คำถามที่ถูกต้อง เพื่อการเทรดที่มีความเป็นไปได้สูง
การเทรดมีหลายวิธีการที่แตกต่างกันออกไปเช่น เทรดด้วยการมองตลาดแบบ Supply/Demand, trendline, swing, Fibo retracement, Gartley, Elliott Wave, order flow หรืออื่นๆ แต่ทุกอย่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการหาความเป็นไปได้สูงก่อนเทรด ว่าความเป็นไปได้อยู่ข้างท่านหรือเปล่า ในการเทรดแต่ละอย่างไม่ว่าความรู้พวกนี้ ถ้าท่านถามคำถามที่ถูกต้อง ก็จะช่วยให้ท่านเห็นความเป็นไปได้อยู่ข้างท่านมากขึ้น
ราคาขึ้นหรือลงเพราะอะไร ราคาจะวิ่งไปทางไหน ราคาจะวิ่งไปหยุดที่ไหน ราคาจะวิ่งไปได้ง่ายหรือเปล่า ราคาวิ่งไปพอทำกำไรได้หรือเปล่า จำเป็นต้องเทรดทั้งวันหรือเปล่า – หลักการเทรดต่างๆ พวกนี้ก็จะนำเสนอคำตอบที่ต่างวิธีการมองออกไปแล้วแต่หลักการของมัน เพราะเมื่อท่านถามคำถามในการเทรดที่ถูกต้อง ก็เหมือนมาถูกทาง แค่ฝึกฝนประสบการณ์เพิ่มเติม
เป็นที่รู้กันว่าราคาขึ้นลงเพราะจำนวนออเดอร์ที่เกินกัน หรืออธิบายด้วยหลักการ demand และ supply จะง่ายขึ้นเพราะ demand/supply ที่เกิดขึ้นมันเกินกัน ถ้าทางไหนเกินตลอดราคาก็จะวิ่งไปทางนั้น จนกว่าออเดอร์อีกข้างเข้ามามากพอที่จะหยุดหรือเกิน demand/supply อีกข้าง
ดังนั้น คำถามที่ถูกต้อง เพื่อการเทรดที่มีความเป็นไปได้สูง คำถามแรกที่ต้องถามคือว่า ออเดอร์ที่มามากพอที่จะทำให้ราคาไปทางใดทางหนึ่งมาจากใครเทรดและจะดูจากชาร์ตได้อย่างไร
–ถ้าเราตอบแค่เรื่องจำนวนก่อนคำตอบคือ เทรดเดอร์ที่เทรดด้วยจำนวนเยอะหรือวอลลูมเยอะๆต้องเป็นพวกขาใหญ่สถาบันการเงินหรือเฮดฟันเป็นต้นการเข้าเทรดพวกนี้จำมีจำนวนออเดอร์เพียงพอที่จะหยุดหรือดันราคาไปทางใดทางหนึ่งเพราะจำนวนออเดอร์ที่มีมาก
–หยุดคือเมื่อเขาตั้งlimit ordersไว้เมื่อราคามาจากmarket ordersไม่สามารถเกิดพื้นที่นั้นได้และดันไปทางใดทางหนึ่งเมื่อพวกเขาเข้าเทรดเพื่อเอาชนะออเดอร์ฝั่งตรงข้าม
–นี่คือตรรกะแรกที่ต้องมองหาบนชาร์ตให้เป็นก่อนเพราะตรงนี้จะบอกว่าราคาจะหยุดตรงไหนและจะไปทางไหน
แท่งเทียนแทน filled ordersที่ตีกรอบสีชมพูใต้เส้นแดงถ้าจำนวนออเดอร์ไม่เกินกันมากราคาก็น่าจะ sideway แบบแคบๆอยู่ในกรอบแต่เพราะจำนวนที่เข้าเทรดตรงนั้นเกินออเดอร์ฝั่งตรงข้ามากและเยอะจนออเดอร์ฝั่งตรงข้ามไม่พอfillราคาเลยต้องวิ่งไปหาfill ordersที่ราคาต่อไปถ้าราคาต่อไปที่วิ่งไปจำนวนออเดอร์ฝั่งตรงข้ามไม่มากพอหรือฝั่งที่บายสัดส่วนจำนวนออเดอร์ที่เกินกันยังเยอะมากเพราะมีแต่คนเอยากบายโดยไม่สนใจราคาปัจจุบันหรือ market price
ดูแรงออเดอร์จากการเข้าเทรดจะเห็น 2 บาร์ยาว แทบไม่มีหางบาร์ และต่อเนื่องไปทางเดียวกันไม่มีการย่อกลับมา และดูก่อนจะขึ้นมีกรอบราคาพื้นที่เดียวกันแสดงว่าทั้ง sellers และ buyers ยังไม่ได้เปิดเผยว่าใครชนะ แต่ถ้าราคาเบรกทางใดทางหนึ่งจะมี พวกที่เดือดร้อนคือ trapped traders เกิดขึ้น – ตรงนี้ก็จะตอบคำถามแรก และยังเปิดเผยว่าขาใหญ่เข้าเทรดตรงไหน ดังนั้นการเทรดเลยจำเป็นที่ต้องหาว่าขาใหญ่เทรดตรงไหนให้เป็นก่อน แล้วค่อยมาเข้าใจรูปแบบการเทรดของพวกเขาและจะได้หาโอกาสเทรดตาม
