ปริบทตลาดคืออะไร และช่วยการตัดสินใจเทรดอย่างไร
การเปิดเทรดเมื่ออยู่ในปริบทที่ถูกต้องทางที่ท่านเทรดสามารถทำให้เกิดผลความเป็นไปได้ที่เป็นไปได้สูง การเข้าใจปริบทที่เกี่ยวกับ trade setup ที่ท่านกำลังจะหาโอกาสเทรดจะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้สูงบ่อยขึ้น เพราะปริบทเมื่อเข้าใจจะช่วยให้ท่านรู้ทันสถานการณ์ตลาดเป็นอย่างไร แล้วท่านค่อยประยุกต์กลยุทธ์เข้าไปเพื่อเทรดตาม
ปริบทถือว่าเป็นส่วนสำคัญของการอ่าน price chart หรือแม้แต่เมื่อท่านจะเทรดแค่รูปแบบ price action ต่างๆ เช่น Engulfing Bar, Pin Bar, Inside Bar, 2 Bar Reversal เป็นต้น รูปแบบ price action พวกนี้จะทำงานได้ดีเมื่อท่านประยุกต์เข้ากับปริบทราคาที่ท่านเทรดเป็นสำคัญ เช่นช่วงที่ท่านเปิดเทรดหรือเห็น trade setup เกิดขึ้นเป็นช่วงที่ราคาวิ่งอยู่ในกรอบ (ranging) หรือเป็นช่วงทำเทรน (trending) ก็จะต่างกันออกไป เช่น ถ้าเป็นช่วง ranging
ช่วยการตัดสินใจเทรด
หลักการเทรดตลาด ranging ก็จะเป็นการหาว่า high และ low อยู่ตรงไหน เปิดเทรดเมื่อราคามาถึง เช่น เปิด buy เมื่อราคามาถึง Low และก็ตั้ง stop loss ต่ำกว่า Low ลงไปและไป take profint ก่อนถึง high หรือทางตรงกันข้าม ถ้าราคามาถึง high ก็จะหาโอกาสเปิด sell และตั้ง stop loss เหนือ high ไปและตั้ง take profit ก่อนถึง low การเทรดช่วงตลาด ranging ต้องดูระยะห่าง high/low ให้มากพอไม่งั้นจะเป็นการเสี่ยงเกินไป
แต่ถ้าเป็นตลาดทำเทรนหรือ trending ก็ต่างกันออกไป จะเห็นการเน้นเทรดแบบ pullback เมื่อราคากลับมา ยิ่งถ้าเป็นช่วงแรกๆ ของการทำเทรนยิ่งโต้อตอบดี หลักการทำเทรนก็เป็นเรื่องการพัฒนา swing highs/swing lows
เมื่อเรามองปริบทเป็นก็จะเทรดตามตลาดเป็น เพราะปริบทเมื่อดูประกอบกับ trade setup ที่เรากำหนด และราคาตลาด ณ ปัจจุบันเมื่อเราเข้าใจ เราจะรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนของการเคลื่อนไหวราคา และการเคลื่อนไหวราคาเป็นแบบไหน ก็จะสามารถคาดการณ์แรงต่อเนื่องได้
ปริบทราคาเป็นการมองตั้งแต่ภาพใหญ่ลงมาจนถึง trade setup ที่เรากำหนดและย่อยลงไปอีกเพื่อดูรายละเอียดเมื่อราคาวิ่งไปจะไปหยุดตรงไหน เมื่อมองหาจากการอ่านชาร์ต เช่นท่านเป็น Day trader หา trade setup ของท่านจาก H1/H4 เป็นหลัก ท่านก็ควรจะมองตั้งแต่ W1, D1 ลงมามาถึง H1/H4 เพื่อกำหนด trade setup ท่านและดูย่อย M30, M15, M5 ลงไปเพื่อรายละเอียด เช่นว่าจะเข้าหรือออกตรงไหนดี และก็ต้องดูว่า trade setup มองเป็นช่วง Ranging หรือ Trending ประกอบไปด้วย
มาดูการมองปริบทจะช่วยตัดสินใจอย่างไร
