Major levels และ minor levels

Major levels และ minor levels

Major levels และ minor levels

                    Price levelที่มองผ่านชาร์ต ด้วยการสังเกตเบื้องต้นง่ายๆด้วยหาว่าrejectionเกิดที่ไหนแล้ว    มองทางซ้ายประกอบด้วยถ้าราคาเคยมาตรงนั้นแล้ว2ครั้งเราก็ถือว่าเป็นแนวรับแนวต้านเบื้องต้นได้และถ้าเป็นlevelที่มาจาก timeframes ที่ใหญ่ขึ้นเช่น แนวรับแนวต้านที่มาจากH4ความสำคัญก็มากกว่า M30หรือ H1 และ D1 ก็จะสำคัญกว่าH4และW1ก็จะสำคัญกว่าD1ดังนั้นsupport/resistanceที่เห็นที่timeframesใหญ่กว่าก็จะสำคัญกว่าที่เห็นtimframesเล็กกว่าแต่ถ้าเห็นชัด2-3 timeframesก็จะเพิ่มความสำคัญมาอีกเพราะอย่างน้อยเทรดเดอร์ที่วิเคราะห์จาก2-3 timframesที่เห็นๆเลยดึงดูดเทรดเดอร์ได้มาก

              ดังนั้นหลักการบื้องต้นสำหรับมองเรื่องsupport/resistanceเมื่อคำนึงถึงเรื่องที่เห็นชัดใน timeframesไหนประกอบเราอาจจะให้ลำดับความสำคัญเป็นแบบmajorและmino ที่เห็นในแต่ละtimeframes เช่นD1,W1,MNเราจะเป็นMajorเมื่อมองsupport/resisanceที่M1-H4 ขึ้นมาก็ถือว่าเป็น Minor  

                Support/Resistanceที่เห็นที่timframeใหญ่ขึ้นสำคัญกว่าtimeframeเล็กเพราะว่าsupport/resistanceนั้นๆก็จะเห็นชัดหรือดึงดูดเทรดเดอร์ได้มากกว่าsupport/resistanceที่timefrmeเล็ก และอีกอย่างเมื่อเทรดเทรดเดอร์ก็จะถูกสอนหรือแนะมาให้เทรดโดยมีกรอบเทรนหรือที่เห็นภาพรวมเช่นกรณีของDay tradersกรอบเทรนหรือภาพรวมก็จะอยู่ที่D1หรือW1เป็นหลักเทรดเดอร์พวกนี้ก็จะหาtrade setup จากtimeframesเช่นH1หรือH4แล้วค่อยหาจุดเข้าที่timeframeย่อยลงไปเช่นM5/M15เป็นต้นการเข้าหรือการออกก็เลยมักจะอยู่ที่กรอบพวกนี้เมื่อเทรนเปลี่ยนหรือโดนเบรค

                หลักการเบื้องต้นสำหรับมองแนวับแนวต้านหรืออื่นๆที่เป็นการเทรดแนวprice levelsอย่างแรกที่ต้องให้ความสำคัญคือlevelsต่างtimeframesการตัดสินใจหรือให้ความสำคัญข้อมูลก็จะให้ความสำคัญsupport/resistanceที่timeframeใหญ่ก่อนสำหรับที่เจอในtimeframesย่อยลงมาก็จะเป็นการหา trade setupและ trade entryแล้วแต่กลยุทธ์ที่ต่างกันออกไป

                ที่เลข1เป็นภาพรวมที่มองหรือกรอบราคาอย่างเช่นในภาพตัวอย่างและราคามาถึงแค่เส้นแนวตั้งที่ตีไว้ตอนจบกรอบสีเขียวเป็นมุมมองของday tradersเราตีเส้นresisanceจากชาร์ตD1แต่มาเปิดมา2ชาร์ตเราจะเห็นว่าเส้นที่เราดีถือว่าเป็นเส้นหลักสำหรับMajor resistanceสำหรับday tradersและดูภาพรวมจากH4อีกเพื่อดูตำแหน่งให้ชัดเจน

                ภาพแรกที่ได้จากD1 suport/resistanceหรือเรียกได้ว่าเป็นMajor support/resistanceก็จะเป็นกรอบราคาหรือเป็นไกด์ที่เราจะใช้เป็นข้อมูลหลักเพื่อลงไปใน timeframe ที่เล็กลงเพื่อหารรายละเอียดหรือ trade setup และ หา trade entry จาก timeframe ที่ย่อยลงไป