คำถามต่อมาราคาจะหยุดตรงไหน – ราคาไม่ได้หยุดเพราะแนวรับ แนวต้าน หรือ demand/supply แต่เพราะ ออเดอร์ฝั่งตรงข้ามมากพอ market orders – เช่นตัวอย่างด้านบน ราคาขึ้นไปแล้วหยุด จากข้อแรกเรื่องออเดอร์ตอบได้ว่าเพราะ ออเดอร์ที่รอ ในที่นี้คือ sell limit มากกว่า buy market oders ที่เข้าไป – คำว่าออเดอร์เกินในที่นี้ต้องอธิบายเพิ่ม ข้อแรก เกินกันเพราะจำนวน sell limit เกิน buy market orders ที่เข้าไป หรือ ข้อ 2. เกินกันเพราะจำนวน buy market orders มันลดลงไปเพราะการปิดทำกำไรของออเดอร์ buy ตั้งแต่ตอนขึ้นของขาใหญ่เลยลดจำนวน buy market orders ไปในตัว. ทั้งสองข้อที่กล่าวมานี้ทำให้เกิดแนวรับ แนวต้าน หรือจุดที่ว่าราคาจะวิ่งไปหยุดตรงไหน
เมื่อท่านหาว่า ราคาจะวิ่งจากไหน โดยใครเป็นคนเทรดเป็นหลัก เพื่อหาจุดอ้างอิงในการวิเคราะห์เพื่อเข้าเทรด และ เข้าใจว่าราคาจะไปหยุดที่ไหนเพราะอะไรเป็น คำถามต่อมาคือจะเทรดที่ไหนและอย่างไร เมื่อเข้าใจ 2 จุดนี้ ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำกำไรในตลาดฟอเรกคือ เมื่อเราเปิดบาย มีคนทำสิ่งเดียวกัน และทำหลังเราเรื่อยๆ เราค่อยจะได้กำไรแต่ถ้าผิดทางก็สูญเสีย ออเดอร์หรือ trade transaction ที่เกิดขึ้นเพราะการจับคู่ออเดอร์จากฝั่ง sell และ ฝั่ง buy เวลานั้นและจำนวนวอลลูมเท่ากันจึงค่อยเปิดเป็น transaction ได้ – เมื่อฝั่งหนึ่งกำไรอีกฝั่งต้องกำลังสูญเสีย เนื่องจากการทำงานออเดอร์บอกว่า ราคาจะวิ่งไปตามฝั่งที่ออเดอร์มากกว่าและเกินตลอดช่วงๆ หนึ่ง จำนวนวอลลูมในการเทรดจึงจำเป็น และเทรดเดอร์ที่มีจำนวนวอลลูมเยอะๆ ก็มีแต่ขาใหญ่ และการเทรดของขาใหญ่จะเทรดด้วยจำนวนวอลลูมเยอะ เลยต้องการจำนวนวอลลูมเยอะพอที่พวกเขาจะเปิดเทรดและจัดการการเทรด ถ้าไม่พอพวกเขาก็จะยังไม่ทำอะไรให้ชัดเจน
จุดที่เลข 2 เป็นการเข้าเทรดอีกรอบ นั่นคือจุดอ้างอิงในการเข้าเทรด เพราะ 1. ร่อยรอยเปิดเผย หลังจากปิดผ่านช่วงเวลามาราคาอยู่ในกรอบและลงมาแถวพื้นที่เลข 1 สองรอบก่อนมาถึงพื้นที่เลข 2 ที่จะเข้าเทรด ก่อนที่ราคาจะลงมาพื้นที่เลข 2 ตอนวิ่งขึ้นไปเป็นการเทสว่ามี limit orders ตรงข้ามหรือเปล่า เท่ากับไป fill ออเดอร์ตรงนั้นๆ ก็เลยลดไปในตัว ขาใหญ่เห็นว่าแถวใต้พื้นที่เลข 1 ที่เทรดเดอร์เปิดบายกัน ต่ำกว่านั้นก็เป็น stop loss ถ้าขาใหญ่ดันราคาไปแตะให้ stop loss พวกนี้ทำงานได้ก็จะกลายเป็น sell orders เนื่องจากขาใหญ่เทรดด้วยจำนวนวอลลูมเยอะ นี่จึงเป็นวิธีการที่เขาจะมั่นใจว่าเมื่อพวกเขาเปิด buy limit แถวหางบาร์ที่เลข 2 ออเดอร์พวกไหนจะวิ่งไปหาออเดอร์ของพวกเขา
ดังนั้นการเทรดเมื่อท่านถามคำถามที่ถูกต้อง ท่านก็จะมองหาคำตอบที่ถูกต้องเป็น หลังจากนั้นเวลาและความอดทนเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องตามมาเพื่อให้ตลาดทำงาน
ทีมงาน : www.thaiforexbroker.com