เมื่อมองจากราคาปัจจุบันจะเห็นว่าราคาเพิ่งจะเบรคกรอบที่บอกว่าเป็น trapped traders ขึ้นมา จะเห็นว่ากรอบ trapped traders จะมีบาร์ยาวๆ และราคาก็ปิดบนบาร์ D1 ที่ก่อนหน้านี้เป็นพื้นที่ High ที่ราคาสามารถไปถึงได้แค่หางบาร์ ข้อมูลหลักๆ อยู่ที่บาร์ลูกศรชี้ มีลักษณะเหมือกันคือราคสามารถเอาชนะที่เป็นพื้นที่ high ของบาร์ก่อนๆ ได้ที่บอกว่าเป็น resistance/supply มีเทรดเดอร์ที่เข้าเทรดพอราคาชนะกลายเป็น trapped traders และยังมี buy stop orders พื้นที่แถวนั้นด้วย ข้อมูลทั้ง 3 ข้อคือราคาเบรคและปิดบนพื้นที่ high ก่อนนี้ได้ เทรดเดอร์ที่เปิด short positions ตรงนั้นติดลบหมด ถ้าพวกเขาออกเองหรือตั้ง stop loss ล้วนเป็นคำสั่ง buy market orders 2. เทรดเดอร์ประเภท breakout ก็จะตั้ง buy stop orders ที่พื้นที่ high เมื่อราคาไปถึงก็ทำให้เกิด buy market orders 3. ประเภทที่เรียกว่าดูชาร์ตหรือรอเทรดเมื่อข้อมูลเปลี่ยนไป เมื่อเป็นราคาเบรคขึ้นก็เปิด buy market orders ตามอีกเลยทำให้มีแต่ buy orders เป็นหลัก เลยทำให้เกิดบาร์ที่ลูกศรทั้ง 2 ชี้
ข้อความอีกอย่างที่ได้จากลูกศรทั้ง 2 คือราคาสามารถเอาชนะพื้นที่ตรงข้ามได้ แสดงว่ายังบอกถึงการเข้าเทรดของขาใหญ่ด้วย 2 บาร์นั้นทำให้รู้ว่าสถานการณ์ตลาดกำลังจะทำเทรน เพราะราคาสามารถทำ Higher High ได้ แล้วตามด้วย Higher low และ Higher High อีก ดังนั้นน่าจะรอที่ higher low เพื่อเข้าเทรด สถานการณ์แบบนี้ก็จะทำให้เราประยุกต์การเทรดตามเทรนหรือใช้กลยุทธเทรด pullback ในที่นี้ก็คือตอนที่ราคาลงมาทำ Higher Low อีกรอบ เราก็ลงไปหา trade setup ที่ H1/หรือ H4
เมื่อท่านเปิดชาร์ต H1 ท่านจะพบว่าแม้ราคาขึ้นมาก็จริงแต่ดูตอนราคาขึ้นมาที่ลูกศรเลข 1 ท่านจะพบว่าบาร์ยาวๆ ไม่สามารถปิดบนกรอบสีเขียวได้ ที่บอกว่าเป็น D1 supply เราเห็นแค่ว่าราคาสามารถ sideway ได้หลายบาร์และยังอยู่ในพื้นที่กรอบสีเขียวด้วย ไม่มีเทรดเดอร์อยากเปิด sell เยอะเพิ่มตรงนี้ แต่ไม่ได้บอกว่ามี buy traders เยอะเพราะราคาไม่สามารถเอาชนะได้ เรารู้แค่ว่ามีการซึมซับออเดอร์ตรงนี้และมี long/short positions เกิดขึ้นตรงนี้ ถ้าราคาวิ่งสวนฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นก็จะกลายเป็น trapped traders ทันที แต่ปริบทจาก D1 ที่มองลงมายังเป็น trending ดังนั้นจุดที่น่าจะเกิด Pullback ที่ A และ B แต่เมื่อเปิดลงไปอีก M15 ท่านจะพบว่าเป็นไปได้ที่จะลงมาอีกจุด 1 ทั้ง 3 พื้นที่เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจในการเทรด pullback ของ D1 ที่กล่าวมาแต่ต้น
การเข้าใจปริบทแบบนี้จะทำให้ท่านเห็นระยะห่างที่โอกาสราคาจะลงมาทำ high low มากพอที่จะทำกำไรได้ ท่านอาจกล้าที่จะเทรดสวน เช่น ถ้าราคาลงมาถึงกรอบล่างสุดระยะห่างประมาณ 70 บีบได้ หรือถ้าลงมากรอบบนแรกระยะห่าง 30 บีบ กรอบล่างลงมาระยะห่าง 50 บีบ ก็จะเปิดโอกาสให้ท่านเปิด shot positons ลงมาก่อนได้ โดยต้องดูว่าราคาโต้ตอบแต่ละจุดอย่างไรประกอบเป็นสำคัญ เพราะปริบทเป็นผลที่เกิดขึ้นจากราคาเปิดเผยแต่ละ price levels ว่าเป็นอย่างไร ดู Price structure ดูการโต้ตอบ ดูผลที่เกิดขึ้น ดูต่าง timeframes ประกอบเพื่อให้สัมพันธ์กับราคาปัจจุบันและ trade setup ที่ท่านกำลังจะเทรด ที่สำคัญต้องดูให้ออกด้วยว่าเป็นช่วง ranging หรือ trending
ทีมงาน : thaiforexbroker.com