การเทรด Forex จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอหรือเปล่า

การเทรด Forex จำเป็นต้องเฝ้าจอหรือเปล่า

การเทรดจำเป็นต้องเฝ้าจอหรือเปล่า

               การเทรดฟอเรกแม้ว่าตลาดจะให้ท่านเทรดได้ 24 ชม ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ไม่ได้หมายความว่า trade setup ที่มีความเป็นไปได้สูงจะเกิดขึ้นตลอด แม้ว่าท่านจะเทรดหลายคู่เงินก็ตาม หรือแม้ว่าจะเป็นการเลือกใช้กลยุทธ์ scalping ในการเทรดก็ตาม สิ่งสำคัญในการทำกำไรในตลาดคือ เมื่อราคาวิ่ง เพราะการวิ่งหมายความว่ามี volatility ถ้าเทียบภาษาบ้านๆ เหมือนไปตกปลาจำเป็นที่ต้องรู้ว่าที่ไหนมีปลาและปลามักจะขึ้นตอนไหน และอีกอย่างหนึ่งในตลาดฟอเรกเมื่อท่านเทรดเป็น ท่านจะพบว่า volatility แต่ละวันเปลี่ยนไป จำเป็นต้องดูข้อมูลใหม่แต่ละวันประกอบว่าเปิดเผยออกมาอย่างไร

เผ้าจอเทรด

               จากข้อมูลที่ยกมาประกอบ GBPUSD ช่วงนี้วิ่งแรงเพราะผลกระทบจากเรื่อง Brexit มีเรื่อยๆ แต่นั่นเป็นเรื่องข่าว แต่เมื่อท่านอ่านชาร์ตเป็นข้อมูลต่างๆ พวกนี้เปิดเผยผ่านชาร์ต แค่ท่านต้องใส่ใจว่า price chart บอกอะไร เช่น ท่านจะพบว่าวันแรกที่เลข 1 การวิ่งของราคาค่อนข้างจะชัดเจน ง่ายต่อการเทรด แบบนี้ท่านก็หาโอกาสเทรดได้ แต่เมื่อท่านดูรายละเอียดลงไป ท่านจะพบว่า trade setup เกิดขึ้นไม่กี่ครั้งที่ชัดเจน

               ยิ่งเมื่อเปิด timeframe ย่อยลงไปเพื่อหาจุดอ้างอิงที่ราคา rejection ก็จะเห็น

               ท่านจะพบว่ากว่าข้อมูลนี้จะเกิดขึ้นใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าราคาจะเปิดเผยข้อมูลใหม่หลังจากที่ราคาได้หลุดกรอบ consolidation ด้วยการวิ่งแบบ momentum ไปทางเดียวกันที่บอกว่าการเข้าเทรดของขาใหญ่ที่จุด A  นี่คือสิ่งที่บอกว่าท่านไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอด ถ้าท่านเทรดเป็นอ่านตลาดเป็นเพราะโอกาสการเทรดไม่ได้เกิดขึ้นตลอด แม้ว่าการเทรดจะทำได้ตลอดเวลาเว้นวันหยุดตลาดปิด อีกอย่างแม้ว่าจะมีหลายๆ คู่เงินให้เทรด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโอกาส trade setup ที่เป็นไปได้สูงจะเกิดขึ้น แต่อาจมีมากขึ้นเมื่อท่านสแกนหลายๆ คู่เงิน วิธีการง่ายๆ ที่ช่วยได้ เช่นเมื่อท่านดู price structure ตามปริบทคู่เงินที่ท่านจะเทรด ท่านก็ใช้ Alert เข้าช่วยเมื่อราคามาถึงจุดที่ท่านสนใจก็ให้เตือนทางอีเมล จากวันแรกที่ยกมาจะเห็นว่าโอกาสในการเข้าเทรดเกิดขึ้น 2 ครั้ง

               วันต่อมาท่านจะพบว่ามีโอกาสเกิดขึ้น 1 ครั้ง เพราะตรง Key change เป็นการยืนยันที่บอกว่าเป็นการเข้าเทรดต่อ  แต่เมื่อท่านวัด risk:reward จากต้นตอขึ้นไปถึง high สุด จะเห็นว่ามีการเคลื่อนไปประมาณ 46 บีบ ถือว่าน้อยและที่สำคัญตรง key change ท่านจะพบว่าขนาดบาร์ไม่ค่อยยาว และบาร์ต่อมาคือบาร์ที่ 2 ราคาย่อตัวลงมาเกือบทั้งหมดของบาร์แรก เลยทำให้ให้โอกาสเทรดน้อยลงไปด้วย เพราะถ้าเป็นการเข้าเทรดที่จำนวนออเดอร์มาก จะเห็นเห็นบาร์ยาวๆ เป็นผล และการย่อตัวสวนทางแบบนี้จะไม่มี บาร์จะไปทางเดียวกันเป็นหลัก หางบาร์ด้านล่างมีน้อยยิ่งดี เพราะบอกว่ามีแต่เทรดเดอร์ที่เปิด Long position เป็นหลักเพื่อจะดันราคาขึ้นไปอย่างเดียว

               อีกอย่างวันที่ 2 ตอนที่ราคาขึ้นไป ราคาไม่สามารถเอาชนะ กรอบสีแดงที่เป็น supply เมื่อวานได้ เลยทำให้วันนี้ไม่น่าเทรดก็เลยไม่ต้องเสียวเลา