                ราคามักจะวิ่งไปทางที่ไปง่ายเสมอเพราะเมื่อราคาไม่มีออเดอร์ตรงข้ามที่เป็นตัวต้านหยุดราคา พอ market orders เข้ามาเลยง่ายเมื่อราคาวิ่งไปทางนั้นราคาเลยวิ่งไปง่าย และราคาก็จะไปหยุดที่มี limit orders ที่ตรงข้ามมากพอที่จะหยุดจำนวนออเดอร์จาก market orders ทางที่ราคาวิ่งไป ดังนั้นเมื่อเราเห็นกรอบจาก major support/resistance เราก็ดูว่า support/resistance ในกรอบนั้นมีอีกเปล่า ตรงส่วนในกรอบเป็นส่วนย่อยลงมา ก็เลยเรียกเป็น minor support/resistance

                เรื่อง rejection ทำให้เรารู้ว่า support/resistance เกิดตรงไหนเมื่อมองมาทางช้ายมือประกอบ และทุกครั้งที่ราคาวิ่งไปจุดมีราคา rejection หรือ support/resistance ที่เกิดขึ้นนอกจากทำให้เรารู้ว่ามี selling/buying pressure หรือ market orders เข้ามาหลังจาก limit orders ทำให้ราคาหยุดที่จุดนั้นๆ ก่อนเด้ง ทำให้เรารู้ว่ามีการใช้ limit orders พื้นที่ นั้นๆ ไปด้วย การเทรดหาจุดเข้าเทรด เลยเป็นการผสมผสานกันระหว่างข้อมูลพวกนี้เข้าด้วยกันเพื่อหาจุดเข้าและออก

                เราจะมั่นใจว่า ด้านล่างเป็น Major support เมื่อเกิดเลข  1 และ เลข 2 ขึ้น เพราะราคาเด้งขึ้นครั้งแรกราคามาถึงแค่ minor resistance ตัวล่าง แต่ราคาไม่สามารถเอาชนะได้ มองมุม support ราคาเพิ่งขึ้นจากตรงนั้นเป็นครั้งแรก เราจะเรียกว่าเป็น support หรือ resistance ก็ต่อเมื่อราคามาพื้นที่นั้น 2 ครั้งขึ้น จะเห็นว่าตอนที่ราคาจะทำเส้นขึ้นที่เลข 2 ราคาลงไปจุดที่เป็น major support ครั้งที่ 2 พอดี และที่สำคัญราคาขึ้นเกิน minor resistance ด้านล่างได้และสร้าง minor support ด้วย

                ถึงตอนนี้เราได้ major resistance และ major support ยืนยัน หรือที่บอกว่าเป็นการเข้าของขาใหญ่เพราะรื่อง momentum บอกที่ราคาสามารถเอาชนะ level ตรงข้ามด้วยตามที่อธิบายไว้ในเรื่อง Momentum เราก็ใช้ minor support/resistance ที่ H1 สำหรับหา trade setup เพื่อหาจุดเข้าที่สัมพันธ์กับ major support/resistance ดูว่าระยะห่างที่ราคาจะวิ่งไปถึงจุดนั้นๆ profit zone มากพอหรือเปล่า หลังจากเห็นราคาเปิดเผย minor support/resistance อย่างไร แล้วหาทางเทรดให้สัมพันธ์กับ major support/resistance

                Trade setup ให้โอกาสเปิด buy 1 ขึ้นได้เพราะเส้นเลข 2 ที่วิ่งขึ้นมาเกิน minor resistance 1 และมาแตะที่ minor resistance 2 จะเห็นว่าตอนที่ราคาทำเส้นเลข 2 ขึ้นมาที่เป็นการยืนยัน major support ว่าอยู่ตรงนั้น ยังได้สร้าง minor support ด้วย เลยเป็นจุดอ้างอิงในการเข้าเทรดแบบที่เป็นจุดเข้า buy ที่เลข 1 และ 2

                หลังจากจุด buy เลข 2 ราคาสามารถเอาชนะ minor resitance 2 ได้อีกและระยะจากจุดนี้ยังห่างจาก major resistance ด้านบนมีช่องให้ราคาไปได้และระยะห่างมากพอที่จะเทรด พอราคาเกิน minor resistance 2 ก็เกิด trade setup ใหม่ขึ้นมาอีกแบบเดียวกับจุดล่าง

                ดังนั้นจากที่อธิบายมาเมื่อท่านได้ major support/resistance ที่มีการยืนยันว่าเกิดจากการเข้าเทรดจริง ดูโครงสร้างราคาที่สร้าง minor support/resistance ที่เกิดขึ้นในกรอบด้วย rejection และดู momentum ที่เกิดขึ้นภายใน ให้มีการเข้าเทรดอีก แล้วหาว่าสัมพันธ์กับ major support/resistance แล้วก็รอให้เห็นว่า trade setup trigger เกิดขึ้นก่อยค่อยเข้าเทรด

                ส่วนการเข้าก็เปิด timefrae ย่อยลงไป เช่น M15 เพื่อเห็นจุดที่เข้าชัดเจนขึ้นแบบด้างล่าง

ทีมงาน : thaiforexbroker.com