ราคาขึ้นง่าย
ท่านจะพบว่าตัวแปรสำคัญของการหาทางที่ราคาจะวิ่งไปง่ายหรือpath of least resistanceคือ retracementคือการเห็นราคาวิ่งไปก่อนที่ราคาจะวิ่งไปอีกรอบยิ่งเป็นจุดที่ดึงดูดเทรดเดอร์เช่น support/resistance,support/demand,pivot pointsต้องดูให้ดีเช่น จำนวนครั้งretracementsต้องดูผลหลังจากที่ราคาretracementแต่ละครั้งเป็นไง
อย่างเลข 2 ก็แบบเดียวเพราะ พื้นที่ C ราคา retracements มา 2 ครั้ง และตอนที่ราคามาครั้งที่ 2 ราคาทำให้เกิดเลข 1 แต่ราคาไม่ไปต่อเด้งกลับมาเทสที่ D ราคาลงมาบาร์แรกเพื่อลด buy limit orders ที่อ้างอิงจาก A ราคาไม่เด้งแสดงว่า ลดออเดอร์ไปและไม่มี buy market orders มาราคาเลยไม่ขึ้น ราคาก็วิ่งผ่าน C แบบง่ายๆ เพราะ retracements ลด unfilled orders ตรงนั้นไป และไม่ดึงดูดเทรดเดอร์ให้เพิ่มออเดอร์เข้าไปอีก
ราคาเทสออเดอร์ที่ pivot ตรง B ดูตรงเลข 4 ก่อนที่ราคาจะขึ้นบาร์ยาวๆ ไปหาพื้นที่ดี จะมีบาร์ยึกยักถอยหลังบาร์เลข 4 มา 2 บาร์จะเห็นหางยาวๆ ลักษณะนี้เรียก spiking north (แทงหางขึ้น) และบาร์ต่อมา spiking south (แทงหางลง) สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นราคา spiking (ยิ่งยาวยิ่งดี) นำไปก่อนที่ราคาจะวิ่งไปทางนั้นๆ คือ ราคาแอบไปเคลียร์ออเดอร์ตรงข้ามพื้นที่นั้นๆ ให้ ดังนั้นเลยทำให้เกิด path of least resistance ทั้ง 2 ฝั่งได้ ราคาเลยวิ่งขึ้นด้านบนแบบง่ายๆ ได้ถึงจุด D เพิ่งเป็นการกลับมาครั้งแรก สามารถดึงดูดเทรดเดอร์ให้อยากเพิ่ม และเพราะตอนที่ราคาลงตรงเลข 2 มีการเปิดบายเข้ามาถ้าไม่ออก และมีการเคลียร์ออเดอร์ไปเพราะตอนราคาลง และตามด้วย spiking south ก่อนขึ้นอีก ทำให้การเปิดเทรดที่จุด D ความเป็นไปได้สูงเพราะ path of least resistance ที่เห็น ราคาเลยเปิดแบบเลข 3 แบบง่ายๆ อีก ส่วนเลข 5 ก็หลักการเดียวกันแค่ราคาวิ่งคนละทาง
อย่าง USDJPY มาดูว่าpath of least resistanceสำหรับราคาวิ่งลงที่เลข2 ง่ายๆ ได้อย่างไร ดูที่ลูกศรเลข 1 ตอนราคาวิ่งขึ้นไปหา resistance สีเขียว ตอนราคาวิ่งขึ้นไปมาการ spiking south คือแทงหางบาร์ลงล่างตลอด ราคาบอกว่าตอนที่ขึ้นไปเคลียร์ออเดอร์ด้วยการบายไปด้วยในตัว ตัวที่จะป็นตัวต้านทานตอนราคาวิ่งลงมา พอตัวต้านทานพวกนี้มีน้อยหรือไม่มี เลยทำให้เกิด path of least resistance ตรงส่วนนี้ พอราคาไปถึง resistance มีการเปิด sell market orders เข้ามาเลยไม่มี buy limit orders หรือมีน้อยเลยทำให้ market orders ที่เข้ามาเกินได้ง่าย ราคาเลยวิ่งไปหาพื้นที่ที่มี liquidity มากพอต่อไป ส่วนเลข 3 ก็แบบหลักการเดียวกัน
ทีมงาน : www.thaiforexbroker.com