การวิเคราะห์ : Technical หรือ Fundamental
การวิเคราะห์ข้อมูลในการเทรตต่างกัน ทำให้รูปแบบการเทรดต่างกัน เลยทำให้เกิดมุมมองการเทรดจากจุดเดียวกันต่างกันออกไป ดังนั้นชาร์ตเดียวกันแต่ละเทรดเดอร์มองต่างกันออกไป เพราะทั้งข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ เทรดแบบอิงข้อมูลข่าวหรือที่เป็นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับค่าเงินนั้นๆ หรือเทรดเพราะดูข้อมูลจากราคาหรือ price chart อย่างเดียว
การเทรดที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับค่าเงินนั้นๆ และเพราะการวิเคราะห์ price chart มีข้อดีและข้อเสียต่างกันขึ้นกับเทรดเดอร์ประยุกต์ไป เพราะหลักการทำงานออเดอร์อย่างไรก็เป็นเรื่องเดียวกัน ข่าวยิ่งถ้าเป็นข่าวแรงมีผลต่อพฤติกรรมของเทรดเดอร์เลยทำให้เกิด volatility ช่วงนั้นๆ เยอะเลยมักจะตามมาด้วยการวิ่งที่แรงเกิดขึ้นในเวลาอันสั้นแต่ข่าวก็จะมีผลระยะยาวเป็นหลัก หรือถ้าเป็นการเทรด chart pattern ที่เป็นผลจากการวิเคราะห์แบบ technical เมื่อโครงสร้างเปิดเผยเป็น pattern มักจะตามมาด้วยการเทรดทางนั้นเยอะเพราะเทรดเดอร์ทั้งหลายต่างก็รู้จักเช่น head and shoulders
เปรียบเทียบระหว่างการวิเคราะห์แบบ technical และ fundamental
Technical Analysis | Fundamental Analysis | |
นิยาม | การพยากรณ์การเคลื่อนไหวราคาดู price chart หรือ chart patterns | ใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อเป็นตัวกำหนดหรือเป้าหมายราคา |
ข้อมูลในการวิเคราะห์ | Price actions หรือชาร์ต | ข้อมูล ภาวะเงินเฟ้อ, GDP, อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น |
ช่วงเวลากระททบ | เวลาสั้น ปานกลาง และระยะยาว | ระยะปานกลาง และระยะยาว |
ความสามารถที่ต้องการ | วิเคราะห์ชาร์ตเป็น | วิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจและสถิติเป็น |
วิเคราะห์แบบข้อมูลพื้นฐานหรือ Fundamental analysis
การวิเคราะห์แบบนี้จะประเมินค่าหรือตีค่าจากข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวกับค่าเงินนั้นๆ เป็นหลัก เพื่อเป็นตัวกำหนดราคาจะขึ้นหรือลง โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องการเคลื่อนไหวราคาของค่าเงินนั้นๆ ถ้าตัวเลขไปทางบวกก็จะมองหาโอกาสเทรดไปทางขึ้นเป็นสำหรับค่าเงินนั้นๆ โดยเทรดเดอร์ที่เทรดแนวอิงการวิเคราะห์แบบนี้ก็จะใช้ตัวเลขจากข้อมูลพื้นฐานพวกนี้เป็นตัวกำหนด ความแข็งของค่าเงินนั้นๆ
เทรดเดอร์ที่วิเคราะห์ด้วยข้อมูล fundamental ก็จะวิเคราะห์อัตราเงินเฟ้อ ดุลย์การค้า GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ) การเติบโตและการว่างงาน หรือแม้แต่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ ที่เกี่ยวกับค่าเงินที่เทรดเดอร์ต้องการจะเทรด เช่นอย่างข้อมูลข่าวที่มีการอัพเทดตลอดที่ forexfactory ก็นำเสนอให้ท่านปรับ time zone ให้เข้ากับเวลาประเทศเรา และมีการให้เรื่องผลกระทบต่อค่าเงินด้วยการใช้สี สีเหลืองสำหรับข่าวที่ธรรมดาไม่มีผลกระทบมาก สีส้มสำหรับข่าวที่มีผลกระทบปานกลาง และสีแดงสำหรบข่าวที่มีผลกระทบมากสุด โดยเทรดเดอร์ก็จะใช้ข้อมูลที่ได้จากข้อมูลพื้นฐานพวกนี้ที่เกียวกับค่าเงินนั้นๆ ตามผลกระทบที่ต่างกันออกไปเพื่อเป็นตัวคาดการณ์การขึ้นหรือลงของราคาในอนาคต ไม่ได้คาดการณ์ทันทีแต่เป็นช่วงปานกลางและระยะยาวขึ้นเป็นหลัก เพราะเทรดเดอร์พวกนี้เชื่อว่าอย่างไร ราคาก็ต้องวิ่งมาทางข้อมูลพื้นฐานอยู่ดี
