CCI Breakout จับจังหวะเข้าเทรดที่ทำกำไรได้ในทุกคู่เงิน

วันนี้มีเทคนิคการเทรดเจ๋งๆ มาฝากกันครับ เป็นเทคนิคที่จะว่ายากก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นแต่ก็ไม่ง่ายต้องตั้งใจและทำความเข้าใจพอสมควรครับ โดยเทคนิคนี้คือ “CCI Breakout” จะเป็นเทคนิคแบบไหนมีประโยชน์อะไรบ้างไปติดตามกันนะครับ


Highlight บทคัดย่อ

  • กลยุทธ์ CCI Breakout เป็นเทคนิคการเทรดที่รวมอินดิเคเตอร์ CCI และ EMA 3 เส้น โดยใช้เพื่อระบุแนวโน้มราคาของตลาด
  • การตั้งค่า EMA ประกอบด้วยการใช้ค่า Period 34 และปรับ Apply to = High, Low, และ Close รวมทั้งหมด 3 เส้น
  • ส่วนการตั้งค่า CCI ใช้ Period 20 และ Typical Price [(High + Low + Close) / 3] เพื่อประเมินความแข็งแกร่งและแนวโน้มราคา
  • ตัวอย่างการเทรด
    • การเทรดหน้า Buy เริ่มจากการตรวจสอบราคาที่อยู่เหนือ “Wave (เส้น EMA ทั้ง 3)” พร้อมค่า CCI ที่ตัดเส้น +100 ขึ้นไป ให้เข้าเทรดในแท่งเทียนถัดไป
    • การเทรดหน้า Sell ตรวจสอบราคาที่อยู่ใต้ “Wave” และค่า CCI ที่ตัดเส้น -100 ลงมา ให้เข้าเทรดในแท่งเทียนถัดไป
  • ข้อดีของกลยุทธ์นี้คือใช้ CCI ในการวัดแนวโน้มราคาและลดสัญญาณรบกวนแต่มีข้อเสียในเรื่องสัญญาณหลอกและเป็นอินดิเคเตอร์ที่ล่าช้า

กลยุทธ์ CCI Breakout

  • กลยุทธ์ CCI Breakout เป็นกลยุทธ์เทรดที่เน้นการจับจังหวะระดับของ CCI คู่กับอินดิเคเตอร์ EMA ทั้งหมด 3 เส้นครับ
  • โดยเทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับ Timeframe 15 นาทีขึ้นไปได้ทั้งหมดและปรับใช้ได้กับทุกสกุลเงินในตลาด Forex
  • เทคนิคนี้จะประกอบไปด้วยอินดิเคเตอร์หลักๆ 2 ตัวคือ CCI และเส้น EMA 3 เส้น วิธีการตั้งค่าอินดิเคเตอร์แต่ละตัว เราไปดูพร้อมกันเลยครับ

เส้น EMA

  • อินดิเคเตอร์ตัวแรกที่เราจะใช้คือเส้น EMA ครับ โดยเทคนิคนี้เราต้องเซ็ต EMA ทั้งหมด 3 เส้นด้วยกันคือ
    • EMA 34 Period และปรับ Apply to = High
    • EMA 34 Period และปรับ Apply to = Low
    • EMA 34 Period และปรับ Apply to = Close
  • พอได้ทั้ง 3 เส้นนี้มา ให้จำไว้เสมอว่า…
    • กราฟราคาวิ่งเหนือเส้นทั้ง 3 ให้เล่นหน้า Buy
    • กราฟราคาวิ่งใต้เส้นทั้ง 3 ให้เล่นหน้า Sell
  • เลข 34 Period เป็นระยะเวลานักวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายคนเชื่อว่าเป็นตัวเลขสำคัญของลำดับ Fibonacci เหมาะสมในการดูแนวโน้มระยะกลาง
  • ส่วน High, Low, Close มาจาก
    • High แสดงถึงราคาสูงสุดที่ตลาดขึ้นไปในช่วงเวลานั้นๆ (ซึ่งก็คือ 34 Period) เพื่อดูว่าตลาดมีความแข็งแกร่งในการขึ้นมากแค่ไหน
    • Low คือราคาต่ำสุดที่ตลาดลงไปในช่วงเวลานั้นๆ เพื่อดูว่าตลาดมีความอ่อนแอในการลงมากน้อยแค่ไหน
    • Close คือราคาที่ตลาดปิดในช่วงเวลานั้นๆ อันนี้สำคัญมากเพราะแสดงถึงการตกลงซื้อขายกันในช่วงสุดท้ายของวัน
วิธีตั้งค่าเส้น EMA
หมวดหมู่ Moving Average เส้น EMA ที่ตั้งค่าเหมือนกันทั้ง 3 เส้นคือ Period 34 และ Method = Exponential เหมือนกัน แตกต่างกันตรงที่ Apply to ที่ต้องเลือก High, Low, Close