               มาดูวันที่ 3

               ก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอตลอด ก่อนอื่นท่านต้องมองปริบทต่อเนื่องว่าราคาเปิดเผยอย่างไร และทำอย่างไรมาต่อ ท่านต้องไม่ลืมว่า positions ที่อยู่ในตลาดมักมีผลต่อออเดอร์ที่รอเข้าเสมอถ้าไม่ไกลเกินไป เช่น ถ้ามองกลุ่มเทรดเดอร์ที่ D1 ลงไปหรือ Day trading ก็มีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น scalping, เทรด setup M15, เทรด setup M30, เทรด setup H1, หรือ H4 สิ่งที่เทรดเดอร์จะทำกันส่วนมากคือกรอบราคาถ้าราคาผิดทาง กรอบไหนคือกรอบใหญ่สุดที่รับได้ กลุ่มพวกนี้ก็จะถือ D1 เป็นหลัก ถ้ากรอบ D1 เปลี่ยนไปก็ไม่อยากจะทน  จุดที่เป็น A B C คือจุดที่เป็นปริบทที่คาดว่าราคาจะเปิดเผยต่อเมื่อราคาโต้ตอบ ถ้าราคาไม่ถึงก็ไม่ต้องเฝ้าให้เสียเวลาเพราะโอกาสการเทรดไม่เกิดขึ้น จุด A เป็นต้นตอที่ดันราคาขึ้นมา เพราะวันที่ 2 ราคาลงไปเทส แต่ไม่น่าเทรดเพราะราคาไม่สามารถเอาชนะจุด B ได้หรือเห็นราคา Engulf ที่จุด B ได้หรือเป็น impulsive move ที่มีการเอาชนะที่จุด B แต่เมื่อวานไม่เกิด เห็นแต่เรื่องการซึมซับออเดอร์หรือ absorption เกิดขึ้นที่จุด B ท่านจะพบว่าโอกาจจะเปิดเมื่อราคาวิ่งไปปิดบนจุด B ได้ เพราะอาจมีการล่า stop hunt ขึ้นไปที่จุด C นี่เป็นโอกาสแรก และถ้าราคาลงมา น่าจะที่จุด A ท่านก็ดู price action ตอนที่ราคามาถึงว่าโต้ตอบอย่างไรประกอบก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้ารอแค่ตั้ง Alert ไว้

               ข้อสังเกตอีกอย่างเมื่อมองจาก 3 วันผ่านมา ท่านจะพบว่า impulsive move มักจะเกิดตอนตลาดยุโรปเปิดเป็นต้นไป ยิ่งตีเรื่องช่วงเวลาตลาดเปิด-ปิดกรอบเวลาเข้ามาอีกว่าท่านไม่ต้องเฝ้าจอตลอดเพื่อหาโอกาสเทรด ยกเว้นท่านยังเทรดไม่เป็น ยังคงตื่นเต้นกับการเปิดเทรด หรือราคาขึ้นหรือลงเมื่อราคาวิ่งสวนตำแหน่งที่ท่านเปิด ความตื่นเต้นพวกนี้เกิดเพราะความไม่รู้ ไม่มั่นใจในความรู้ บริหารความเสี่ยงไม่เป็น ปล่อยให้อารมณ์มาเป็นตัวนำ เทรดด้วยความโลภและความกลัว เลยต้องทำให้คอยระวังชาร์ตอยู่ตลอด

               จะเห็นว่าโอกาสมาเมื่อราคาปิดบน B ได้เป็น H1 บาร์ที่ 8 ของวัน โอกาสค่อยเกิดขึ้นเพราะข้อมูลใหม่เข้ามา ท่านค่อยมาดูชาร์ต วิเคราะห์ดูว่าจะเทรดตาม หมายความว่า stop hunt ขึ้นไปด้านบน หรือเทรดลงไปหาจุด A  แต่ปริบทบอกท่านว่า trapped traders เกิดขึ้นเป็นไปได้ที่ short-term ขาใหญ่จะเข้าเพื่อปั่นราคาไปหา C ก็จะเป็นโอกาสให้ท่านเปิด Buy ปิด กำไรก่อนจุด C เพราะราคายังไม่เคยเอาชนะจุด C ได้ ต้องเปิดพื้นที่ราคาเปิดเผยออกมา เทรดแล้วก็ปล่อย ไม่จำเป็นต้องเฝ้าจอตลอด

               หลักสำคัญของการเทรด อย่างแรกเลยต้องมาจากการเข้าตลาดว่าทำงานอย่างไร เทรดช่วงไหนค่อยมี volatility เยอะ เมื่อเห็น volatility เยอะยังไม่พอ ต้องช่วงไหนที่ราคาเปิดเผยว่าขาใหญ่เข้าเทรดด้วย ด้วยการดูร่อยรอยที่เปิดเผย ส่วนมากช่วงที่ขาใหญ่เปิดเผยก็มักจะเป็นช่วงตลาดการเงินใหญ่ๆ ของโลกทำงาน เช่น ตลาดยุโรป ตลาดอเมริกา และราคาจะวิ่งจากกรอบที่เคยเปิดเผยร่องรอยหรือต้นตอการเข้าเทรดเป็นหลัก ราคาวิ่งจากกรอบไปกรอบ ต้องดูว่าราคาโต้ตอบเปิดเผยอย่างไร เมื่อท่านเทรดเป็นก็ไม่จำเป็นจะต้องเฝ้าจอตลอด ส่วนมากเป็นเรื่องของเวลาและความอดทนต่างหากที่ท่านต้องทนให้ได้

ทีมงาน : thaiforexbroker.com