เช่น ถ้าตัวเลขของ GDP (Gross Domestic Product) ที่เกี่ยวกับค่าเงินนั้นๆ สูงกว่าที่คาดการณ์ก็จะส่งผลด้านบวกกับค่าเงินนั้นๆ หรือ CPI (Consumer Price Inflation) สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็จะส่งผลด้านบวกกันค่าเงินนั้นๆ หรือดุลการค้า (Trade Balance) เช่นขาดดุลการค้าเพราะนำเข้ามากกว่าส่งออก ก็จะส่งผลลบต่อค่าเงินนั้นๆ หรือ Central Bank benchmarket rate มีการขึ้นดอกเบี้ยก็จะทำให้ค่าเงินนั้นๆ ไปทางบวก การดูผลกระทบสำหรับเทรดเดอร์ที่ใหม่ต่อการวิเคราะห์เทรดแบบอิง fundamental สามารถดูข่าวจากที่ forexfactory แล้วเปิดชาร์ตย้อนหลังวันนั้นๆ ประกอบได้ว่ามีผลอย่างไร แต่ต้องเข้าใจเรื่องผลกระทบจากการเคลื่อนไหวราคาจากข้อมูลพวกนี้ไม่ได้มีผลทันทีแต่มีผลกระทบระยะปานกลางและระยะยาวเป็นหลัก กลยุทธ์ที่เห็นส่วนมากจะเป็นการเทรดที่ timeframe ใหญ่ขึ้นหรือเช่นพวก swing traders หรือ position traders
สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดๆ เป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อมีข่าว fundamental แรงๆ มักจะส่งผลต่อ volatility ของคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับข่าวเลยทำให้ราคาวิ่งดี มักจะเปิดโอกาสให้เข้าเทรดทำกำไรในเวลาอันสั้นได้
การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ technical หรือ technical analysis
การวิเคราะห์เพื่อหาโอกาสเทรดแบบนี้เรียกสั้นๆ ว่า TA เป็นการใช้ข้อมูลจากราคาที่เปิดขึ้นเป็นหลักที่เกิดขึ้นกับ price chart เป็นทั้งรูปแบบการใช้อินดิเคเตอร์หรือ chart patterns, หรือ price levels ไม่ว่าจะเป็น support/resistance, supply/demand หรือ pivots, Fibonacci Retracements, Elliot Wav, Gartley patterns เป็นต้น ที่เป็นการใช้ข้อมูลจากชาร์ตเป็นหลักในการวิเคราะห์เป็นตัวนำ
โดยวิธีการพวกนี้ เทรดเดอร์ก็จะมีการกำหนดจุดเข้า จุดออก จุด stop loss และ take profit แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ pattern หรือหลักการเทรด เช่น Double Bottom หลักการทั่วไปสำหรับรายย่อยก็จะเข้าเทรดเมื่อราคาเบรคส่วนที่เป็น high ลงจากที่ราคาลงไปทำ Bottom ที่ 2 และการตั้ง stop loss ก็แถว Bottom ที่ 2 เป็นต้น
ส่วนมาก เทรดเดอร์ด้าน TA ก็จะมีทั้งที่อ่านชาร์ตเปล่า อ่านแนวรับ-แนวต้านหรือ demand/supply และใช้อินดิเคเตอร์ประกอบ แล้วแต่รูปแบบการเทรดและความรู้ความเข้าใจตลาดของแต่ละเทรดเดอร์เป็นหลัก หรือมีการใช้หลายๆ อย่างประกอบกัน เช่นทั้งแนวรับแนวต้าน อินดิเคเตอร์ และการวิเคราะห์หลาย timeframes ประกอบกันใช้หลักการ confluence ที่เกิดจากหลาย TA ประกอบกันเพื่อเป็นการเพิ่มความเป็นไปได้แต่ละ trade setup ที่เกิดขึ้น
จะเห็นว่าทั้งการวิเคราะห์แบบ technical และ fundamental เพื่อการเข้าเทรดต่างมีประโยชน์ต่างกันออกไปแล้วแต่กลยุทธ์การเทรดของแต่เทรดเดอร์ หรือใช้ทั้งสองอย่างเข้าดัวยกันเป็นตัวช่วยกรองข้อมูลก่อนการตัดสินใจเข้าและออกจากการเทรด
ทีมงาน : thaiforexbroker.com