CCI

  • CCI คืออินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคา รวมถึงสามารถใช้ระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) และขายมากเกินไป (oversold) และระบุแนวโน้มของราคาได้ด้วย
  • ในเทคนิคนี้เราจะตั้งค่า CCI Period 20 หมายถึงช่วงเวลาที่ใช้ในการคำนวณ CCI โดยใช้ข้อมูลราคาในช่วง 20 แท่งเทียนล่าสุด
  • โดยปรับ Apply to = Typical Price ซึ่งคำนวณจากค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุด (High), ราคาต่ำสุด (Low) และราคาปิด (Close) ของแต่ละแท่งเทียน [(High + Low + Close) / 3]
การตั้งค่า CCI (Commodity Channel Index)
ส่วนการตั้งค่า CCI (Commodity Channel Index) จะปรับตรง Period ให้เป็น 20 และปรับ Apply to = Typical Price ซึ่งเป็นการคำนวณค่าเฉลี่ยจากราคา High, Low และ Close

ตัวอย่างการเทรด CCI Breakout

เรามาดูตัวอย่างในการเทรดแบบของจริงสำหรับเทคนิค CCI Breakout กันบ้างครับ ผมจะยกตัวอย่างทั้งการเทรดหน้า Buy และหน้า Sell ให้ดูครับ

การเทรดฝั่ง Buy

ตัวอย่างการเทรดฝั่ง Buy
จากรูปตัวอย่างการเทรดฝั่ง Buy ราคาต้องวิ่งเหนือ Wave และจังหวะที่กราฟ CCI ทะลุ 100(วงกลม) ต้องเช็คว่าแท่งเทียนย้อนหลัง 5 แท่ง(กรอบสีเขียว)อยู่เหนือ Wave และ CCI ยังไม่ทะลุ 100 จึงจะครบเงื่อนไข เพื่อข้าเทรดในแท่งเทียนถัดไป
  1. อันดับแรกเทรดเดอร์ต้องมั่นใจว่าตลาดมีแนวโน้มชัดเจน(ไมใช่ Sideway) โดยใช้ “Wave (เส้น EMA ทั้ง 3)” เป็นตัวช่วยระบุ เช่น
    • แนวโน้มขาขึ้น: ราคาต้องตัด “Wave” ขึ้นไป และราคาปัจจุบันต้องอยู่เหนือ “Wave-bottom
  1. หลังจากราคาอยู่เหนือ “Wave-top” ราคาอาจจะย่อตัวลงมาเล็กน้อยอาจจะหลุดเข้ามาใน Wave ได้
  2. ดูค่า CCI ต้องตัดเส้น +100 ขึ้นไป เพื่อเป็นสัญญาณเข้าซื้อในแท่งเทียนถัดไป โดยระหว่างนี้ให้ตรวจสอบว่า CCI อยู่ต่ำกว่าเส้น +100 อย่างน้อย 5 แท่งก่อนที่จะตัดขึ้น
  3. หากทุกอย่างตรงตามเงื่อนไข ให้เข้า Buy ในแท่งถัดไป โดยตั้ง Stop Loss ตามความเหมะสมหรือเซ็ต Trailing Stop Loss ตามก็ได้

การเทรดฝั่ง Sell

ตัวอย่างการเทรดฝั่ง Sell
เทรดฝั่ง Sell คือราคาต้องวิ่งใต้ Wave และจังหวะที่ระดับ CCI หลุด -100(วงกลม) ต้องเช็คว่ากราฟแท่งเทียน 5 แท่งล่าสุดอยู่ใต้ Wave(กรอบสี่เหลี่ยม) และรtดับ CCIยังไม่หลุด -100 เมื่อเงื่อนไขครบแล้วก็เข้าเทรดในแท่งต่อไป
  1. การเทรดฝั่ง Sell ก็ใช้หลักการเดียวกับฝั่ง Buy เลยครับแต่แค่สลับฝั่งกัน อันดับแรกให้เราตรวจสอบก่อนว่ากราฟราคาวิ่งอยู่ใต้ Wave เพื่อแสดงถึงแนวโน้มขาลงเป็นหลัก
  2. อาจจะมีช่วงที่ราคาขึ้นไปพักตัวแต่ต้องไม่หลุด Wave ขึ้นไปและ CCI ยังไม่หลุด -100
  3. สังเกตที่กราฟ CCI ในจังหวะที่หลุด -100 ลงมา ให้ดูว่ากราฟแท่งเทียนก่อนหน้า 5 อยู่ใต้ Wave และ CCI ของทั้ง 5 แท่งยังไม่หลุด -100
  4. หากทุกอย่างตรงตามเงื่อนไข ให้เข้า Sell ในแท่งถัดไป โดยตั้ง Stop Loss ตามความเหมะสมหรือเซ็ต Trailing Stop Loss ตามก็ได้

ข้อดี-ข้อเสียของ CCI Breakout

ทีนี้เรามาดูในส่วนของข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์แบบ CCI Breakout กันบ้างครับว่าจะเหมาะกับเทรดเดอร์แบบไหน มีจุดเด่นและจุดด้อยตรงไหนเพื่อเทรดเดอร์จะได้ระวังตัว

ข้อดี

  1. อินดิเคเตอร์ CCI สามารถช่วยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคาได้ โดยการดูการตัดผ่านเส้นระดับ +100 และ -100 ทำให้เทรดเดอร์เข้าเทรดด้วยกลยุทธ์นี้ได้อย่างชัดเจน
  2. การใช้ Typical Price ช่วยลดสัญญาณรบกวนจากความผันผวนของราคา ทำให้สัญญาณ CCI มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
  3. CCI สามารถใช้ได้กับตลาดการเงินหลากหลายประเภท เช่น Forex, หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น

ข้อเสีย

  1. ระวังเรื่องสัญญาณหลอกโดยเฉพาะเทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่มีแผนการรองรับที่รัดกุม
  2. CCI เป็นอินดิเคเตอร์แบบล่าช้า (lagging indicator) ซึ่งหมายความว่าสัญญาณอาจเกิดขึ้นหลังจากที่ราคาได้เคลื่อนไหวไปแล้ว จึงไม่ใช่เทคนิคที่ได้จุดเข้าเทรดที่ราคาดีที่สุด
  3. การใช้กลยุทธ์นี้จำเป็นต้องมีความอดทนและชำนาญในการใช้+ตั้งค่าอินดิเคเตอร์ เพราะต้องใช้อินดิเคเตอร์หลายตัวและต้องตั้งค่าใหม่ทั้งหมด
ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ CCI Breakout
ข้อดีของกลยุทธ์ CCI Breakout คือ ระบบเทรดค่อนข้างชัดเจนและอินดิเคเตอร์สามารถใช้ได้กับหลายสินทรัพย์แต่ก็มีข้อเสียตรงที่การตั้งค่าค่อนข้างซับซ้อนและอาจจะมีสัญญาณหลอกได้

วิดีโอเกี่ยวกับ CCI

ทีมงาน Thai Forex Broker ไปเจอคลิปวิดีโอตัวหนึ่งที่น่าสนใจและยังตรงกับเนื้อหาในบทความของเราครับ เป็นคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการเทรดโดยใช้ CCI ซึ่งในคลิปจะอธิบายวิธีการอ่านค่า CCI แบบเบื้องต้นเพราะในบทความของเราจะเป็นแบบค่อนข้างเฉพาะเจาะจง

  • Focus นาทีที่ 00:16 การตีความ CCI
  • Focus นาทีที่ 00:49 สัญญาณการซื้อ-ขาย
  • Focus นาทีที่ 01:11 การกำหนดแนวโน้มด้วย CCI
  • Focus นาทีที่ 01:42 เคล็ดลับสำคัญ

สรุป

การเทรดด้วย CCI Breakout ถือว่าเป็นเทคนิคการเทรดที่น่าสนใจไม่น้อย โดยใช้ประโยชน์จาก CCI และเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นในการวิเคราะห์ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความซับซ้อนอยู่พอสมควร เทรดเดอร์มือใหม่ควรเรียนรู้และฝึกฝนกลยุทธ์นี้ให้ชำนาญก่อนที่จะเริ่มต้นใช้จริง

สุดท้ายนี้ การเทรดด้วย CCI Breakout จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน รูปแบบกราฟและปริมาณการซื้อขาย เพื่อเพิ่มความแม่นยำของผลลัพธ์ยิ่งขึ้น หากเทคนิคนี้น่าสนใจอย่าลืมแชร์และบอกต่อพร้อมรอติดตามใหม่กับบทความต่อไปนะครับ

ทีมงาน : thaiforexbroker.com

สารบัญบทความ